ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่634 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่ (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่634 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่ (1)
บทที่634 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่ (1)
“คุณหนูใหญ่ครับ คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”พ่อบ้านเห็นเธอก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด วางของในมือแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ
เวินลั่วฉิงเห็นเขาเก็บกล่องข้าวที่สั่งจากด้านนอก
“เมื่อกี้คนพวกนี้สั่งข้าวมากินจากข้างนอกครับ พวกเขากินเสร็จก็กลับเข้าห้อง ไม่ได้ถามอาการนายท่านเลยครับ”พ่อบ้านเห็นเวินลั่วฉิงจ้องมองกล่องกับข้าว อดส่ายหัวไม่ได้
ก่อนหน้านี้เวินจีหยางไล่คนรับใช้ในบ้านออกหมด หลังจากนายท่านกลับมาก็ไม่ได้จ้างใครมาอีก บอกว่าเงียบสงบหน่อยก็ดี
เรื่องทำกับข้าวก็ตกเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านทั้งหมด ตอนพ่อบ้านยังหนุ่มเคยเป็นเชฟมาก่อน กับข้าวที่ทำออกมาจึงอร่อยเป็นพิเศษ
เมื่อครอบครัวเวินจีหยางย้ายกลับมา ก็หน้าด้านกินฟรีอยู่ฟรีที่บ้านนี้ ปกติถึงแม้พ่อบ้านจะไม่พอใจยังไง แต่ก็ไม่เคยว่า ยังทำกับข้าวให้พวกเขาทานทุกวัน
แต่วันนี้โรคหัวใจนายท่านกำเริบ พวกเขากลับไม่ใส่ใจ พ่อบ้านจึงรู้สึกโกรธมาก!
ดังนั้นพ่อบ้านจึงไม่ได้ทำอาหารกลางวัน เพราะยังไงเสียนายท่านไม่สบาย ไม่อยากกินข้าวอยู่แล้ว
ครอบครัวเวินลั่วฉิงจึงเรียกเดลิเวอรี่มาส่ง ซึ่งมีเพียงสำหรับของพวกเขาเท่านั้น แม้แต่ของนายท่านก็ไม่มี
“ฉันขึ้นไปดูคุณปู่ก่อนค่ะ”ดวงตาเวินลั่วฉิงลุ่มลึก แต่ไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นไปชั้นบนทันที
คุณปู่เวินได้ยินเสียงจึงลุกขึ้น สีหน้าแย่เล็กน้อย แต่ร่างกายไม่ได้รู้สึกไม่สบายแล้ว
ตอนที่เวินลั่วฉิงมาก็ติดต่อกับคุณหมอไว้แล้ว คุณหมอมาช่วยตรวจอาการของคุณปู่เวิน บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เวินลั่วฉิงจึงวางใจในที่สุด
เวินลั่วฉิงไม่ได้เร่งจะกลับบ้านตระกูลถัง แต่อยู่เป็นเพื่อนคุณปู่เวินต่อ
“ในที่สุดยัยบ้าเวินลั่วฉิงก็กลับมาจนได้”อีกห้องหนึ่ง หลี่หยุนรู้ว่าเวินลั่วฉิงกลับมาแล้ว สีหน้ามีรอยยิ้มอันโหดร้ายหลายส่วน
“ก่อนหน้านี้ พวกเรายังหวาดกลัวคุณชายสามเย่อยู่บ้าง แต่ตอนนี้คุณชายสามเย่ทิ้งเธอไปแล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องระแวงอีกต่อไป”
“วางแผนไปถึงไหนแล้ว?”ดวงตาเวินจีหยางกะพริบ น้ำเสียงเบาลงหลายส่วน
“วางใจเถอะ จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ฉันหาคนได้แล้ว นังสารเลวกลับมา พวกเราก็เริ่มแผนการได้ เดี๋ยวฉันจะติดต่อไปเอง ครั้งนี้ฉันจะทำให้นังสารเลวตายทั้งเป็น”หลี่หยุนพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้ามีความอำมหิตมาก
“ตอนนี้คุณชายสามเย่จะแต่งงานกับคุณกู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะสนใจเธออีก เธอไม่มีคนหนุนหลัง พวกเราจะจู่โจมเธอยังไงก็ได้”
“ตอนนี้คุณชายสามเย่ไม่เอาเธอแล้ว เป็นไปได้ไหมที่จะยึดหุ้นส่วนในบริษัทเวินซื่อกรุ้ปคืน?”เวินจีหยางกังวลเรื่องเงินมาก
“อันนี้ก็ไม่แน่”สีหน้าหลี่หยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ดังนั้น แผนการเรายิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเราต้องชิงลงมือก่อนคุณชายสามเย่จะยึดหุ้นส่วนในมือเธอกลับไป มีเพียงอย่างนี้ เมื่อเธอตาย พวกเราถึงมีสิทธิ์เอาหุ้นพวกนั้นมาครอบครอง”
“อืม ถ้างั้นคุณรีบติดต่อคนพวกนั้น คืนนี้พวกเราก็……”สีหน้าเวินจีหยางก็มีความอำมหิตเพิ่มขึ้นหลายส่วน ถึงแม้เขาจะพูดไม่จบ แต่ความหมายนั้นชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนยังไงแล้ว
เวินลั่วฉิงคุยเป็นเพื่อนคุณปู่เวินที่ห้องนอนของท่าน เห็นท่านมีชีวิตชีวาขึ้น เลยให้ท่านพักผ่อนก่อน
เวินลั่วฉิงลงมาชั้นล่าง เธอครุ่นคิดดูแล้วรู้สึกไม่วางใจ จากนั้นก็โทรหาคุณหมอที่เพิ่งมาตรวจอาการของคุณปู่ เมื่อสักครู่
คุณหมอบอกว่าอาการของคุณปู่ไม่สู้ดีนัก ปล่อยให้กระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้อีก
แน่นอน ถึงไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ ด้วยสภาพร่างกายคุณปู่ในขณะนี้ เกรงว่าคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว
คุณหมอบอกว่าสั่งยาใหม่ให้คุณปู่ทาน เวินลั่วฉิงจึงคิดจะไปเอาด้วยตัวเอง
เวินลั่วฉิงรับยาเสร็จ เดินมาถึงครึ่งทางก็ได้รับสายจากถังหลิน
“ฉิงฉิง น้องไปช่วยพี่เอาเงินที่ซินซื่อเนี่ยน”ในสาย เสียงถังหลินส่งมาอย่างร้อนใจ
“หืม?”เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว ซินซื่อเนี่ยนเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองA ในเป็นหนึ่งในธุรกิจใหญ่โต ถังหลินให้เธอไปเอาเงินที่ซินซื่อเนี่ยน?เกิดอะไรขึ้น?
ซินซื่อเนี่ยนเหมือนเป็นของมู่หรงซือถู!เธอไปอย่างนี้จะเอาเงินได้เหรอ?
“ซินซื่อเนี่ยน พี่มีหุ้นส่วนอยู่ตรงนั้น”ถังหลินเข้าใจความสงสัยของเธอ จึงไม่ได้ปิดบังเธอ “พี่รีบใช้เงินก้อนนี้ แต่ตอนนี้ไปไม่สะดวก ทางโน้นออกเช็คเรียบร้อยแล้ว น้องไปเอาเช็คกับเลขาของมู่หรงซือถู เอาเช็คได้แล้วก็อย่าเพิ่งออกมา พี่จะติดต่อบอกน้องอีกที”
“ได้”เวินลั่วฉิงไม่ได้ถามอะไรมาก เวลานี้หากถังหลินไม่สะดวกจริงๆ คงไม่ให้เธอไปดำเนินการแทนหรอก
ถังหลินไม่ได้พูดอะไรมาก คงเป็นความลับสุดยอด
เวินลั่วฉิงไปถึงศูนย์การค้าซินซื่อเนี่ยน เลขาของมู่หรงซือถู รอเธออยู่แล้ว อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร แค่นำเช็คมาให้เฉยๆ
เวินลั่วฉิงยังคงรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย ดังนั้นอดดูจำนวนเงินในเช็คไม่ได้ จากนั้นมุมปากกระตุกอย่างแรง
เชอะ มีเงินจัง
เพราะถังหลินบอกว่าได้รับเช็คแล้วไม่ต้องรีบออกไป เวินลั่งฉิงจึงเที่ยวชมในห้างสรรพสินค้าไปเรื่อยๆ
เวินลั่วฉิงเห็นว่าใกล้จะถึงวันเกิดของเฟิ่งเหมียวเหมียวแล้ว และเวินลั่วฉิงรู้ว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวชอบหยกมาก พอดีเห็นมีร้านขายหยกโดยเฉพาะ เวินลั่วฉิงจึงอยากเดินเข้าไปดูว่ามีแบบที่เหมาะสมหรือไม่
เมื่อเดินเข้าไปเห็นราคาพวกนั้น มุมปากเวินลั่วฉิงกระตุกหลายครั้ง มิน่าล่ะถังหลินถึงได้รับเงินปันผลมากขนาดนี้ ของที่นี่แพงมาก
เหมือนแย่งเงินเลย
ภายในร้าน กำไรหยกที่ถูกที่สุดก็มีราคาหลายล้าน ราคาแพงสุดคือยี่สิบกว่าล้าน
ต่างว่ากันว่าทองนั้นมีราคา ส่วนหยกนั้นไม่อาจประเมินค่าได้ เธอเชื่อคำนี้เสียสนิทใจ
แน่นอน แพงต้องมีสาเหตุอยู่แล้ว ถึงแม้เวินลั่วฉิงไม่ค่อยรู้เรื่องหยกมากนัก แต่ก็ดูออกว่าทั้งคุณภาพวัตถุดิบและคุณภาพสินค้า จะต้องมีคุณภาพดีอันดับหนึ่ง
แพงมาก เวินลั่วฉิงจึงแค่มอง ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้คิดจะซื้อด้วย
พนักงานมองเธอสักพัก เห็นได้ชัดว่าเหลืออด แววตาแสดงความอยากขับไล่เธอออกไปเหลือเกิน
บังเอิญเวลานี้กู่หยิงหยิงกับกู่หลิงหลิงเดินเข้ามาในร้านแห่งนี้ด้วย
“คุณกู่ คุณมาแล้วเหรอคะ วันนี้จะดูเป็นอะไรดีคะ?”พนักงานเห็นกู่หยิงหยิง สีหน้ารีบฉายรอยยิ้มออกมาทันที พร้อมกับเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ทิ้งเวินลั่วฉิงไว้อีกทาง
เวินลั่วฉิงได้ยินคำว่าคุณกู่ จึงชำเลืองไปมองแวบหนึ่ง พบว่าเป็นกู่หยิงหยิง มุมปากพลางเม้มขึ้นเล็กน้อย
อันนี้ถือว่าโลกแคบในหมู่ศัตรูหรือเปล่า?
“ฉันอยากซื้อกำไรหยกมอบเป็นของขวัญค่ะ”เพราะเวินลั่วฉิงหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ กู่หยิงหยิงจึงไม่เห็นเวินลั่วฉิง
“คุณกู่จะมอบให้ใครคะ?อายุประมาณเท่าไหร่คะ?”พนักงานได้ยินว่ากำลังจะขายงานได้ ดวงตาพลันสว่างจ้า ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น พนักงานอีกสองคนก็ล้อมเข้ามา
“ฐานะสูงส่ง อายุประมาณเจ็ดสิบ”คล้ายกับกู่หยิงหยิงจะพูดสุ่มๆหนึ่งประโยค
“อ่อ ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณกู่จะมอบให้แก่คุณย่าเย่ใช่ไหมคะ?คุณกู่มีความกตัญญูจริงๆค่ะ”พนักงานคนนี้มีไหวพริบ และประจบสอพลอเก่ง