ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่636 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่(3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่636 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่(3)
บทที่636 เทพธิดาเวินสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่(3)
เธอจะดูว่าเวินลั่วฉิงจะแก้ต่างยังไง?
วันนี้เวินลั่วฉิงตายแน่!
“ได้ยินว่าตระกูลเวินล้มละลาย บริษัทเวินซื่อกรุ้ปถูกบริษัทเย่กรุ้ปกว้านซื้อไปแล้ว ตอนนี้คุณชายสามเย่จะแต่งงานกับพี่สาวฉัน ไม่ได้เกี่ยวพันกับคุณเวินอีก ดังนั้นคุณเวินยากจนถึงขั้นเริ่มขโมยของแล้วเหรอ”กู่หลิงหลิงมองเวินลั่วฉิง จงใจใช้เสียงตกใจ เวลานี้เธอจงใจปรับเสียงให้สูงขึ้น ซึ่งระดับเสียงเพียงพอให้คนรอบข้างได้ยิน
ได้ยินว่าขโมยของ คนจำนวนมากก็มุงกันเข้ามาดู
“คนนี้ก็คือเวินลั่วฉิง?คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเวิน?โอ้สวรรค์ ขี้เหร่จริงๆ ขี้เหร่ขนาดนี้ ยังมีหน้าแต่งงานกับคุณชายสามเย่อีก?”ช่วงนี้เวินลั่วฉิงโด่งดังมาก มีคนจำเธอได้จำนวนมาก
“ใช่หน่ะสิ หน้าตาอย่างเธอ ผู้ชายคนไหนจะกล้าสู่ขอ ตื่นมากลางดึกคงนึกว่าเห็นผีได้”
“ถูกต้องแล้วที่คุณชายสามเย่เลือกคุณกู่ เรื่องนี้โทษคุณชายสามเย่ไม่ได้จริงๆ”
“อัปลักษณ์อย่างนี้ เธอยังกล้าขโมยของอีก โอ้สวรรค์ คนอย่างนี้ทำไมยังให้มีชีวิตอยู่บนโลกอีก”
คำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนยิ่งไม่น่าฟังเรื่อยๆ
แต่เวินลั่วฉิงยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย ไม่พบความผิดปรกติใดๆ
“เธอขโมยอะไร?”มีคนเห็นในเมื่อเวินลั่วฉิงไร้สิ่งของ อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้
“คือ……”กู่หลิงหลิงได้ยินคนถาม จึงอยากตอบ แต่กู่หยิงหยิงลากตัวไว้ “น้องก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัด อย่าพูดซี้ซั้ว”
สถานการณ์เช่นนี้ บางคำไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอเอ่ย
“กำไรหยกหนึ่งชิ้น ราคาเหยียบยี่สิบกว่าล้าน”เวลานี้พนักงานยิ่งมั่นใจว่าเวินลั่วฉิงเป็นผู้ขโมยกำไรหยก ดังนั้นเธอพูดประโยคนี้อย่างแน่ใจ
“ความหมายของคุณก็คือ ฉันขโมยกำไรหยกของพวกคุณ?”ดวงตาเวินลั่วฉิงหรี่ขึ้น มองไปยังพนักงาน มุมปากขยับเล็กน้อย เปล่งออกมาทีละถ้วยคำช้าๆ
เวลานี้เสียงของเธอไม่ดัง แต่ก็เพียงพอให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยิน
“ใช่หรือไม่ ค้นก็รู้”พนักงานคนนั้นสบตากับเวินลั่วฉิง ร่างกายพลันแข็งค้าง เปลี่ยนวิธีพูดใหม่
“ออ แล้วคุณลองว่ามาสิจะค้นอย่างไง?”มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่จ้องพนักงานไว้ ซึ่งน้ำเสียงเบาและช้ามาก
“ค้นตัว หากคุณขโมยคงต้องซ่อนอยู่บนตัวแน่ๆ แค่ค้นดูก็รู้แน่ชัดแล้ว”พนักงานรู้สึกว่าเรื่องนี้ง่ายมาก
“ค้นตัว?คุณมีคุณสมบัติอย่างนี้หรือเปล่า?”เวินลั่วฉิงมองหน้าอีกฝ่าย ดวงตาเคร่งขรึมเล็กน้อย ค้นตัวเธอ?ช่างกล้าจริงๆ
“เวินลั่วฉิง คุณขโมยของ เลยไม่กล้าให้ค้นตัวเหรอ?”กู่หลิงหลิงอดพูดหนึ่งประโยคไม่ได้
กู่หลิงหลิงกล่าวจบ ผู้คนก็เริ่มซุบซิบอีกครั้ง
“ใช่แล้ว เธอต้องขโมยแน่ๆ เลยไม่กล้าให้ค้นตัว หากไม่ขโมยก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร”
“ค้น ค้นตัวเธอ ให้ทุกคนเห็นว่าคุณเวินหน้าไม่อายขนาดไหน”
“ร้านพวกคุณไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอ?”อีกฝ่ายด่าได้เจ็บแสบมาก แต่เวินลั่วฉิงกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ พลางกวาดสายตามองไปยังกู่หยิงหยิง
จับภาพกู่หยิงหยิงกำลังยิ้มอย่างลำพองใจ เวินลั่วฉิงก็อดแอบยิ้มไม่ได้ เห็นท่ากล้องวงจรปิดในร้านคงมีปัญหา
“กล้องวงจรปิดของพวกเราเสียพอดี เมื่อสักครู่แจ้งให้มาซ่อมแล้ว”พนักงานอีกคนรีบอธิบาย
มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย ดีงาม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะให้เรื่องนี้เข้มข้นขึ้นอีกดีกว่า
เรื่องเช้าวันนี้ เธอยังไม่ได้คิดบัญชีกับกู่หยิงหยิงเลย ตอนนี้พวกหล่อนคิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเธออีก ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้โทษเธอเลย
หวังแค่ว่าต่อจากนี้พวกหล่อนจะรับมือไหว
“ขออภัยค่ะคุณเวิน พวกเราก็เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีทางเลือกจริงๆ หวังว่าคุณเวินจะเข้าใจพวกเรานะคะ”พนักงานอีกคนมีมารยาทกว่าเยอะ
“เธอพูดอะไรกับหล่อนเยอะแยะ ค้นตัวเลยสิ กำไรหยกต้องอยู่บนร่างกายหล่อนแน่ๆ”พนักงานในร้านอีกคนพูด และเดินไปด้านหน้าเวินลั่วฉิง เพื่อจะค้นตัวเวินลั่วฉิง
เมื่อเวินลั่วฉิงกวาดสายตามองสองคนนี้ สองคนนี้ที่สบตาเข้ากับเธอก็ต้องชะงักค้าง
พนักงานสองคนนี้หยุดการกระทำ เวินลั่วฉิงเดินเข้าไปภายในร้าน นั่งบนเก้าอี้สูง มองพนักงานที่ยังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ พูดเสียงต่ำว่า “แจ้งความ”
“หา?”เห็นได้ชัดว่าพนักงานคนนั้นตะลึงงัน มองเวินลั่วฉิงอย่างประหลาดใจ เธอขโมยของแล้วยังคิดจะแจ้งความอีก?
“เหตุการณ์อย่างนี้ ตามขั้นตอน พวกคุณต้องแจ้งความไม่ใช่เหรอ?”เวินลั่วฉิงเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้ง จึงเสริมอีกหนึ่งประโยค
“ใช่สิ ของหายต้องแจ้งความ ค้นตัวเองไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นคนในร้านมีกันเยอะ กล้องวงจรปิดของพวกคุณก็เสีย พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าคุณเวินเป็นคนขโมย?”กลุ่มมุงดูมีคนพูดเป็นธรรมขึ้นมาในที่สุด
“หากไม่ใช่เธอขโมย แล้วเป็นคุณกู่ขโมยหรอกเหรอ?ตระกูลกู่ร่ำรวยขนาดนั้น คุณกู่จะแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่อยู่แล้ว จะขโมยกำไรหยกแค่หนึ่งอันได้เหรอ?”แต่มีคนคัดค้านทันที
“คุณกู่เป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองA จะขโมยของได้อย่างไร”
“ฉันก็แนะนำให้แจ้งความค่ะ”แน่นอนกู่หยิงหยิงหวังว่าเรื่องนี้ยิ่งเอิกเกริก ยิ่งโกลาหลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เวินลั่วฉิงขายหน้ามากเท่านั้น
เวินลั่วฉิงคงไม่รู้ว่ากำไรหยกชั้นนั้นอยู่ในกระเป๋าของเธอ
พอตำรวจมาถึง ขอแค่ค้นตัว ก็สามารถค้นกำไลหยกชิ้นนั้นออกจากระเป๋าของเวินลั่วฉิงได้แล้ว พอถึงเวลานั้นก็น่าสนใจแล้ว
กำไรหยกยี่สิบกว่าล้านเข้าคุกได้เลย
เวินลั่วฉิงมีประวัติด่างพร้อยอันนี้ เย่ซือเฉินก็ไม่เอาเวินลั่วฉิงแน่
เวลานี้กู่หยิงหยิงยิ่งจินตนาการก็ยิ่งได้รส ยิ่งคิดก็ยิ่งมีดีใจ
“ได้ แจ้งความ แจ้งความเดี๋ยวนี้”กู่หยิงหยิงยิ่งอยากให้เป็นเช่นนี้ เพราะเธอเป็นคนยัดกำไรหยกชิ้นนั้นเข้ากระเป๋าเวินลั่วฉิงกับมือ
“พี่หลิว ตอนนี้เอายังไงดีคะ?”เดิมทีพนักงานสองคนที่คิดจะค้นตัวเวินลั่วฉิง ตอนนี้มองไปยังพนักงานที่อยู่ด้านในเคาน์เตอร์
อันที่จริง พวกเธอก็ไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แค่เอาของกลับมาก็พอ
“คุณเวินจะแจ้งความจริงๆเหรอคะ?”พี่หลิวมองหน้าเวินลั่วฉิง ใบหน้ามีความสับสนที่ซับซ้อนหลายส่วน เมื่อสักครู่คนในร้านก็มีเพียงพวกเขาไม่กี่คน พวกเขามีพนักงานกันอยู่สามคน คงไม่ขโมยแน่ๆ คุณกู่ทั้งสองก็คงไม่ขโมย
ดังนั้นคนที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือเวินลั่วฉิง
หากแจ้งความเรื่องนี้ อันที่จริงก็ไม่มีผลดีกับเวินลั่วฉิงเลย
“คุณแจ้งความเถอะ ตำรวจมาแล้ว ฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่”เวินลั่วฉิงกวาดสายตามองเธอผ่านๆ ยังคงใช้น้ำเสียงเบาและช้า
ไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด
“ในเมื่อคุณเวินยืนยันว่าจะแจ้งความ พวกเราก็ได้แต่แจ้งความแล้วค่ะ”พี่หลิวเห็นเวินลั่วฉิงยืนยันเช่นนี้ ก็ไม่สะดวกพูดอะไรมาก ได้แต่ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแจ้งความ