ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่906 เมื่อเห็นว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ต้องตกใจจนขนลุกขนพอง(5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่906 เมื่อเห็นว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ต้องตกใจจนขนลุกขนพอง(5)
เวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินหาโรงแรมใกล้ๆ แต่พวกเขายังไม่นอน ตอนที่ข่าวออกมาตอนตีห้านั้น เวินลั่วฉิงตกใจเป็นอย่างมาก ความเย็นชาและแน่นิ่งของเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความสั่นเทา
“พวกเขางั้นเหรอ?พวกเขาโหดร้ายเกินไปแล้ว” เวินลั่วฉิงหายใจแรง ด้วยเสียงแหบแห้ง ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น
เวินลั่วฉิงคิดออกว่าพวกเขาอาจจะใช้วิธีร้ายๆ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะโหดและร้ายกาจขนาดนี้
ไม่มีความเป็นคนขนาดนี้เลยเหรอ!!
เธอไม่เชื่อสักคำในข่าวนี้เลย เพราะเธอรู้ดีว่าถังหยุนเฉิงไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้
คนที่รู้จักถังหยุนเฉิงดีก็จะรู้ว่าถังหยุนเฉิงไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น
แต่อีกฝ่ายยังออกข่าวแบบนั้นอีก
ด้วยฐานะของถังหยุนเฉิง และของตระกูลถังในตอนนี้ การที่อีกฝ่ายกล้าออกข่าวนั้น มันต้องเป็น ‘หลักฐานที่แท้จริง’ อย่างแน่นอน
เวินลั่วฉิงรู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่างที่หมู่บ้านยู่สุ่ยเมื่อคืนอย่างแน่นอน
เป็นอะไรที่สามารถทำให้คนพวกนั้นเองมาทำเป็นหลักฐานได้
ในตอนนี้สีหน้าจองเย่ซือเฉินคร่ำเครียดจนน่ากลัว มุมปากของเขาก็เม้มอย่างเต็มแรง โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขาคิดเหมือนกับเวินลั่วฉิงเลย รายงานข่าวแบบนี้ออกมา มันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะมันยังมีเรื่องโหดร้ายอยู่อีกมากมาย
เวินลั่วฉิงโทรไปหาถังหยุนเฉิงอีกครั้ง แต่ก็ยังโทรไม่ติด
ตอนนี้เวินลั่วฉิงอยากรู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่กลับติดต่อถังหยุนเฉิงไม่ได้ เลยอดสื่อสารกันไป
“ยังโทรหาลุงไม่ติดเลย ตอนนี้ลุงน่าจะอยู่ที่หมู่บ้านยู่สุ่ย น่าจะยังไม่เห็นข่าวใหม่”
“ตอนนี้อีกฝ่ายปล่อยข่าวออกมาเพียงข่าวเดียว หลังจากนี้จะต้องมี ‘หลักฐานปลอม’ แน่นอน ดังนั้นตอนนี้พวกเราไม่สามารถจัดการกับรายงานนี้ได้” เย่ซือเฉินเข้าในสถานการณ์นี้ดี ถ้าตอนนี้พวกเขาจัดการมันอย่างเร่งรีบ ผลที่ออกมาอาจจะไม่ดีเท่าไหร่
เมืองไห่ไม่มีอิทธิพลอะไรของพวกเขาอยู่เลย การที่พวกเขาอยากจะควบคุมทุกอย่างนั้นมันไม่ง่ายเลย และยิ่งในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาต้องต่อกรกับตระกูลกู้ แล้วยังมีองค์กรโกสต์ซิตี้……
“ฉันรู้แล้ว” เวินลั่วฉิงคิดถึงจุดหนึ่ง ดังนั้นเธอเลยรีบติดต่อถังหยุนเฉิง เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับถังหยุนเฉิง
เมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับถังหยุนเฉิงแล้ว เธอถึงจะรู้ว่าจะจัดการอย่างไร ขอเพียงแค่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ถึงจะโต้ตอบได้อย่างทันเวลา
“เมื่อวานตอนบ่ายฉันให้กู้หวูมาเมืองไห่แล้ว มันชัดเจนเลยว่ากู้หวูหาอะไรไม่เจอ และไม่ได้ขัดขวาง เพียงแค่ตระกูลกู้ไม่มีความสามารถแบบนั้น ครั้งนี้เกรงว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้จะเข้ามาร่วมด้วย” เย่ซือเฉินไปเก็บข่าวของกู้หวู กู้หวูบอกว่าเมื่อคืนเขาพาคนมาแล้ว แต่หาอะไรไม่เจอเลย มันชัดเจนเลยว่ามีคนรู้ว่าพวกเขามา แล้วตั้งใจขัดขวางพวกเขาแน่นอน
เวินลั่วฉิงรู้ได้ถึงจุดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เลยสีหน้าหนักใจมากขึ้น
ในตอนนั้น ถังหยุนเฉิงยังอยู่ที่หมู่บ้านยู่สุ่ย หลังจากที่เด็กผู้หญิงถูกพาไปก็ไม่เกิดเรื่องอื่นขึ้นอีกเลย
ถังหยุนเฉิงไม่สบายใจเลย เขาเข้าใจตระกูลกู้ดี ว่าถ้าตระกูลกู้อยากจะจัดการเขา จะต้องใช้ทุกวิถีทาง และไม่มีทางล้มเลิกกลางคันแน่นอน
ตอนแรกถังหยุนเฉิงคิดว่าตระกูลกู้อยากจะใช้โอกาสนี้ในการเอาชีวิตเขา หลังจากที่เด็กผู้หญิงปรากฏตัวแล้ว เขาคิดว่าคนของตระกูลกู้อยากจะให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเกิดเรื่องในมือเขา แต่เมื่อดูๆ แล้ว มันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ถังหยุนเฉิงน่าจะเข้าใจผิดไปเอง
ถังหยุนเฉิงสามารถมีวันนี้ได้ ก็เพราะความฉลาดเฉลียว เพียงแต่ว่า ถังหยุนเฉิงนั้นประเมินคนพวกนั้นต่ำเกินไป แถมยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นไม่เหลือความเป็นคนอยู่ด้วยสิ
ถนนของภูเขาถูกปิด ตอนนี้เขาออกไปไม่ได้ ช่วงเวลาตีสี่ เขาโทรไปหาเวินลั่วฉิง แต่โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงก็ยังปิดเครื่องอยู่
เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเวินลั่วฉิงอยู่บนเครื่อง เพราะว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวส่งข้อความไปบอกเขาว่าเวินลั่วฉิงนั้นจัดการเรื่องที่ประเทศMเสร็จแล้วจะรีบตามมาที่เมืองไห่
เมื่อคิดเวลาดู เวินลั่วฉิงก็น่าจะยังอยู่บนเครื่อง
ตอนใกล้ๆ ตีห้า ถังหยุนเฉิงกำลังจะโทรหาเฟิ่งเหมียวเหมียว แต่เครื่องของอีกฝ่ายก็ยังปิดเครื่องอยู่
แววตาของถังหยุนเฉิงนั้นหนักใจ เพราะปกติเฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ปิดเครื่องแม้แต่ตอนนอนด้วยซ้ำ การที่เขามาเมืองไห่นั้นเฟิ่งเหมียวเหมียวจะต้องกังวลแน่นอน และแทบไม่มีทางปิดเครื่องด้วยซ้ำ
ถังหยุนเฉิงคิดว่าโทรศัพท์ของเขาน่าจะถูกทำอะไรสักอย่าง แต่โทรศัพท์ของเขาอยู่กับตัวตลอด และไม่เคยมีใครไปยุ่งกับโทรศัพท์เขาเลย
ถ้ามีคนไปยุ่งกับโทรศัพท์ของเขา เขาไม่มีทางไม่รู้ได้เลย ดังนั้นถังหยุนเฉิงเลยค่อนข้างมั่นใจ
ถ้างั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
ถังหยุนเฉิงหรี่ตาลง โทรศัพท์ของเสี่ยวอู๋นั้นตกน้ำ เลยเปิดไม่ติด
ถังหยุนเฉิงยืมโทรศัพท์ของเจ้าของของที่พักของชาวบ้าน ก่อนจะใส่เบอร์ของเวินลั่วฉิง แล้วโทรไป แต่อีกฝ่ายก็ปิดเครื่องเหมือนกัน
ถังหยุนเฉิงเลยโทรไปหาเฟิ่งเหมียวเหมียวอีก แต่ก็ได้คำตอบเหมือนเดิม
ดังนั้น อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรกับโทรศัพท์เขา แต่เพราะสัญญาณในหมู่บ้านนี้มันโดนบล็อกไปต่างหาก
แต่ ตอนที่เขาเพิ่งมาถึง ก็ยังโทร และรับได้ ตอนนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรเลย
หลังจากที่เขามาเพื่อดูสถานการณ์ยังโทรไปรายงานกับหัวหน้ากงอยู่เลย
ตอนนั้นหัวหน้ากงบอกว่าถ้าไม่มีอะไร ก็ให้กลับไปได้เลย ตอนนั้นหัวหน้ากงเองก็ดูปกติดี
เขาโทรไปหาเฟิ่งเหมียวเหมียวตอนสองทุ่มกว่าๆ ด้วยซ้ำ เขากลัวว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวจะกังวล เลยไม่ได้พูดอะไรมาก
ดังนั้น อีกฝ่ายจะต้องบล็อกสัญญาณรอบๆ นี้ภายหลังแน่นอน
น่าจะเป็นตอนที่พวกเขากำลังจะออกไปในเมื่อคืนเวลาราวๆ สามทุ่ม
โดยปกติการพักผ่อนของถังหยุนเฉิงนั้นมีเวลาชัดเจน ช่วงเวลาสี่ทุ่มก็พักผ่อนแล้ว ดังนั้นเลยมีน้อยคนมากที่จะโทรไปหาเขาหลังจากสี่ทุ่ม
ดังนั้นเมื่อคืนวานถังหยุนเฉิงเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้น จากนั้นเมื่อโทรหาเสี่ยวอู๋แล้วไม่ติด แต่ตอนที่เสี่ยวอู๋กลับมากลับบอกว่าโทรศัพท์ตกน้ำ
ตอนนั้นถังหยุนเฉิงเองก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ
แต่ไม่พูดไม่ได้เลย ว่าอีกฝ่ายคิดแผนอย่างละเอียด
ถ้าพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ถังหยุนเฉิงไม่กลัว แต่แผนร้ายๆ แบบนี้ถังหยุนเฉิงเองก็ไม่ชินเท่าไหร่
“ประธานถัง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เสี่ยวอู๋เห็นถังหยุนเฉิงมีสีหน้าเคร่งเครียด ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
อีกอย่างเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะหนักกว่าเดิม เพราะเขาอยู่ข้างกายประธานถังมาหลายปี และไม่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้เท่าไหร่
“ยังไม่รู้” ถังหยุนเฉิงยังคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายอยากจะทำอะไรกันแน่ ดังนั้นตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เอาเขามาขังไว้ที่หมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ ไม่ให้เขาติดต่อกับโลกภายนอกงั้นเหรอ?
หลังแล้วจากนั้นล่ะ?
ว่ากันตามเหตุผล นี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ คนพวกนั้นก็ไม่สามารถให้เขาอยู่ที่นี่ได้ตลอดเหมือนกัน
แต่สิ่งที่ถังหยุนเฉิงไม่รู้ก็คือ ตอนนี้ภายนอกยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว…