ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1028 วิธีการจับชู้ของคุณชายสามเย่ไร้คนเทียบเทียมจริงๆ (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1028 วิธีการจับชู้ของคุณชายสามเย่ไร้คนเทียบเทียมจริงๆ (4)
“ไม่อยู่แล้ว ฉันเดาว่าเขาน่าจะอยู่ระหว่างเดินทางมาที่นี่”เวินลั่วฉิงรู้จักเย่ซือเฉินดี ประโยคสุดท้ายเธอจงใจพูดให้เย่ซือเฉินฟัง เธอเชื่อว่าเย่ซือเฉินได้ยินคำพูดนั้นแล้วจะรีบมาทันที
และขอเพียงเย่ซือเฉินรีบมาก็จะได้เจอหน้าจื่อโม่สุดที่รักแล้ว ถึงเวลาทุกความเข้าใจผิดก็จะจางหาย แน่นอนสองพ่อลูกก็จะสามารถปฏิบัติอย่างจริงจังและเปิดเผยต่อกัน
จื่อโม่สุดที่รักได้ก่อกวนแล้ว เรื่องนี้ก็ควรจบเสียที
ทว่าตอนนี้ให้จื่อโม่สุดที่รักรู้ว่าเย่ซือเฉินนินทาว่าเขาเป็นแมงดา และจื่อโม่กำลังโกรธอยู่ ดังนั้นเกรงว่าจื่อโม่คงไม่ยอมนับพ่อเย่ซือเฉินง่ายๆ
ทว่าเย่ซือเฉินต้องมาแน่ๆ เพียงแค่เย่ซือเฉินมาถึง ได้เจอหน้าถังจื่อโม่ จัดการเรื่องบางเรื่องต่อหน้าจะสะดวกกว่า
ถังจื่อโม่ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิง ใบหน้าเปลี่ยนสีทันที“ผมไม่ยอมรับเขา เขามาผมก็ไม่เจอหน้าเขา เขาด่าผมว่าผมเป็นแมงดา ผมจะไม่ยอมรับเขา”
ดังคาด เวลานี้เด็กน้อยถังจื่อโม่อารมณ์พลุ่งพล่านจริงๆ
“จื่อโม่สุดที่รัก เขาเป็นพ่อแท้ๆของลูก สุดท้ายพวกลูกก็ต้องยอมรับกันและกันอยู่ดี”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจเบาๆ เธอรู้สึกรีบร้อนเล็กน้อย แต่เธอก็ฝืนบังคับจื่อโม่สุดที่รักไม่ได้
จื่อโม่สุดที่รักไม่มีพ่อเคียงข้างแต่เด็ก เขาเป็นคนรู้ความมาก แต่ก็หวั่นไหวมากเช่นกัน สำหรับความรักจากพ่อ เขาทั้งรอคอยอย่างมีความหวังและประหวั่นพรั่นพรึง ดังนั้นในบางเรื่องเธอจะรีบร้อนบีบบังคับไม่ได้ จำเป็นต้องให้จื่อโม่คิดได้เอง ยอมรับเย่ซือเฉินจริงๆ
“แต่คุณชายสามเย่มาแล้ว ผมไม่อยากเจอก็คงไม่ได้แล้วละ”ฉู่หลิงเอ๋อเห็นการตอบสนองของถังจื่อโม่ ดวงตาพลันกะพริบปริบๆ “คุณชายสามเย่มาถึง ผมคิดว่าผมยังหลบได้อยู่หรือ?”
“ใครบอกว่าผมหลบหน้าเขาไม่ได้!”ถังจื่อโม่ทำหน้าบึ้ง แววตาเผยความดื้อรั้นหลายส่วน“ผมไม่แพ้ให้เขาหรอก ไม่มีทางแพ้เขาเด็ดขาด”
เวินลั่วฉิงหันไปมองฉู่หลิงเอ๋อแวบหนึ่ง “เวลานี้ยังคิดจะราดน้ำมันบนเปลวเพลิงอีก?”
“ฉัน…..แค่อยากเกลี้ยกล่อมจื่อโม่สุดที่รักเฉยๆ แต่กลับได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม”ฉู่หลิงเอ๋อมองเวินลั่วฉิงด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่ยิ้มนี้มีความฝืนเล็กน้อย
“เชื่อคุณก็แปลกแล้ว”เวินลั่วฉิงถลึงตาใส่เธอ ฉู่หลิงเอ๋อชอบดูความคึกคักจนไม่คำนึกว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คำพูดของฉู่หลิงเอ๋อเป็นตัวยั่วโมโหถังจื่อโม่ชั้นดีเลยละ
ถึงอย่างไรถังจื่อโม่ก็ยังเป็นเด็กอายุห้าขวบ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าถจื่อโม่กำลังโกรธอยู่ ฉู่หลิงเอ๋อมายุแยงอย่างนี้ ถังจื่อโม่ไม่ตกหลุมพรางถึงจะแปลก
“คุณผู้หญิงครับ คุณชายสามเย่มาครับ”เวลานี้นี่เอง เสียงของพ่อบ้านส่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เพราะเสียงพ่อบ้างดังพอสมควร ฉู่หลิงเอ๋อเข้ามาก็ไม่ได้ปิดประตู ดังนั้นคนในห้องจึงได้ยิน
“ผมจะซ่อนตัว พวกแม่ไม่ต้องบอกเรื่องผมให้เย่ซือเฉินรู้นะครับ ถ้าใครบอกเย่ซือเฉิน บอกจะเลิกคบกับคนนั้นอย่างถาวรเลยครับ”ถังจื่อโม่ได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านกล่าวก็เกือบกระโดดขึ้นมา อยากซ่อนตัวด้วยจิตใต้สำนึก ทว่าก่อนจะเริ่มทำตามความคิด เขาไม่วายข่มขู่ผู้หญิงในห้องทั้งสองคน
“ลูกรักจะเลิกคบถาวรกับแม่ด้วยเหรอ?”เวินลั่วฉิงยกริมฝีปากขึ้น แสร้งทำหน้าน่าสงสาร
“ถ้าแม่เลือกเย่ซือเฉิน แสดงว่าแม่เห็นเขาสำคัญกว่าผม”ถังจื่อโม่มองไปยังคุณแม่ของตน ประโยคนี้ไม่ได้เจือความข่มขู่แต่อย่างใดหากแต่มีความปวดใจหลายส่วน
“จื่อโม่สุดที่รัก ลูกรู้อยูเต็มอกว่าลูกกับน้องสาวสำคัญที่สุดสำหรับแม่”เวินลั่วฉิงถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับชอกช้ำใจหลายส่วน
“คุณแม่ไม่ต้องช่วยเย่ซือเฉินถ่วงเวลาเลยครับ ตอนนี้ผมยังไม่อยากทำความรู้จักกับเขา ดังนั้นพวกแม่บอกเรื่องผมให้เย่ซือเฉินรู้ไม่ได้ครับ ไม่เช่นนั้นพวกแม่จะกลายเป็นคนทรยศหักหลังผมครับ”ถังจื่อโม่เปิดโปงเจตนาของเวินลั่วฉิงโดยตรง แถมครั้งนี้เขาพูดได้รุนแรงมาก แม้แต่าคำว่าทรยศหักหลังก็เอามาใช้แล้ว
“รุนแรงขนาดนี้เลยหรือ?”ฉู่หลิงเอ๋อตกใจ มีความรุนแรงขนาดนี้เลยหรือ?
“ใช่ครับ รุนแรงถึงขั้นนี้เลยครับ ดังนั้นพวกน้าต้องไตร่ตรองดีๆครับ”ถังจื่อโม่พยักหน้าด้วยสีหน้าเข้มงวด ไม่ติดตลกเลยสักนิด
ถังจื่อโม่พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้อง หายไปจากการมองเห็นของเวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อ
“ตอนนี้ทำไงล่ะ?”ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกมึน มองเวินลั่วฉิงเพื่อถามหาความคิดเห็นของเวินลั่วฉิง
“คุณถามฉัน?”เวินลั่วฉิงจ้องเขม็งใส่เธอ เมื่อกี้เธอยังจงใจยั่วโมโหถังจื่อโม่อยู่หมาดๆ
“ฉันก็คิดไม่ถึงว่าจื่อโม่สุดที่รักจะพูดรุนแรงขนาดนี้ งั้นพวกเราก็บอกคุณชายสามเย่ไม่ได้จริงๆแล้วสินะ?”เดิมทีฉู่หลิงเอ๋อมีความจงใจทำจริงๆ แต่เธอคาดไม่ถึงว่าจื่อโม่สุดที่รักจะจริงจังและเข้มงวดเพียงนี้
ตอนนี้เธอไม่กล้าหักหลังจื่อโม่สุดที่รักจริงๆ
เธอรู้จักนิสัยของจื่อโม่สุดที่รักดี หากเธอหักหลังจื่อโม่จริงๆ วันหลังจื่อโม่ก็จะไม่สนในเธอ จื่อโม่พูดได้ทำได้แน่นอน
“ยังทำอะไรได้อีก?จื่อโม่เป็นคนรู้ความตั้งแต่เด็ก แต่ก็เป็นคนไวต่อความรู้สึกมาก หากเวลานี้พวกเราดันไปบอกเย่ซือเฉิน เขาต้องคิดว่าพวกเราไม่ได้รักเขามาก เขาไม่ยอมนับพ่อกับเย่ซือเฉิน เพราะเขากลัวเย่ซือเฉินไม่รักเขา”เวินลั่วฉิงเข้าใจสภาพจิตใจของถังจื่อโม่ดี ดังนั้นเธอเข้าใจความคิดของจื่อโม่
“อันที่จริงหัวใจของเขาโหยหาความรักนี้มากกว่าใครอื่น แต่ก้นบึ้งหัวใจก็มีความหวาดระแวงมากมาย การขาดความรักจากพ่อตลอดห้าปี ส่งผลกระทบต่อเขามาก เขามีความรู้สึกไวกว่าเด็กวัยเดียวกันด้วย ความคิดอ่านมากกว่าเด็กทั่วไป เขาไม่เหมือนกับจื่อซี”เวินลั่วฉิงสงสารจื่อโม่เป็นที่สุด“ฉันหาเวลาคุยกับเขาดีๆ ดูว่าจะคลายปมในใจเขาได้หรือไม่”
“เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ”ฉู่หลิงเอ๋อทอดถอนใจเบาๆ เธอรู้สึกสงสารจื่อโม่จับใจ เด็กคนนี้รู้ความ มีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นทำให้คนอื่นละเลยความอ่อนแอภายในจิตใจเขาได้ง่าย
“จื่อซีดี ไม่คิดอะไรมาก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน”ฉู่หลิงเอ๋อนึกถึงจื่อซีสุดที่รัก ใบหน้าเผยอารมณ์ผิดแปลกหลายส่วน “ฉันอิจฉาจื่อซีมากที่มีความสุขในวัยเยาว์”
“ใช่แล้ว จื่อซีล่ะ?”ฉู่หลิงเอ๋อพูดถึงจื่อซี จึงนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่เธอกลับมาก็ไม่เห็นหน้าจื่อซีสุดที่รักเลย
“ป้าสะใภ้พาเธอไปบ้านคุณปู่หลี่”เพราะถังหยุนเฉิงมีธุระไม่ได้กลับมา ตลอดหลายวันนี้เฟิ่งเหมียวเหมียวก็รออยู่ในสนามบินเสมอ แต่คืนนี้คุณปู่ตระกูลหลี่มีเรื่อง เฟิ่งเหมียวเหมียวจึงไปดู ก่อนจะไปเฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นจื่อซีอยู่บ้านคนเดียว จึงพาจื่อซีไปเล่นกับหลานชายของคุณปู่ตระกูลหลี่
“ท่านย่าถัง”ชั้นล่าง เย่ซือเฉินเข้ามาในห้องโถงแล้ว เห็นท่านย่าถังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงคนเดียว เขาจึงกล่าวอย่างมีมารยาทหนึ่งคำ