ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1055 ตัวตนที่แท้จริงของเธอ
เวินลั่วฉิงเป็นคนช่างสังเกต แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ค่อนข้างไกลกัน แม้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไป๋หยิงจะไม่กล้าอวดดีเท่าไหร่ และพยายามปกปิดอย่างมาก แต่เวินลั่วฉิงก็ยังคงมองออกอยู่ดี
“ไม่ใช่มั้ง?” ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกอึ้งจนเห็นได้ชัด : “เพราะอะไรล่ะ? เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ทำไมต้องเชื่อฟังหล่อนด้วย? ต่อให้หล่อนมีตำแหน่งสูงส่งอยู่ในองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่น่าจะต้องเชื่อฟังนะ”
เวินลั่วฉิงเม้มปากเล็กน้อย และเงียบไปชั่วขณะ เธอก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่เธอรู้ดีว่าการวินิจฉัยของตัวเองไม่มีทางผิดพลาด
“ฉิงฉิง แล้วเธอคิดว่าคืนนี้หล่อนจะทำอะไรเธองั้นเหรอ?” ตอนนี้ฉู่หลิงเอ๋อไม่ได้มีท่าทางนึกสนุกอีกแล้ว แต่กลับจริงจังและเคร่งขรึมเหมือนตอนปฏิบัติภารกิจ
องค์กรโกสต์ซิตี้ทำให้เธอไม่กล้าประมาท
เวินลั่วฉิงดวงตาลุกวาวเล็กน้อย จากนั้นก็หันสายตาอย่างกะทันหัน ไปมองไป๋หยิงอีกครั้ง
ตอนนี้ไป๋หยิงกำลังพูดคุยอยู่กับคุณหญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน ไป๋หยิงยิ้มตลอดเวลา ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ เลย
แต่ว่า เมื่อครู่เสียงของไป๋หยิงดังไปหน่อย ทำให้เมื่อครู่นี้เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงของไป๋หยิง
ดวงตาของเวินลั่วฉิงหรี่ลงเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ?” ฉู่หลิงเอ๋อเห็นท่าทางผิดปกติของเวินลั่วฉิง จึงเอ่ยถาม
“ฉันเคยได้ยินเสียงของหล่อนมาก่อน” เสียงของเวินลั่วฉิงค่อนข้างทุ้มต่ำ เสียงของผู้หญิงคนนั้นเธอเคยได้ยินมาก่อน
“เมื่อห้าปีก่อนตอนที่อยู่โรงแรมหล่อนน่าจะเคยพูดให้ได้ยิน? เธอเคยได้ยินเสียงของหล่อนก็ไม่แปลกนี่นา” ฉู่หลิงเอ๋อยังไม่ทันตั้งสติ จึงไม่เข้าใจความหมายของเวินลั่วฉิง
“ไม่ ไม่ใช่เมื่อห้าปีก่อน เมื่อห้าปีก่อนตอนที่อยู่โรงแรมหล่อนจงใจเปลี่ยนเสียงพูด ไม่ได้ใช้เสียงจริง ๆ ของหล่อน” เวินลั่วฉิงพูดด้วยท่าทางมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อห้าปีก่อนแม้ว่าเธอถูกวางยา แต่เธอสามารถแน่ใจได้ว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นจงใจปลอมเสียง
“หล่อนจงใจปลอมเสียงแสดงว่าหล่อนกลัวฉันจะฟังเสียงออกว่าหล่อนเป็นใคร? ฉะนั้นเมื่อก่อนฉันต้องเคยได้ยินเสียงหล่อนแน่นอน” เวินลั่วฉิงครุ่นคิด แล้วเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค
“เธอหมายความว่าเธอไม่เคยเจอหล่อนมาก่อน แต่เคยได้ยินเสียงของหล่อน? นี่มันอะไรกัน?” ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกงุนงง : “ฉิงฉิง เธอทำให้ฉันสับสนงุนงงไปหมดแล้ว”
“ฉันคิดว่า ฉันรู้แล้วว่าหล่อนเป็นใคร” เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจออกมา น้ำเสียงฟังดูซับซ้อนเหลือเกิน
“ใคร?” ฉู่หลิงเอ๋อตาเป็นประกายขึ้นมาทันที : “หล่อนเป็นใคร? แล้วแค้นอะไรเธอ?”
เวินลั่วฉิงหลุบตาลงเล็กน้อย ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้เงียบไปชั่วขณะ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่หลิงเอ๋อเห็นเธอเป็นแบบนี้ ดังนั้นฉู่หลิงเอ๋อจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก
“ฉิงฉิง ให้ฉันไปสืบดูหน่อยไหม ดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะทำอะไร?” ฉู่หลิงเอ๋อชอบเรื่องสนุกอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เป็นการเป็นงานเธอก็ไม่ประมาทเลินเล่อเด็ดขาด
“ไม่ต้องหรอก เธอไปสืบก็คงสืบอะไรไม่ได้” เวินลั่วฉิงส่ายหน้า มองไปทางฉู่หลิงเอ๋อ : “วันนี้แขกมากขนาดนั้น เวลาสั้น ๆ สืบอะไรไม่ได้หรอก อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ถนัดหลอกใช้คนอื่น ไม่มีใครรู้ว่าแผนการต่อไปของหล่อนจะหลอกใช้ใครอีก”
“แล้วพวกเราจะไม่ทำอะไรกันเลยเหรอ รอให้หล่อนมาทำร้ายเธอเนี่ยนะ?” ฉู่หลิงเอ๋อนัยน์ตาลุกวาวเล็กน้อย : “นี่ไม่ใช่สไตล์ของเธอเลยนะ และก็ไม่ใช่สไตล์ของฉันด้วย”
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงของเว้ยคัง เมื่อครู่นี้เป็นเพราะฉันเลยเกิดเรื่องวุ่นวายไปยกหนึ่งแล้ว……” เวินลั่วฉิงพูดไม่จบ แต่ความหมายกลับชัดเจนมาก วันนี้เป็นงานเลี้ยงของเว้ยคัง เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีก
เธอหวังว่าการวินิจฉัยของเธอจะผิดพลาด เธอหวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก
และเธอก็ไม่อาจไปก่อเรื่องที่ไม่จำเป็นก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะลงมือทำอะไร
“ฉันเข้าใจความหมายของเธอแล้วล่ะ” ฉู่หลิงเอ๋อแอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง : “วางใจเถอะ ฉันไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก”
คำพูดของฉู่หลิงเอ๋อชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงโหดว่า : “ขอให้ยัยผู้หญิงคนนั้นสงบเสงี่ยมหน่อยแล้วกัน อย่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะระเบิดหล่อนเอง”
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของฉู่หลิงเอ๋อก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอรู้จักนิสัยฉู่หลิงเอ๋อเป็นอย่างดี แน่นอนว่าเธอยิ่งเข้าใจดีว่าฉู่หลิงเอ๋อเป็นห่วงเธอ
เมื่อเห็นไป๋หยิงพาเฉิงโหรวโหรวเดินมุ่งไปทางคุณนายเหว้ย เวินลั่วฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย : “พวกเราเข้าไปทักทายกันหน่อย”
“ทักทายยัยเจ้าหญิงแอ๊บแบ๊วคนนั้นกับยัยร้ายลึกโหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้นเนี่ยนะ?” ฉู่หลิงเอ๋ออึ้งไป แล้วทำตาโตจ้องเวินลั่วฉิง
เธอไม่เข้าไปซัดหน้ายัยร้ายลึกคนนั้นสักหมัดก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังจะให้เธอเข้าไปทักทายพวกมันอีกเหรอ?
“ข่มขู่! นี่เป็นเรื่องที่เธอถนัดสุดไม่ใช่หรือไง?” เวินลั่วฉิงเข้าใจความหมายของฉู่หลิงเอ๋อดี เธอจึงมองฉู่หลิงเอ๋อแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ดีสิ เอาเลย เรื่องนี้ฉันถนัดที่สุด และก็ยินดีทำเป็นอย่างยิ่ง” ฉู่หลิงเอ๋อกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที ข่มขู่ยัยร้ายลึกคนนั้น เธอชอบที่สุดเลยล่ะ
“ถ้าหากหล่อนฟังรู้เรื่อง ว่าคืนนี้อย่าก่อเรื่องก็คงจะดีที่สุด” เวินลั่วฉิงเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงต่ำเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่ง
วันนี้เป็นงานเลี้ยงของเว้ยคัง เวินลั่วฉิงไม่อยากทำลายงานเลี้ยงของเว้ยคัง
“แล้วจะรออะไรอีกล่ะ? ไปสิ” ฉู่หลิงเอ๋อเข้าใจความหมายของเวินลั่วฉิงดี ก็แค่ข่มขู่ยัยร้ายลึกคนนั้นไม่ใช่เหรอ? สำหรับเธอถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เวินลั่วฉิงเดินไปทางคุณนายเหว้ย ทันที ขณะที่ไป๋หยิงพาเฉิงโหรวโหรวเดินมาตรงหน้าคุณนายเหว้ย เวินลั่วฉิงก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ คุณนายเหว้ยพอดี
ไป๋หยิงเห็นเวินลั่วฉิงเข้ามากะทันหัน ก็อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง และเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจถึงเจตนาของเวินลั่วฉิงที่จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาแบบนี้
แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาจริง ๆ ของเธอมาก่อน จึงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณนายเหว้ย คนนี้คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราค่ะ”
“หลายวันก่อนฉันก็ได้ยินเรื่องที่องค์กรโกสต์ซิตี้รับตัวเจ้าหญิงคนหนึ่งกลับมา เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้มาร่วมงานเลี้ยงบริษัทเว้ยคังของพวกเรา นับว่าเป็นเกียรติของเว้ยคัง” คนที่เข้ามาหาเป็นแขก อีกทั้งยังเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ คุณนายเหว้ยจึงเสียมารยาทใส่ไม่ได้อยู่แล้ว
ขณะที่คุณนายเหว้ยพูดก็ได้หันไปมองเฉิงโหรวโหรว ใบหน้าไม่ได้ดูผิดปกติเท่าไหร่ แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เธอเคยได้ยินลูกชายพูดถึงเรื่องราวขององค์กรโกสต์ซิตี้ ลูกชายบอกว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ยอดเยี่ยมมาก แต่เจ้าหญิงคนนี้ดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีดีสักเท่าไหร่เลย
แน่นอนว่า เจอหน้ากันครั้งแรกคุณนายเหว้ยไม่รู้จักนิสัยใจคอของเจ้าหญิงคนนี้ว่าเป็นยังไงอยู่แล้ว แต่เจ้าหญิงคนนี้สายตาดูลอกแลกตลอดเวลา แสดงว่าเจ้าหญิงคนนี้กระวนกระวายใจ และไม่มีความมั่นใจในตัวเองมาก ๆ
แน่นอน ในสถานการณ์เช่นนี้คุณนายเหว้ยไม่มีทางพูดอะไรมากหรอก
“คุณนายเหว้ยเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ” เฉิงโหรวโหรวพยักหน้าอย่างมีมารยาทให้คุณนายเหว้ยเล็กน้อย จากนั้นสายตาของเฉิงโหรวโหรวก็หันไปทางเวินลั่วฉิง : “เมื่อครู่เห็นคุณนายเหว้ยออกหน้าแทนคุณเวินคนนี้ ไม่ทราบว่าคุณนายเหว้ยเป็นอะไรกับคุณเวินคนนี้เหรอคะ?”
เฉิงโหรวโหรวนึกถึงเมื่อครู่นี้ที่คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิง ในใจก็เป็นกังวลตลอดเวลา จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ เลยถามหยั่งเชิง!!