ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1071 เป็นพ่อแท้ๆจริงๆ (2)
“ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเย่ซือเฉินเป็นคนเชิญมา”เวินลั่วฉิงก็ตอบแบบกดเสียงต่ำลง
“โอ้พระเจ้า มิน่าล่ะ”ฉู่หลิงเอ๋อกระตุกมุมปากแรงๆ คนที่คุณชายสามเย่เชิญมาจะเป็นคนทั่วไปได้อย่างไร?
มิน่าล่ะถึงได้เก่งกาจเพียงนี้!!
เหมียวเหยียนต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณฟู่แน่!!
เมื่อคุณฟู่พึงพอใจ เหมียวเหยียนก็ย่อมไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว
“หนิงเอ๋อร์ อันนี้คือคำตอบของคุณเหรอ?”บัดนี้เหมียวเหยียนรู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกไหม้อยู่กลางอก ไป๋หยูหนิงถึงขั้นไม่กลับกับเขาเพราะคุณฟู่ผู้นั้น?
“รุ่นพี่ ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันรับปากเขาไว้แล้ว ดังนั้นต้องทำตาม มันคือหลักการของฉันค่ะ”ไป๋หยูหนิงมองไปยังเหมียวเหยียนอีกครั้งกล่าวเสียงสูงกว่าเมื่อสักครู่เล็กน้อย ทั้งยังไม่ได้ลังเลเหมือนก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นท่าทีที่แน่วแน่มาก “รุ่นพี่ค่ะ คุณน่าจะรู้จักนิสัยฉันดี หวังว่ารุ่นพี่จะเข้าใจ……”
“เข้าใจ?คุณจะให้ผมเข้าใจยังไง?เข้าใจว่าคุณอยู่กินกับชายอื่นหรือ?”เหมียวเหยียนหัวเราะเสียงเย็น ไม่ได้ปิดบังความโกรธบนใบหน้า และเขาก็ไม่อยากปิดบังด้วย
เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไร
“หนิงเอ๋อร์ คุณไม่คิดว่ามันโหดร้ายกับผมไปหน่อยหรือ?คุณรู้ว่าผมรักคุณ แต่คุณกลับทรมานผมอย่างนี้?”บัดนี้วิญญาณนักแสดงเข้าสิงร่างเหมียวเหยียนจนแสดงติดใจไปแล้ว ซึ่งเหมียวเหยียนต้องการให้ไป๋หยูหนิงกลับไป จึงจำใจทำเช่นนี้
“รุ่นพี่ค่ะ ไม่ใช่แบบนี้นะคะ”เห็นได้ชัดว่าไป๋หยูหนิงคาดไม่ถึงว่าเหมียวเหยียนจะพูดเช่นนี้ จึงตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ“เพียงแต่ฉันตั้งคำมั่นสัญญากับเขาไว้ ฉันกลับคำไม่ได้จริงค่ะ”
“แล้วคุณสัญญาอะไรกับเขาไว้?คุณสัญญากับเขาแล้วจำเป็นต้องอยู่กินอยู่พักและนอนด้วยกันกับเขาเหรอ?”มุมปากเหมียวเหยียนมีความเย็นเยียบหลายส่วน ถ้อยคำนี้บ่งบอกถึงความบีบคั้นอย่างเด่นชัด
“ฉัน ฉันสัญญากับเขาว่า……”ไป๋หยูหนิงพะว้าพะวังอยากอธิบายให้เหมียวเหยียนฟัง แต่……
“รุ่นพี่ค่ะ ฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จก็จะกลับไป คุณต้องเชื่อฉันนะคะ และฉันกับเขาไม่มีอะไรกันจริงๆค่ะ ฉันไม่ได้ชอบเขา”ไป๋หยูหนิงยังคงไม่อธิบาย ทว่าคำพูดของเธอก็เท่ากับเป็นการให้คำมั่นสัญญา
คุณฟู่ได้ยินไป๋หยูหนิงพูด ดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ขึ้น แต่เวลานี้เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ขอเพียงรั้งเธอให้อยู่ต่อก็เพียงพอแล้ว เขาคงบีบมากเกินไปไม่ได้
หากบีบบังคับมากเกินงาม จะทำให้ได้ผลลัพธ์ตรงข้ามกับเจตนารมณ์
“ดี ดี ดีมาก ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณเลือก งั้น……”เห็นได้ชัดว่าเหมียวเหยียนโมโหคลั่งแล้ว น้ำเสียงของเขาเจือความดุร้ายหลายส่วน“ในเมื่อคุณเลือกอย่างนี้ ผมก็จะสนับสนุนคุณ”
เหมียวเหยียนกล่าวจบก็หันกายจากไปเลย
เหมียวเหยียนไปเร็วมาก แต่เขากลับคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวด้านหลังตลอดเวลา เขารู้สึกว่าเขาแสดงท่าทีเช่นนี้แล้ว ไป๋หยูหนิงคงต้องตามมาเป็นแน่
ทว่าเขาเดินออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ไป๋หยูหนิงกลับไม่ได้ตามมาดังที่เขาคาดเดา
ณ ขณะนี้ไป๋หยูหนิงยืนตัวตรงๆกับที่ พลางมองแผ่นหลังของเหมียวเหยียน
“รุ่นพี่ ขอโทษ”ไป๋หยูหนิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใช้น้ำเสียงที่เธอได้ยินคนเดียวกล่าวเบาๆหนึ่งประโยค
เธอก็ไม่มีวิธีอื่นให้เลือกแล้ว
เดิมทีเหมียวเหยียนมั่นใจมากว่าไป๋หยูหนิงจะตามมา แต่ไป๋หยูหนิงไม่ได้ตามมา เหมียวเหยียนก็ไม่สะดวกย้อนกลับไป และอยู่ในงานเลี้ยงต่อก็ไม่เหมาะสม
เหมียวเหยียนจึงได้แต่จากไปด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ในที่สุดก็เงียบสงบเสียที”ฉู่หลิงเอ๋อเห็นเหมียวเหยียนไปได้เสียที จึงรอยยิ้มอย่างสดใสออกมา
ผู้ชายกากไปได้สักที รู้สึกว่าทั้งโลกก็เงียบสงบลงในบัดดล
เหมียวเหยียนไปแล้ว ไป๋หยูหนิงก็เก็บสายตากลับมา เมื่อได้ยินฉู่หลิงเอ๋อพูด ไป๋หยูหนิงก็จ้องเขม็งฉู่หลิงเอ๋อแวบหนึ่ง“ฉู่หลิงเอ๋อ คุณจงใจนี่”
“ฉันทำไมเหรอ?ฉันจงใจอะไร?”เวลานี้ฉู่หลิงเอ๋ออารมณ์ดีเป็นพิเศษ กล่าวระบายยิ้มเต็มหน้า“ฉันพูดผิดหรือ?”
ไป๋หยูหนิงอึ้ง ใช่ สิ่งที่ฉู่หลิงเอ๋อพูดเป็นความจริงทั้งหมด
ไป๋หยูหนิงหันไปถลึงตาใส่คุณฟู่ปราดหนึ่ง
“เป็นความผิดของผมเหรอ……”คุณฟู่มองหน้าเธอด้วยแววตาไร้เดียงสาเป็นพิเศษ น้ำเสียงเจือความน้อยเนื้อต่ำใจจากการไม่รับได้ความเป็นธรรมเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงกระตุกมุมปาก ทักษะการแสดงของคุณฟู่นั้นสมจริงกว่าเหมียวเหยียนไม่รู้กี่เท่า
ประเด็นสำคัญคือคุณฟู่ท่านนี้รู้จักนิสัยใจคอไป๋หยูหนิงเป็นอย่างดี ไม่ทำก็คือไม่ทำ หากลงมือเมื่อไหร่เป็นอันต้องคว้าชัยชนะทันที
ไป๋หยูหนิงชะงัก เม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรในเวลานี้ เธอรับปากเรื่องนั้นเอง ดังนั้นจะโทษเขาหมดเสียทีเดียวก็ไม่ได้
“ฉิงฉิง คุณไม่ใช่บอกว่ามีเรื่องให้ฉันช่วยเหรอ?เรื่องอะไร?”บัดนี้ไป๋หยูหนิงเห็นท่าทีของคุณฟู่ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก จึงหาหัวข้อสนทนาใหม่
“อืม”เวินลั่วฉิงพยักหน้าหงึกๆเบาๆ“รอดูก่อน ดูว่าพวกเขาจะทำยังไง?”
ถึงแม้เมื่อสักครู่จะวุ่นอยู่กับเรื่องของไป๋หยูหนิง ทว่าเวินลั่วฉิงก็ยังคงสังเกตความเคลื่อนไหวของไป๋หยิงเสมอ
เธอพบว่าไป่หยิงไม่ได้ทำอะไร ไป๋หยิงไม่มีท่าทีผิดสังเกตอะไร
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเบาๆ หรือการขู่เข็ญของเธอกับฉู่หลิงเอ๋อเมื่อสักครู่เป็นผล ดังนั้นไป๋หยิงจึงยกเลิกแผนการร้ายทิ้ง?
หากเป็นเช่นนั้นก็จะดีมากๆเลย
ทว่าเวินลั่วฉิงรู้สึกว่านิสัยของไป๋หยิงแล้ว เรื่องคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ดังนั้นเธอจำเป็นต้องเพิ่มระดับความระมัดระวังตัวแล้ว
อันที่จริงทาไป๋หยิงก็สังเกตเวินลั่วฉิงตลอดเวลา เพราะก่อนหน้านี้เห็นคุณนายเหว้ยคอยปกป้องเวินลั่วฉิง บวกกับไป๋หยิงรู้ว่าเวินลั่วฉิงจำเธอได้แล้ว ดังนั้นไป๋หยิงจึงยิ่งระวังมากขึ้น เธอยังเปลี่ยนแปลงแผนการของเธอด้วย
แผนการที่เปลี่ยนไปของเธอไม่ค่อยเอิกเกริกแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีความโกลาหลใหญ่โตเหมือนแผนก่อนหน้านี้ แต่ไป๋หยิงรู้สึกว่าอาจมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวแน่
ไป๋หยิงอยู่ร่วมวงกับเฉิงโหรวโหรวตลอด ถึงแม้ถ้อยคำปะทะต่อเฉิงโหรวโหรวทำให้ในใจทุกคนเกิดความคิดอื่นขึ้นมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรเฉิงโหรวโหรวก็เป็นองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ เป็นองค์หญิงที่องค์กรโกสต์ซิตี้เปิดเผยสู่สาธารณะ ดังนั้นคนที่มาร่วมงานเกือบทั้งหมดยังคงอยากประจบประแจงเฉิงโหรวโหรว ถึงแม้ไม่จงใจประจบสอพลอ แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าเป็นมิตรต่อเฉิงโหรวโหรว เพราะไม่มีใครอยากเป็นปรปักษ์กับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย
ฉะนั้นเวลานี้เฉิงโหรวโหรวได้รับนิยมอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าเป็นเพศหญิงยอดนิยมในงานกันเลยทีเดียว เฉิงโหรวโหรวกลับมาเป็นจุดศูนย์การสายตาผู้คนอีกครั้ง เป็นบุคคลที่ผู้คนหมายจะเข้าตีสนิทอีกครั้ง
มีหญิงสาวกับบรรดาคุณนายทั้งหลายโอบล้อมเฉิงโหรวโหรวมากมาย ต่างพากันชื่นชมเฉิงโหรวโหรวในด้านต่างๆ ถึงแม้เฉิงโหรวโหรวจะไม่มีข้อดีทักษะเด่นมากนักก็ตามที แต่เหล่าหญิงสาวกับคุณนายทั้งหลายก็สามารถชมจนกลายเป็นดอกไม้ดอกหนึ่ง
เฉิงหรวนหรวนชอบความรู้สึกเช่นนี้ที่สุด บัดนี้เธอลืมเลือนสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจเมื่อสักครู่แล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความหลงระเริงและความลำพองใจ