ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1085 เชิญเทพมามันง่ายนะ แต่จะเชิญเทพออกไปจากบ้านมันยาก เขาจะแต่งงานแล้ว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1085 เชิญเทพมามันง่ายนะ แต่จะเชิญเทพออกไปจากบ้านมันยาก เขาจะแต่งงานแล้ว (1)
กู้หวูก็มีความมั่นใจมาก เขาเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็สามารถลักพาตัวถังจื่อโม่กลับมาได้แล้ว ดังนั้น คำสั่งของคุณชาย เขาสามารถทำให้เสร็จแน่ ทว่ากู้หวูไม่รู้แน่ว่า เชิญเทพมามันง่ายนะ แต่จะเชิญเทพออกไปจากบ้านมันยาก!!
คุณชายสามในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมาของคำสั่งแบบนั้นของตนเอง
หลายๆคนที่ได้รับคำสั่งที่กู้หวูก็รีบปฏิบัติการทันที รีบไปบ้านถังโดยตรง แน่นอน ในเมื่อพวกเขาก็มาลักพาตัวคน ก็ไม่มีทางเข้าไปลักพาตัวอย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้ว อีกอย่างพวกเขาก็ต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อน ไม่ว่ายังไงจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาของถังจื่อโม่เป็นยังไง
ถ้าจะลักพาตัวเขามาให้คุณชาย ยังไงก็ต้องรู้ว่าหน้าตาของถังจื่อโม่เป็นยังไงก่อน คงไม่สามารถลักพาตัวผิดคนหรือเปล่า
นี่ถึงจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุด อย่างอื่นพวกเขากลับไม่ค่อยเอามาใส่ใจ
หากว่าไม่รวมปัจจัยของคุณหญิง เรื่องนี้ต่อให้เกี่ยวโยงไปยังตระกูลถัง ก็ไม่มีทางขัดขวางพวกเขาได้
ตอนนี้คุณชายสามเย่ที่อยู่เมือง A กำลังรอฟังข่าวอยู่
ในงานเลี้ยงตระกูลเว้ย เพราะว่าเวินลั่วฉิงอยากไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง เรื่องที่เกิดจึงไม่ได้สืบสวนต่อไป สุดท้ายกลับไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมายต่องานเลี้ยง งานเลี้ยงยังคง…….
“เวินลั่วฉิงกลับไม่ได้ให้คนสืบค้นอย่างละเอียด? เธอกลัวองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราเหรอ?” เฉิงโหรวโหรวเห็นว่าเวินลั่วฉิงไม่สืบต่อ ภายในใจรู้สึกดีใจ ใบหน้าก็มีความได้ใจเพิ่มขึ้น
ไป๋หยิงกลับไม่ได้คิดได้แง่ดีเหมือนเฉิงโหรวโหรว ไป๋หยิงคิดถึงตอนแรกที่เวินลั่วฉิงคุยกับเธอ เกรงว่าเวินลั่วฉิงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว
ไป๋หยิงรู้ว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้ซักถาม ไม่ได้แปลว่าจะปล่อยเธอไปจริงๆ แค่กลัวว่าเวินลั่วฉิงจะมีแผนการอื่น
ไป๋หยิงคิดถึงไป๋ยี่รุ่ย นึกถึงความสัมพันธ์ของไป๋ยี่รุ่ยและเวินลั่วฉิง นัยน์ตาของเธอหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด หากเวินลั่วฉิงบอกเรื่องนี้กับไป๋ยี่รุ่ย……
ร่างของไป๋หยิงสั่นเทาเล็กน้อย ไม่ เรื่องนี้ต้องห้ามให้ไป๋ยี่รุ่ยรู้ ห้ามเด็ดขาด
ไป๋หยิงนึกถึงตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยยังคงอยู่ในโรงพยาบาล อีกอย่างเธอให้คนเก็บมือถือของไป๋ยี่รุ่ยไว้ ต่อให้เวินลั่วรุ่ยอยากติดต่อไป๋ยี่รุ่ย ก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น
แต่ว่า เพื่อที่จะป้องกันไว้ก่อน ไป๋หยิงตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ให้ไป๋ยี่รุ่น การพักฟื้นตัวของไป๋ยี่รุ่ยก็ดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
ไป๋หยิงเลิกมุมปากเผยยิ้มเย็นชาออกมา เธอต้องไม่มีทางปล่อยให้เวินลั่วฉิงติดต่อกับไป๋ยี่รุ่ยเด็ดขาด
“เธอคิดอะไรอยู่? เธอคิดหาวิธีที่จะจัดการกับเวินลั่วฉิงออกแล้วใช่ไหม?” เฉิงโหรวโหรวมองใบหน้าที่เผยยิ้มเย็นชาของไป๋หยิง นึกว่าไป๋หยิงมีไอเดียอะไรดีๆแล้ว
“วางใจเถอะ ต้องมีวิธีจัดการเธอแน่นอน” ไป๋หยิงได้สติกลับมา จึงยกยิ้มให้เฉิงโหรวโหรว
เฉิงโหรวโหรวถามแบบนี้กะทันหัน จู่ๆไป๋หยิงก็มีไอเดียดีๆอย่างหนึ่ง
“ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้บอกว่าจะไปยั่วยวนเย่ซือเฉินหรือไง ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าไอเดียนี้ของเธอดีเป็นพิเศษ หลังจากพวกเรากลับไป ก็สามารถเริ่มปฏิบัติการได้เลย ถึงเวลาฉันจะช่วยเธอวางแผนที่เพอร์เฟคเอง”
ไป๋หยิงรู้ในความสามารถของเวินลั่วฉิง ดังนั้น ถ้าอยากจะขัดขวางไม่ให้เวินลั่วฉิงติดต่อกับไป๋ยี่รุ่ย ต้องหาเรื่องบางอย่างให้เวินลั่วฉิงทำ
ถ้ามีคนแย่งแฟนของเวินลั่วฉิง แย่งผู้ชายของเวินลั่วฉิง เธอไม่เชื่อว่าเวินลั่วฉิงจะไม่วอกแวก
แน่นอน หลังจากเวินลั่วฉิงกลับไป ต้องอยากจะหาวิธีติดต่อไป๋ยี่รุ่ย ถึงเวลาเธอก็สามารถใช้เรื่องนี้มาทำให้เวินลั่วฉิงและเย่ซือเฉินเข้าใจผิดกัน
“จริงเหรอ?” เฉิงโหรวโหรวไม่รู้ความคิดของไป๋หยิง หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋หยิง นัยน์ตาเป็นประกายอย่างชัดเจน “ได้ ทำตามที่เธอพูด หลังจากกลับไปฉันจะลงมือทันที วางใจเถอะ ฉันต้องแย่งเย่ซือเฉินมาให้ได้”
เฉิงโหรวโหรวพูดถึงเรื่องนี้ มักจะมีความมั่นใจอันน่าลุ่มหลง แน่นอน ตอนนี้สิ่งที่เฉิงโหรวโหรวพึ่งพาอาศัยก็คือฐานะเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้
เฉิงโหรวโหรวมั่นใจมากว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่สามารถต่อต้านความยั่วยวนที่ใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก
“เรื่องนี้พวกเราต้องวางแผนกันดีๆ เธออย่าใจร้อนเกินไป” ไป๋หยิงทำงานอะไรก็มักจะนิ่งสงบตลอดมา เธอจึงช่ำชองในการเล่นงาน
“เธอมีแผนการอะไรเหรอ?” ตอนนี้เฉิงโหรวโหรวค่อนข้างตื่นเต้น เธออดทนที่จะเห็นเวินลั่วฉิงทุกข์ทรมานไม่ได้อีกแล้ว
“ใครก็รู้ว่าคุณปู่เย่และคุณหญิงเย่ไม่พอใจในตัวเวินลั่วฉิง อีกอย่างคุณปู่เย่และคุณหญิงเย่ก็กำลังคิดหาวิธีให้เย่ซือเฉินเลือกคู่ครองดีๆ เธอเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ฐานะแบบนี้ของเธอต้องทำให้คุณปู่เย่และคุณหญิงเย่รู้สึกพอใจเป็นพิเศษแน่นอน ดังนั้นถึงเวลาพวกเราจะเริ่มจากการลงมือกับคุณปู่เย่และคุณหญิงเย่ก่อน” ไป๋หยิงเชี่ยวชาญในการเล่นงานคนอื่น จึงนึกถึงคุณปู่เย่และคุณหญิงเย่ทันที
“ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าแค่ไปยั่วยวนเย่ซือเฉินโดยตรงก็พอแล้ว ฉันเชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนอื่นสามารถต่อต้านความยั่วยวนที่ใหญ่ขนาดนี้ ได้ อีกอย่างเย่ซือเฉินเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง นักธุรกิจเห็นแก่ผลกำไรมากกว่า ถึงแม้เย่ซือเฉินจะเป็นท่านประธานตระกูลเย่กรุ้ป ทว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปเล็กๆจะเทียบกับองค์กรโกสต์ซิตี้ได้อย่างไร เกรงว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะเทียบไม่ติดกับองค์กรโกสต์ซิตี้แม้แต่หนึ่งในสิบเท่าหรือเปล่า?” เฉิงโหรวโหรวกลับไม่ได้คิดแบบนี้ เธอไม่รู้สึกการบุกยึดเย่ซือเฉินจะเป็นเรื่องยาก
ไม่ว่ายังไงตอนนี้เธอเป็นถึงเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้
“ไม่ เธอผิดไปแล้ว หากแค่ตระกูลเย่อย่างเดียว เกรงว่าหนึ่งในร้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ยังเทียบเทียมไม่ได้” ไป๋หยิงมองไปยังเฉิงโหรวโหรว และแก้ไขในความผิดพลาดของเฉิงโหรวโหรวให้ถูกต้อง และถือว่าเป็นการให้เฉิงโหรวโหรวรู้ซึ้งถึงความสามารถที่แท้จริงขององค์กรโกสต์ซิตี้
ไม่ว่ายังไงเฉิงโหรวโหรวก็เกิดบนพื้นที่ภูเขา ถึงแม้เฉิงโหรวโหรวจะเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เพียงไม่กี่วัน เฉิงโหรวโหรวก็เห็นแล้วว่าองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นยิ่งใหญ่มาก แต่เฉิงโหรวโหรวกลับไม่รู้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะยิ่งใหญ่ถึงขั้นไหน
นั่นเป็นตั้งองค์กรโกสต์ซิตี้ ว่ากันว่าองค์กรโกสต์ซิตี้มีมาเกือบพันปีแล้ว พันปีมานี้องค์กรโกสต์ซิตี้พัฒนาอย่างมั่นคงมาโดยตลอด การพัฒนาของพันปีนี้ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่ามันใหญ่หลวงมากขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้น ยี่สิบกว่าปีก่อน ซ่างกวนหงยิ่งทำให้ขยายกำลังขององค์กรโกสต์ซิตี้ไปไม่น้อย
ได้ยินมาว่าองค์กรโกสต์ซิตี้มีศูนย์วิจัยเทคโนโลยีที่เป็นของพวกเขาเอง ได้ยินว่าเทคโนโลยีขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นก้าวล้ำกว่าที่อื่น
ยุคสมัยปัจจุบัน เทคโนโลยียิ่งพัฒนาก่อน ความสามารถก็ยิ่งยิ่งใหญ่
ไป๋หยิงติดตามอยู่ข้างกายเจิ้งฉงมาหลายปีแล้ว พวกนี้ก็มีเพียงไป๋หยิงที่เคยได้ยิน เธอก็ไม่เคยมีประสบการณ์ที่แท้จริงกับความสามารถขององค์กรโกสต์ซิตี้ ทว่าไป๋หยิงรู้ถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นถึงขั้นที่คนไม่สามารถจินตนาการถึง
“อะไรนะ?” เฉิงโหรวโหรวได้ยินคำพูดของไป๋หยิงจึงตะลึงงันไปทันที “เธอบอกว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปยังเทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในร้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้งั้นเหรอ? องค์กรโกสต์ซิตี้มันยิ่งใหญ่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ตอนเฉิงโหรวโหรวพูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงสั่นเทา และรู้สึกอึ้งไป แน่นอนว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น
เธอรู้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกาจมาก ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะยิ่งใหญ่ถึงขั้นนี้ ส่วนเธอในตอนนี้เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ นอกจากเธอ หัวหน้าไม่มีบุตรอื่นแล้ว วันข้างหน้า ทุกอย่างในองค์กรโกสต์ซิตี้ก็เป็นของเธอหมด
ถึงเวลาทุกอย่างก็คือของเธอ ทุกอย่างเป็นของเธอหมด!
เฉิงโหรวโหรวแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมากแล้ว!!
“เป็นความยิ่งใหญ่ที่เธอจินตนาการไม่ถึง” ไป๋หยิงมองเฉิงโหรวโหรวเพียงชั่วพริบตา น้ำเสียงเปลี่ยนไป ฐานะเจ้าหญิงนี้ของเฉิงโหรวโหรวม ก็คือฝีมือของเธอ ทว่าตอนนี้ไป๋หยิงยังคงรู้สึกอิจฉาเฉิงโหรวโหรวในใจ
“ในเมื่อองค์กรโกสต์ซิตี้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้แล้ว งั้นแย่งเย่ซือเฉินมาจากมือของเวินลั่วฉิงก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายมากน่ะสิ และก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกังวลอีก” เฉิงโหรโหรวที่ลุ่มหลงในความมั่นใจของตัวเองอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องรู้สึกได้ใจมากขึ้นเช่นเดียวกัน
“ใช่แล้ว เย่ซือเฉินรู้ว่าความสามารถขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไหม?” นานๆทีที่เฉิงโหรวโหรวจะใช้สมอง จึงเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
เฉิงโหรวโหรวกังวลว่าเย่ซือเฉินไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงขององค์กรโกสต์ซิตี้ กังวลเย่ซือเฉินไม่รู้ว่าสู่ขอเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นมีผลประโยชน์มากมายขนาดไหน
“ในเมื่อเย่ซือเฉินไม่รู้ความสามารถทั้งหมดขององค์กรโกสต์ซิตี้ และรู้ว่าความยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้น เธอไม่ต้องเป็นกังวล” ไป๋หยิงจะไปเข้าใจความคิดของเฉิงโหรวโหรวได้ยังไง มุมปากของไป๋หยิงกระตุกยิ้มเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
เย่ซือเฉินเป็นคนยังไง? จะไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้ยังไง?
เย่ซือเฉินเองก็มีความสามารถที่ยิ่งใหญ่เพียงพออยู่แล้ว ครั้งที่แล้วเธอใช้กำลังขององค์กรโกสต์ซิตี้เล่นงานเวินลั่วฉิง ก็สืบเจอว่าในมือของเย่ซือเฉินไม่เพียงแต่มีบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป แล้วเขาก็ยังมีอำนาจอื่นด้วย
คนอย่างเย่ซือเฉินจะถูกเฉิงโหรวโหรวยั่วยวนได้ยังไง?
จะเป็นไปได้เหรอ?
ไป๋หยิงรู้ความสามารถของเย่ซือเฉิน และรู้ความเย่อหยิ่งของเย่ซือเฉิน ทว่าเวลานี้ ไป๋หยิงกลับยังไม่ค่อยแน่ใจมากนัก
ไม่ว่ายังไง ผู้ชายที่มักใหญ่ใฝ่สูงย่อมมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่แล้ว เย่ซือเฉินคงไม่ได้รับการยกเว้นหรอกมั้ง