ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1120 สถานะของถังจื่อโม่ ทุกคนต่างพากันอึ้ง (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1120 สถานะของถังจื่อโม่ ทุกคนต่างพากันอึ้ง (2)
แต่ว่า เพียงแค่มือของเขาสัมผัสไปที่ถังจื่อโม่ ถังจื่อโม่ก็ตะโกนร้องออกมาทันที“อ๊ากก ช่วยด้วย มีคนจะฆ่าผม ”
ชายคนนั้นก็ต้องตกตะลึง ร่างทั้งร่างแข็งค้างในทันที ไม่กล้าขยับไปไหน
เขาก็แค่อยากจะอุ้มตัวเด็กน้อยคนนี้ลงจากรถเท่านั้น กลายเป็นฆาตกรไปได้ยังไง ?
การขยับเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างอ่อนโยน และนุ่มนวล ไม่เข้าข่ายฆาตกรด้วยซ้ำมั้ง ?
“ช่วยด้วย โจรลักพาตัวจะฆ่าคนปิดปาก ”เด็กน้อยถังจื่อโม่เห็นว่ายังไม่น่าจะพอ เลยร้องตะโกนเสริมขึ้นอีกคำ
คนที่รายล้อมอยู่นอกรถเมื่อครู่ต่างก็ก้าวถอยหลังออกห่างจากตัวรถอย่างไม่รู้ตัว และต่างก็อยู่ห่างๆให้มากที่สุด พ่อทูลหัวคนนี้แตะต้องไม่ได้จริงๆ
“เปล่านะ ฉันไม่ ฉัน……” ชายคนที่อยู่บนรถร่างยังคงแข็งทื่อ พยายามที่จะอธิบาย อย่างน้อยก็เพื่อเอาตัวรอด
“ก็เห็นๆอยู่ว่านายจะฆ่าคนปิดปาก นายรอได้เลย ฉันจะฟ้องแม่ฉัน ให้แม่มาแก้แค้นเอาคืนแทนฉัน ” เด็กน้อยถังจื่อโม่ไม่ยอมฟังอะไร เพราะว่าเขาจงใจ
ชายคนนั้นถอนหายใจ จากนั้นก็หันหลังแล้วกระโดดลงจากรถ เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เหงื่อเย็นก็ผุดออกมาเต็มไปหมด
“ตอนนี้จะเอายังไงกันดี ?”ทุกคนต่างตะลึงกันจนตาค้าง ไม่รู้ว่าควรทำยังไง
“ไปหาท่านกู้เถอะ หากท่านกู้อยู่ที่ องค์กรยมบาล ก็ให้ท่านกู้ตามมา” ต้าชุนเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนเสนอความคิดที่เห็นว่าดีที่สุดออกมา
“ก็ดี รีบไปหาท่านกู้กัน”ทุกคนต่างก็เห็นด้วย จากนั้นก็แยกตัวออกไปกันอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ต้าชุนเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนก็ยังเป็นคนแรกที่หายแวบออกไปทันทีเช่นกัน
ในตอนที่หัวหน้ามาได้สตินั้น รอบๆบริเวณรถก็เหลือเพียงเขาคนเดียวกับพ่อทูลหัวที่อยู่บนรถด้วยอีกคน
หัวหน้าจะปล่อยให้เด็กน้อยถังจื่อโม่อยู่ลำพังคนเดียวได้ยังไง ดังนั้นเขาจึงจำต้องอยู่เป็นเพื่อนเด็กน้อยถังจื่อโม่
ไม่ว่ายังไง คราวนี้หัวหน้าก็มีประสบการณ์แล้ว เขากลัวว่าจะถูกถังจื่อโม่กล่าวโทษอีก ดังนั้นจึงเว้นระยะห่างเอาไว้ อยู่ห่างๆแล้วเฝ้ามองดูถังจื่อโม่จากที่ไกลๆ
เด็กน้อยถังจื่อโม่ที่อยู่บนรถในขณะนี้ก็ผ่อนคลายลงมาก เขาหาน้ำมาได้ขวดหนึ่ง เปิดมันเอง แล้วส่งเสียงออกมาอยู่สองสามคำ อีกทั้งยังรื้อค้นขนมที่พวกเขามักกินเป็นประจำออกมาด้วย
กับขนมพวกนั้น เด็กน้อยถังจื่อโม่ไม่ได้รู้สึกว่าอยากกิน แต่มองดูอย่างรังเกียจ แล้วถังจื่อโม่ก็แกะซองขนมออกอยู่หลายถุง แต่ถังจื่อโม่ทำเพียงแค่ดมกลิ่นมันเท่านั้น ไม่ได้หยิบกิน จากนั้นก็โยนมันลงจากรถ
มุมปากของหัวหน้าอดไม่ได้ที่จะกระตุก นี่มันเป็นของที่พวกเขาเสียเงินซื้อมา เป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง เจ้าเด็กเปรตคนนี้กลับโยนมันทิ้งแบบนี้เหรอ ?
แต่ตอนนี้หัวหน้าทำได้เพียงแค่โกรธแต่ไม่กล้าที่จะพูดต่อว่าอะไร ได้เพียงเฝ้ามองดู ไม่กล้าเอ่ยปากพูดสักคำ
โชคดี ที่ผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนตามตัวกู้หวูมาได้
“นี่มันเรื่องอะไร ? คนคนนี้เป็นใครกัน ? ทำไมพวกนายต้องกลัวขนาดนี้ด้วย ? ”กู้หวูยังไม่ทันได้เดินมาถึง ก็มองเห็นหัวหน้าทีม ที่เว้นระยะห่างกับตัวรถเฝ้าดูจากที่ไกลๆ ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความกลัวอย่างสุดขีด
กู้หวูก็มึนงงด้วยเช่นกัน คนคนนี้เป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ทำลูกน้องเขาต่างหวาดกลัวไปตามๆได้ขนาดนี้ ?
และคนที่ไปหาเขาเมื่อครู่ก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไรให้ชัดเจน บอกเพียงให้เขารีบมา แล้วทุกคนล้วนมีหน้าตาตื่นกลัว ราวกับคนที่พวกเขาพากลับมาด้วยนั้นเป็นพวกสัตว์ประหลาดกินคนยังไงอย่างงั้น
“ท่านกู้ ในที่สุดคุณก็มาสักที งั้นตรงนี้ก็ให้คุณจัดการแล้วกัน”เมื่อหัวหน้าทีมเห็นกู้หวูเดินมา ก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ไม่รอให้กู้หวูได้สติ ก็วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว พ่อทูลหัวที่อยู่บนรถนี้ช่างน่ากลัวจริงๆเขาต้องหลีกหนีออกไปให้ห่าง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? หรือถังจื่อโม่จะกินคนได้งั้นเหรอ ? ” กู้หวูคิ้วขมวดเล็กน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นถึงขั้นทำให้ผู้คนแตกตื่นและหวาดกลัวกันได้ขนาดนี้ ?
“น่ากลัวกว่ามนุษย์กินคนซะอีก”หัวหน้าที่วิ่งไปได้กว่าครึ่งทางแล้วก็พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“เยี่ยม” กู้หวูเหล่มองเขาไปแวบหนึ่ง น่ากลัวกว่ามนุษย์กินคน ? อะไรมันจะขนาดนั้น ?
แน่นอนว่า ปฏิกิริยาของพวกเขาก็กระตุ้นความอยากรู้ของกู้หวู กู้หวูจึงเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ
แน่นอนว่า เพราะปฏิกิริยาของคนก่อนหน้ากับหัวหน้า กู้หวูเลยต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม เพราะฉะนั้นในตอนที่เข้าใกล้ตัวรถนั้น เขาก็จึงระวังตัวอยู่ตลอด
แต่เมื่อเขาเดินมาถึงที่ประตูรถ และเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ กู้หวูก็ต้องตะลึง
“นี่พวกนายเป็นอะไรกัน ? จับตัวเด็กกลับมาทำไม ? ฉันให้พวกนายไปจับตัวถังจื่อโม่ จับถังจื่อโม่ นี่พวกนายสมองเสื่อมไปแล้วหรือไง ? ” กู้หวูจ้องมองไปที่คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างๆไม่กล้าขยับเข้าใกล้ “นี่มันอะไรกัน ? แค่เด็กคนหนึ่งทำพวกนายกลัวได้ขนาดนี้เลยเหรอ ? หรือพวกนายจะบอกฉันว่าเด็กคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดปลอมตัวมางั้นเหรอ ?”
ไม่พูดไม่ได้ว่า จินตนาการของกู้หวูนั้นก็ช่างกว้างไกลจริงๆ
“ท่านกู้ เขาก็คือถังจื่อโม่ คนที่ลูกพี่ต้องการตัว ” หัวหน้าทีมในตอนนี้ได้วิ่งไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ห่างไกลอยู่พอสมควร จึงต้องตะโกนคุยกัน
“เขาคือถังจื่อโม่ พวกนายเล่นตลกอะไรกัน ? บ้ากันไปแล้วหรือไง ? บอกฉันว่าสัตว์ประหลาดปลอมตัวมายังจะดีซะกว่า”
กู้หวูหัวเราะออกมาทันที เห็นชัดว่ากู้หวูไม่เชื่อที่พวกเขาพูด ถังจื่อโม่จะเป็นเด็กได้ยังไง ?
“ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดปลอมตัวมา? ฉันคือถังจื่อโม่”ดวงตาคู่คมของถังจื่อโม่จ้องมองไปที่กู้หวู แล้วแนะนำตัวออกไป
“ถังจื่อโม่เป็นเด็กงั้นเหรอ ? แม่งเอ๊ย นี่หัวหน้าหึง……”ทันใดนั้นกู้หวูเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ศัตรูหัวใจของลูกพี่? ลูกพี่ถึงขั้นอยากที่จะกำจัดให้พ้นทางแท้จริงแล้วศัตรูหัวใจคนนี้ก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ?
มีใครพอที่จะบอกฉันได้ไหมว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ไม่ใช่สิ ทำไมนายถึงอยู่ในบ้านตระกูลถังได้?”ทันใดนั้นกู้หวูก็รู้สึกหัวสมองอื้ออึงไปหมด ถังจื่อโม่คนนี้ไม่ใช่ศัตรูหัวใจของลูกพี่ ไม่ใช่คนคุยที่แอบคบหากันของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง แล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลถังทำไมต้องให้เขาพักอยู่ที่บ้านด้วย ?
ถังจื่อโม่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง มุมปากกระตุก ครั้งนี้ ไม่มีใครเชิญเขา และไม่มีใครอุ้มเขา เด็กน้อยถังจื่อโม่ลุกขึ้นยืนเอง แล้วกระโดดลงจากรถ
หลังจากที่ถังจื่อโม่กระโดดลงจากรถมาได้ สายตาก็จับจ้องมองไปยังที่ทุกๆคนต่างก็เว้นระยะห่างจากเขาไปด้วยแวบหนึ่ง
ทุกคนที่เห็นถังจื่อโม่มองมา ต่างก็ถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง พ่อทูลหัวคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ พวกเขาอยู่ให้ห่างย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด
“อ้อ อีกเรื่อง ยังมีอีกเรื่องที่ลืมบอกนายไป ไม่สิ ลืมบอกพวกนายไป ”ถังจื่อโม่หันกลับ มองยังกู้หวูแวบหนึ่ง แล้วหันมองยังคนอื่นๆที่อยู่ไกลออกไป
“เรื่องอะไร?”กู้หวูตะลึง ถามออกไปตรงๆ เด็กคนนี้มีเรื่องอะไรที่จะบอกเขา ?
ก็แค่เด็กอายุห้าขวบ จะพูดอะไรที่น่าสะพรึงกลัวได้ ?