ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1134 ถังจื่อโม่ฟ้องคุณแม่ว่าถูกลักพาตัว (1)
“ทางพี่ไม่มีอะไร ตอนนี้อยู่ในถิ่นของเย่ซือเฉิน คนของเย่ซือเฉินพาพี่มา”ถังจื่อโม่ได้ยินคำพูดของน้องสาวก็รู้ว่าทางตระกูลถังปกติทุกอย่าง!!
ทางตระกูลถังไม่รู้เรื่องที่เขาโดนลักพาตัว งั้นคุณแม่ก็ยังไม่รู้
“คุณแม่กลับมาหรือยัง?”ถังจื่อโม่ไล่ถามอีกหนึ่งประโยค
“ยังค่ะ คุณแม่ยังไม่กลับมาค่ะ คุณแม่ยังไม่เคยโทรกลับมาด้วยครับ พี่ชายวางใจได้ คุณแม่ไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ คุณย่ากับคุณปู่ทวด คุณย่าทวดก็ไม่รู้ค่ะ เมื่อกี้หนูบอกคุณย่าว่าพี่กลับห้องตัวเองแล้วไม่อยากให้ใครรบกวน ดังนั้นพวกท่านคิดว่าพี่ชายอยู่ในห้องนอนค่ะ”ระหว่างที่เจ้าหญิงน้อยถังจื่อโม่พูด น้ำเสียงเจือความภาคภูมิใจไว้หลายส่วน“พี่ชายหนูฉลาดมากใช่ไหม?”
“ใช่ น้องฉลาดที่สุด”แต่ไหนแต่ไรถังจื่อโม่จะชมน้องสาวตัวเองเต็มที่เสมอ
กู้หวูที่อยู่ด้านข้างได้ยินเด็กๆสนทนากัน พลางเม้มปาก คุณชายน้อยเก่งกาจ เจ้าหญิงน้อยก็ฉลาดมาก สมกับเป็นทายาทของลูกพี่จริงๆ
“โอเค พี่วางสายก่อนนะ มีอะไรน้องก็โทรหาพี่เลยนะ”ถังจื่อโม่กำชับเสร็จก็วางสาย
“ทางนั่นไม่มีอะไร”หลังจากที่ถังจื่อโม่วางสายก็มองมายังกู้หวูอีกครั้ง“ดังนั้นเมื่อกี้เย่ซือเฉินจากไปไม่ใช่เพราะผม คุณคิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างอื่นไหม?”
“อา ผมนึกออกแล้ว……”ดวงตากู้หวูประกายแสง ใบหน้าเปลี่ยนสี อดร้องอุทานไม่ได้
“อะไร?”ถังจื่อโม่เห็นท่าทางของกู้หวูก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีกะทันหัน
ไม่ คือลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอามากๆ
“ผมรู้แล้วลูกพี่ต้อง……”กู้หวูแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก กล่าวเสียงเร็วเล็กน้อย
เพียงแต่กู้หวูยังไม่ทันพูดจบ ประตูห้องก็ถูกผลักออกกะทันหัน
ด้านในห้อง ถังจื่อโม่กับกู้หวูได้ยินเสียงผลักประตูก็รีบมองไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เห็นคุณชายสามเย่ยืนอยู่ที่ประตู
“ลูกพี่ต้องมาประตูหลังแน่”กู้หวูจ้องลูกพี่ของตนตรงประตูอย่างเหม่อลอย พลางเสริมประโยคที่พูดค้างไว้ให้จบ
เมื่อกี้เขานึกขึ้นมาได้แล้ว องค์กรยมบาลของพวกเขามีประตูหลัง หน้าประตูมีหลุมพรางเดินเข้ามาไม่ได้ ลูกพี่เลยเลือกจะเดินเข้ามาทางประตูหลัง
เมื่อกี้เขามัวแต่คล้อยตามคำพูดของคุณชายน้อย จึงลืมประตูหลังไปเสียสนิท
ทว่าเด่นชัดมาก เมื่อเขานึกขึ้นได้ก็สายไปแล้ว ลูกพี่เข้ามาถึงแล้ว
แน่นอน ถึงแม้เขานึกออกแต่แรกก็ไร้ความหมาย ลูกพี่จะเข้าทางประตูหลังซะอย่าง ใครจะขวางทางลูกพี่ได้
“ลูกพี่มาแล้วเหรอครับ”กู้หวูได้สติก็รีบลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
สถานการณ์อย่างนี้เขาควรแสดงออกดีๆเสียหน่อย?!
หวังว่าจะมีประโยชน์เล็กน้อย!!
ถังจื่อโม่นั่งกับที่ไม่ขยับ ดวงตาทั้งคู่จับอยู่ที่ตัวคุณชายสามเย่ ตอนแรกเขาไม่ทันตั้งตัวตั้งใจ จึงมึนกับการมายืนของคุณชายสามเย่มาก
ทว่าตอนนี้ถังจื่อโม่ได้สติกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ขยับเขยื้อน เขาอยากให้เย่ซือเฉินเอ่ยปากก่อน
เย่ซือเฉินกลอกตาไปมองถังจื่อโม่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ไม่แยแสถังจื่อโม่อีก
“ลูกพี่มาเร็วจังเลยครับ”บัดนี้จิตใจกู้หวูหวาดผวามากและรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ ตอนนี้เขาไร้คำจะพูด แต่ก็ต้องสรรหามาพูดให้ได้ เพื่อจะได้ทำให้บรรยากาศตอนนี้ผ่อนคลาย
กู้หวูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกพี่จะเข้าใจความรู้สึกเหนื่อยยากลำบากใจของเขา เขาแทรงอยู่ระหว่างลูกพี่กับคุณชายน้อยมันลำบากใจจริงๆ
“พูดมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เย่ซือเฉินหันไปมองถังจื่อโม่อีกครั้ง เสียงทุ้มต่ำฟังอารมณ์ไม่ค่อยออก ไม่รู้ว่าเขาจะให้กู้หวูตอบหรือให้ถังจื่อโม่ตอบกันแน่
แถมหลังจากที่เขาเห็นถังจื่อโม่ก็ไม่มีความผิดแปลกใดๆ ไม่ประหลาดใจ ไม่ตกตะลึง ไม่ปลื้มใจ คล้ายกับทุกอย่างอยู่ในการคาดเดาของเขาทั้งหมด
ถังจื่อโม่เห็นการตอบสนองของเย่ซือเฉินก็อึ้ง เขาแบะปากไม่ได้พูดจา ไม่ว่าเมื่อกี้เย่ซือเฉินถามเขาหรือไม่ เขาก็จะไม่ตอบทั้งนั้น น้ำเสียงและท่าทางของเย่ซือเฉินอย่างนี้ มีสิทธิ์อะไรที่จะให้เขาตอบ?
“ลูกพี่ เหตุการณ์พิเศษเล็กน้อยครับ”กู้หวูเห็นถังจื่อโม่ไม่ตอบก็รีบอ้าปากอธิบาย
“มีอะไรพิเศษกัน ผมก็คือถังจื่อโม่ พวกคุณลักพาตัวผม ก็ง่ายแค่นี้เอง”ถังจื่อโม่เดิมที่ไม่คิดจะเอ่ยปากพูด ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของกู้หวูก็ตัดบทกู้หวูทิ้งทันที เขาไม่อยากให้กู้หวูบอกสถานะของเขาให้เย่ซือเฉินทราบ
เขาจะดูว่าเย่ซือเฉินเดาสถานะของเขาออกไหม แน่นอน เขายิ่งอยากรู้การตอบสนองของเย่ซือเฉินหลังจากที่รู้สถานะแล้ว?
บัดนี้ถังจื่อโม่ยังสวมแว่นกันแดดอยู่ ซึ่งมีรูปทรงใหญ่เอาการ ใบหน้าของเขาเล็กนิดเดียว แว่นกันแดดจึงเกือบบดบังใบหน้าเขาเกือบครึ่ง ดังนั้นหากดูอย่างนี้ก็ดูไม่ออกว่าเหมือนเย่ซือเฉินตรงไหน
เพราะจุดที่ถังจื่อโม่กับเย่ซือเฉินเหมือนกันที่สุดคือดวงตา บัดนี้ดวงตาถังจื่อโม่ถูกบดบังหมด
มุมปากกู้หวูกระตุก บรรพบุรุษน้อย พวกเราเงียบๆหน่อยดีไหม?!
ปีศาจน้อยจงใจเอ่ยถึงเรื่องลักพาตัวทำให้กู้หวูมีลางสังหรณ์ร้ายมากๆ บวกกับน้ำเสียงของปีศาจน้อยนี่ กู้หวูเชื่อว่าปีศาจน้อยก็คิดจะทำอะไรแน่นอน
ดวงตาเย่ซือเฉินหันไปมองถังจื่อโม่อีกครั้ง สายตาหยุดอยู่ที่ถังจื่อโม่ด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ ไม่มีอารมณ์ใดๆ ไม่มีใครเดาออกว่าเวลานี้เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“มองอะไรกัน?คุณไม่ใช่อยากเจอนายน้อยเหรอ?ว่ามา หานายน้อยมีอะไร?”ถังจื่อโม่ถูกเย่ซือเฉินมองแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ถังจื่อโม่หงุดหงิดที่เย่ซือเฉินมีทางท่าเรียบเฉย ถังจื่อโม่ยิ่งหงุดหงิดเพราะสายตาเรียบเฉยของเย่ซือเฉินแผ่ราศีกดดันที่หายใจไม่สะดวกออกมาได้
มีคนประเภทหนึ่ง ถึงแม้ไม่ขยับ ไม่พูดจา แต่ก็สามารถทำให้คนยอมจำนน เย่ซือเฉินก็เป็นคนแบบนี้
ทั้งราศีและความโอ่อ่าของเย่ซือเฉิน อย่างน้อยตอนนี้เขาไม่มี
กู้หวูได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ก็กระตุกมุมปากแรงๆ บรรพบุรุษน้อยเอ่ย คุณสำรวมวาจาหน่อย?!
ปีศาจน้อยจะพูดจาเช่นไรกับพวกเขาก็ได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ปีศาจน้อยกำลังคุยกับลูกพี่อยู่ ลูกพี่เป็นพ่อแท้ๆของปีศาจน้อย มีลูกชายที่ไหนพูดอย่างนี้กับพ่อตัวเอง?
ลูกชายเรียกตัวเองว่านายน้อยต่อหน้าพ่อตัวเอง ปีศาจน้อยคันก้นใช่ไหม?
ลูกพี่จะโกรธไหม?!
ลูกพี่โกรธแล้วจะตีก้นปีศาจน้อยหรือเปล่า?
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ ไม่ได้ตอบสนองใดๆ สีหน้าเย่ซือเฉินไม่ได้เปลี่ยน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องตีก้นปีศาจน้อยเลย!!