ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1139 ถังจื่อโม่ฟ้องคุณแม่ว่าถูกลักพาตัว (6)
“เย่ซือเฉินลักพาตัวลูกเหรอ?เย่ซือเฉินลักพาตัวลูกชายของฉัน?ดี ดีมาก”เวินลั่วฉิงหัวเราะออกมา เพียงแต่เสียงหัวเราะนี้ช่างน่าขนลุกเหลือเกิน บวกกับน้ำเสียงของเวินลั่วฉิงตอนนี้ชวนให้คนขวัญหนีดีฝ่อที่สุด
กู้หวูถอยหลังหลายก้าวด้วยจิตใต้สำนึก ถึงแม้ตอนนี้กำลังคุยผ่านโทรศัพท์อยู่ คุณนายไม่ได้อยู่กับพวกเขา ทว่ากู้หวูก็คิดว่าควรเผ่นหนีแต่เนิ่นๆจะดีกว่า
กู้หวูมองไปยังลูกพี่ของตน จากนั้นก็มองสีหน้าของลูกพี่ ซึ่งปกติเจอมรสุมหนักหนาเพียงใดก็ไม่เคยหวั่น ทว่าตอนนี้สีหน้ากลับ……ไม่อาจพูดเป็นคำสั้นๆได้!
ถังจื่อโม่ได้ยินน้ำเสียงของคุณแม่ตน มือที่จับมือถือก็สั่นระริก ถังจื่อโม่มองเย่ซือเฉินด้วยแววตาสงสาร แววตาของถังจื่อโม่สื่อความหมายหนึ่งอย่างชัดเจน——คุณบรรลัยแน่!!
“ลูกตกใจกลัวหรือเปล่า?บาดเจ็บไหม?พวกเขาทำอะไรกับลูกหรือเปล่า?”ถึงแม้รู้ว่าเย่ซือเฉินเป็นคนลักพาตัวลูกชายของตนทว่าน้ำเสียงของเวินลั่วฉิงก็ยังคงกังวลเป็นอย่างมาก
เวินลั่วฉิงไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เย่ซือเฉินไม่ได้จับตัวถังจื่อโม่เอง หากเย่ซือเฉินลงมือเอง เมื่อเย่ซือเฉินเจอหน้าถังจื่อโม่แวบแรกก็ต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เรื่องการลักพาตัวอะไรพรรค์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
เวินลั่วฉิงคิดไปถึงว่ากู้หวูไม่ได้ไปร่วมลักพาตัวด้วย เพราะกู้หวูเป็นคนทำอะไรระมัดระวัง หากพบว่าถังจื่อโม่ที่เย่ซือเฉินต้องการเจอหน้าเป็นเด็กอายุเพียงห้าขวบ ตอนนั้นกู้หวูก็ต้องโทรบอกเย่ซือเฉินทันที และเหตุการณ์คงไม่บานปลายจนถึงขั้นลักพาตัวอย่างแน่นอน
ดังนั้นกู้หวูใช้ให้คนอื่นไปทำ คนพวกนั้นไม่รู้สถานะของถังจื่อโม่ จึงได้ลักพาตัวถังจื่อโม่ไปจริงๆ
ในเมื่อคนพวกนั้นไม่รู้สถานะของถังจื่อโม่ หากถังจื่อโม่ไม่ให้ความร่วมมือ หรือถังจื่อโม่หลบหนีก็จะเจอลูกหลงได้
บัดนี้มือถือถังจื่อโม่เปิดลำโพงอยู่ ดังนั้นกู้หวูและเย่ซือเฉินที่อยู่ในห้องก็ได้ยินสิ่งที่เวินลั่วฉิงพูด
กู้หวูยืนด้านหน้าถังจื่อโม่ กู้หวูส่ายหน้าให้ถังจื่อโม่อย่างแรง กู้หวูอยากตอบแทนคุณชายน้อยจะเป็นจะตาย ทว่ากู้หวูรู้ว่าคำตอบของเขาไร้ความหมาย คุณนายคงไม่เชื่อ ไม่แน่คุณนายจะยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม
แววตาเย็นยะเยือกของเย่ซือเฉินทอประกายความข่มขู่ไว้ในที เตือนถังจื่อโม่อย่าพูดจาเหลวไหล
ถังจื่อโม่มองแววตาข่มขู่ที่เจือความแจ้งเตือนของเย่ซือเฉิน ถังจื่อโม่ก็แบะปาก ตั้งแต่เล็กแต่น้อยเขาเกลียดคนอื่นมาขู่เข็ญเขาที่สุด เย่ซือเฉินขู่เขาเหรอ?เชอะ!!
เขาไม่เคยรับการขู่เข็ญใดๆทั้งสิ้น!
ถังจื่อโม่ถลึงตาใส่เย่ซือเฉิน แววตาไม่คิดจะยอมถอยเลยสักนิด ถังจื่อโม่นึกถึงการตอบสนองของเย่ซือเฉินที่เห็นเขาครั้งแรก นึกถึงท่าทีที่เย่ซือเฉินมีต่อเขาก่อนหน้านี้
เด็กน้อยถังจื่อโม่ยังนึกได้ว่าก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินบอกเขาว่าเขายอมรับหรือไม่ยอมรับก็ไม่สำคัญ
อารมณ์เดือดดาลของถังจื่อโม่ก็พลุ่งพล่าน หากตอนนี้เย่ซือเฉินพูดจาเข้าหูเขาสักหน่อย เรื่องนี้ยังพอหยวนๆกันได้ ทว่าเย่ซือเฉินถึงกลับข่มขู่เขา เรื่องนี้ก็ปล่อยไปไม่ได้แล้ว
“แม่ครับ พวกเราลักพาตัวผมแล้ว พวกเขาปิดปากผมจนเกือบหายใจไม่ออกครับ พวกเขายังตีหัวผมจนผมเกือบโง่ไปเลยครับ พวกเขายังคิดจะฆ่าปิดปากด้วยครับ”ถังจื่อโม่จ้องคุณชายสามเย่แล้วก็ฟ้องคุณแม่ผ่านโทรศัพท์ทันที
ถังจื่อโม่พูดแต่ละประโยค กู้หวูก็ตัวสั่นไปด้วยทุกครั้ง ถังจื่อโม่บอกว่าพวกเขาอยากฆ่าปิดปาก สองขากู้หวูอ่อนยวบ ทรุดตัวลงคุกเข่าทันที ใช่ เขาคุกเข่าให้คุณชายน้อยของเขาจริงๆ
คุณชายน้อยของเขาทำไมถึงพูดแบบนี้นะ?ทำไมฟ้องคุณนายอย่างนี้ล่ะ?
เมื่อกี้คุณนายโกรธมากอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินคุณชายน้อยพูดอย่างนี้อีก จะไม่แย่กว่าเดิมเหรอ?!
กู้หวูได้ยินผ่านทางโทรศัพท์ ทว่าก็ยังคงสัมผัสไอสังหารจากคุณนายได้
บัดนี้คุณชายสามเย่ได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ สีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นทีละนิด ตอนนี้ถังจื่อโม่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ลูกน้องในองค์กรยมบาลทุกคนยังรับคำสั่งจากถังจื่อโม่คอยดักซุ่มโจมตีเขา
อีกอย่างองค์กรยมบาลมีกฎระเบียบขององค์กรยมบาล คุณชายสามเย่รู้ดี คนในองค์กรยมบาลไม่มีทางทำอย่างนั้นกับเด็กเด็ดขาด
ดังนั้นคุณชายสามเย่ไม่เชื่อคำพูดของถังจื่อโม่เลยสักนิด
ทว่า เวินลั่วฉิงที่อยู่ในสายไม่รู้ เวินลั่วฉิงได้ยินลูกชายตัวเองพูดก็เป็นห่วงจนหัวใจถูกแขวนไว้ที่สูง “พวกเขา?พวกเขา?ลูกรัก เย่ซือเฉินล่ะ?”
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก เธอพยายามให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ ทว่าตอนนี้ระดับเสียงของเธอยังคงดังอยู่
ก่อนหน้านี้หัวหน้าได้รับสายจากกู้หวูให้ยกเลิกการซุ่มโจมตี ตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูพอแล้ว จึงได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างชัดเจน ทุกคนต่างพากันใจหายใจคว่ำ ขาอ่อนยวบ
“พวกเรา พวกเราไม่เข้าไปดีกว่านะ”หัวหน้ากลุ่มกลืนน้ำลาย น้ำเสียงสั่นเทา ตอนนี้เขาพยายามกดเสียงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ผมเห็นด้วย ภารกิจพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว ผมรู้สึกว่าพวกเราควรแยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว”มีคนหนึ่งเห็นด้วยกับคำพูดของหัวหน้ากลุ่ม
“แล้วรออะไรอยู่ รีบถอยกันเถอะ”
วินาทีต่อมา เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาของพวกเขาแล้ว เพียงแต่หนุ่มโรคเด็กม.2ต้าชุนยังคงยืนอยู่ด้านนอก
ต้าชุนมองประตูที่ปิดไว้ ก่อนจะมองด้านหลังที่ว่างเปล่า ต้าชุนครุ่นคิดดูแล้วก็หันกายเดินจากไป สมองเขาไม่ค่อยดี ตอนพักผ่อนไม่เพียงพอ สมองยิ่งเชื่องช้าปัญญาอ่อนกว่าเดิม ดังนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองควรกลับไปนอนหลับพักผ่อนแล้ว
เขาไม่อาจเข้าร่วมเรื่องภายในห้องได้ มันเป็นเรื่องระหว่างลูกพี่กับคุณนาย ใครจะเข้าร่วมได้?ใครกล้าเข้าร่วม?
“เย่ซือเฉินอยู่นี่ครับ”บัดนี้ถังจื่อโม่ที่อยู่ในห้องได้ยินเวินลั่วฉิงพูดก็จ้องไปยังเย่ซือเฉินอีกครั้ง “เขาอยู่ข้างๆผมครับ”
“ลูกรักเอามือถือให้เย่ซือเฉิหน่อย”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ เธอพยายามให้น้ำเสียงอ่อนโยนกับลูกชายให้มากที่สุด เมื่อกี้ลูกชายโดนลักพาตัว เธอจะทำให้ลูกชายตกใจไม่ได้
คุยเรื่องนี้กับลูกชายไม่ได้ ต้องคุยกับเย่ซือเฉินเท่านั้น
“ครับ”เด็กน้อยถังจื่อโม่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง ท่าทางเป็นเด็กแสนดีสุดๆ ถังจื่อโม่มองไปยังคุณชายสามเย่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “แม่ผมให้คุณรับสาย”
กู้หวูแอบสูดลมหายใจเข้า ปีศาจน้อยก็คือปีศาจน้อย ทำกับพ่อแท้ๆได้อย่างไร้ปรานี!!
ลูกพี่ผู้น่าสงสาร!!
อนาถแน่!!
เย่ซือเฉินกวาดสายตามองถังจื่อโม่แวบหนึ่ง จากนั้นก็รับมือถือจากถังจื่อโม่มา
การมองถังจื่อโม่ของคุณชายสามเย่แวบนั้นไม่ธรรมดา ทว่าถังจื่อโม่กลับไม่อินังขังขอบ