ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1142 ความโอ้อวดของคุณชายสามเย่(1)
ดังนั้น คุณชายสามเย่ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่อ่อนโยนเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซี เสียงของเขาในตอนนี้เข้มงวด มีความน่าเกรงขามของคนเป็นพ่อ
ถึงแม้ถังจื่อโม่จะอายุแค่ห้าขวบ แต่ความคิดของเขาล้ำกว่าเด็กอายุห้าขวบทั่วไป อีกทั้งเมื่อกี้ถังจื่อโม่ยังให้คนขององค์กรยมบาลขุดหลุมพรางให้เขา ถังจื่อโม่มีความสามารถมากจริงๆ ดังนั้นจิตใต้สำนึกของเย่ซือเฉินจึงไม่ได้มองถังจื่อโม่เป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ
นี่คือความสามารถของถังจื่อโม่ที่เย่ซือเฉินยอมรับ และเป็นการเคารพอย่างหนึ่งของเย่ซือเฉินที่มีต่อถังจื่อโม่
หากเป็นปกติ ถังจื่อโม่ต้องเข้าใจอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หัวใจของคุณชายน้อยถังจื่อโม่บอบบาง กลายเป็นคนขี้น้อยใจ ดังนั้นเวลานี้ถังจื่อโม่ได้ยินน้ำเสียงเข้มงวดของเย่ซือเฉินจึงรู้สึกน้อยใจอย่างมาก
“คุณไม่ต้องไปส่งผม” ถึงอย่างไรถังจื่อโม่ก็เป็นแค่เด็กห้าขวบ มีความเป็นเด็ก และมีนิสัยของเด็ก แต่ว่าถังจื่อโม่มีความเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด ตอนอยู่กับเวินลั่วฉิงเขาไม่เคยดื้อแบบนี้มาก่อน
“ฉันให้เขาไปส่ง” ถังจื่อโม่เห็นกู้หวูที่ตามมาดูความครึกครื้น หันไปทางกู้หวู:“นาย ส่งคุณชายน้อยกลับบ้าน”
“ห๊ะ? เอ่อ……” กู้หวูเดินตามออกมาดูความครึกครื้นเพราะความอยากรู้ กู้หวูคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ สองพ่อลูกทะเลาะกัน? หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นที่ระบายอีกครั้ง เขาไม่มีธุระอะไรออกมาดูความครึกครื้นบ้าอะไรเนี่ย?
แต่ว่า เมื่อกี้ทั้งที่คุณชายน้อยเป็นเด็กดีอย่างมาก พอได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ ทำไมถึงดื้อขึ้นมาได้ล่ะ?
ตอนที่กู้หวูหันไปมองพี่ใหญ่ของตนเอง บังเอิญสบตาเข้ากับสายตาเยือกเย็นของพี่ใหญ่ที่ทำให้คนหนาวตายได้ กู้หวูเริ่มก้าวถอยหลัง อยากจะถอยกลับไป ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่ออกมาดูความครึกครื้นแน่นอน
หวังว่าออกไปตอนนี้ยังทัน
“นายอย่าเพิ่งไป ส่งฉันกลับไป นายเป็นคนลักพาตัวฉันมา นายควรรับผิดชอบส่งฉันกลับไป” ถังจื่อโม่เห้นกู้หวูอยากจะหนี จึงร้องตะโกนบอกให้เขาหยุด ความเป็นจริงภายในใจของถังจื่อโม่ไม่ได้อยากให้กู้หวูส่งเขากลับ ถังจื่อโม่ดื้อกับเย่ซือเฉิน ตอนที่ถังจื่อโม่พูดสายตาของเขายังเหลือบไปมองเย่ซือเฉิน
“นี่คือคำสั่งของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกให้ผมทำ ดังนั้น คุณชายน้อยต้องไปคุยกับพี่ใหญ่” กู้หวูพูดจบแล้วรีบหนีไปทันที เขาไม่ใช่คนโง่ ถ้าไม่หนีตอนนี้อีกเดี๋ยวเขาต้องซวยแน่ๆ
“ขึ้นรถเถอะ” เย่ซือเฉินมองไปที่ถังจื่อโม่อีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย แต่ว่า เมื่อเทียบกับตอนที่คุณชายสามเย่ปฏิบัติเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีนั้นยังแตกต่างกันมาก!!
กู้หวูไปแล้ว ถังจื่อโม่เองก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้อีกแล้ว ถึงแม้ภายในใจของถังจื่อโม่จะไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ก็จำต้องขึ้นรถ
ความเป็นจริง ภายในใจของถังจื่อโม่อยากให้เย่ซือเฉินส่งเขากลับไป สิ่งที่ถังจื่อโม่โมโหคือท่าทีของเย่ซือเฉินที่มีต่อเขา ทั้งๆที่เย่ซือเฉินอ่อนโยนกับน้องสาวมาก ตอนนั้นเย่ซือเฉินอุ้มน้องสาวตลอดไม่ยอมปล่อยมือ
ทำไมพอเปลี่ยนเป็นคนถึงไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย?!
หลังจากถังจื่อโม่ขึ้นรถ นั่งอยู่ด้านหลัง ใบหน้าเล็กๆ ทำสีหน้าเคร่งขรึม เม้มปากแน่น ไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียว ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเขาไม่พอใจ
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ปลอบเขา คุณชายสามเย่ไม่ถนัดปลอบใจเด็ก
ไม่ น่าจะบอกว่าคุณชายสามเย่ไม่ถนัดปลอบเด็กผู้ชาย ตอนที่ปฏิบัติต่อเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซี คุณชายสามเย่เชี่ยวชาญอย่างมาก เจอกันครั้งแรก คุณชายสามเย่ก็เอาถังจื่อซีมาอยู่ข้างๆตนเองแล้ว
แน่นอน สิ่งสำคัญคือเจ้าหญิงน้อยถังจื่อสีไม่รังเกียจเขา ไม่ต่อต้านเขา
ตอนจากกัน เย่ซือเฉินไม่ได้เดินอยู่ด้านหลัง แต่เดินอยู่ด้านหน้า เมื่อกี้กู้หวูสั่งให้คนที่ซ่อนตัวเอาไว้ถอยออกไปให้หมดแล้ว ในเมื่อถอยออกไปหมดแล้ว แน่นอนว่าไม่มีหลุมพรางแล้ว ดังนั้นเย่ซือเฉินสามารถจากไปด้วยความสบายใจ
ตอนที่ถังจื่อโม่เห็นเย่ซือเฉินขับรถไปที่ประตูหลักเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และรู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าจะยังมีหลุมพราง
แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ว่าความกังวลของถืงจื่อโม่ไร้ประโยชน์ ความเป็นจริงพิสูจน์ว่าคนขององค์กรยมบาลทำงานมีประสิทธิภาพมากๆ ตอนขุดหลุมพรางว่าเร็วแล้ว ตอนกลบหลุมพรางเร็วยิ่งกว่า
เมื่อเด็กน้อยถังจื่อโม่เห็นว่าผ่านมาได้ด้วยความปลอดภัยจึงโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
“ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของนายเหรอ? นายเป็นคนวางแผนทั้งหมด?” เย่ซือเฉินมองเห็นปฏิกิริยาของถังจื่อโม่ผ่านกระจกมองหลัง มุมปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย
ความเป็นจริงเย่ซือเฉินมั่นใจแต่แรกแล้วว่าทั้งหมดเป็นความคิดของถังจื่อโม่ เย่ซือเฉินในตอนนี้อยากจะหาเรื่องที่พ่อลูกคุยกันได้
คุณชายสามเย่รู้สึกว่าบทสนทนาของเขากับถังจื่อไม่เคยเป็นความทะนุถนอม ความรักที่แสนจะเลี่ยน คุณชายสามเย่รู้สึกว่าเขากับลูกชายควรจะพูดเรื่องที่ลึกล้ำยิ่งกว่านั้น
พูดตามตรง เด็กอายุห้าขวบสามารถคิดได้ขนาดนี้ ทั้งยังสามารถวางแผนทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เขารู้สึกแปลกใจมาก
แน่นอน เด็กอายุห้าขวบคนนี้เป็นลูกชายของเขา ทำให้เขายิ่งรู้สึกภาคภูมิใจ
เย่ซือเฉินเคยชินกับการเก็บความรู้สึก ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้ภายในใจของเขาจะรู้สึกภาคภูมิใจ แต่น้ำเสียงของเขากลับไม่ได้เผยออกมามากมายเท่าไหร่
ถังจื่อโม่เข้าใจว่าตอนนี้เย่ซือเฉินกำลังเค้นคำตอบจากเขา ถังจื่อโม่คิดว่าเย่ซือเฉินอยากจะคิดบัญชีกับเขา
แต่ว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำ แม้ว่าเย่ซือเฉินอยากจะคิดบัญชี เขาก็ไม่มีวันถอยหนี ไม่มีวันกลัว เขาเป็นคนทำ เขาต้องยอมรับแน่นอน
“ใช่” ถังจื่อโม่เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่เย่ซือเฉิน น้ำเสียงเคล้าไปด้วยความดื้อดึงอย่างชัดเจน
เย่ซือเฉินชะงัก จากนั้นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เป็นองศาที่เคล้าไปด้วยรอยยิ้ม:”ทำได้ดี”
คำพูดของเย่ซือเฉินในตอนนี้แสดงถึงความชื่นชมอย่างไม่ซ่อนเร้น อีกทั้งนี่คือคำพูดจากใจจริงของเย่ซือเฉิน ดังนั้นจึงไม่มีการโกหกแม้แต่น้อย
ถึงแม้ถังจื่อโม่วางแผนทุกอย่างเพื่อจัดการกับเขา แต่เขาปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าแผนกาทั้งหมดของถังจื่อโม่สุดยอดมาก
ถังจื่อโม่ตกตะลึง แววตาของเขาที่มองไปทางเย่ซือเฉิน มีทั้งความแปลกใจ มีทั้งความคาดไม่ถึง เดิมทีเขาคิดว่าเย่ซือเฉินจะคิดบัญชีกับเขา แน่นอนว่ามีแม่อยู่ เย่ซือเฉินไม่มีวันกล้าทำอะไรเขา
แต่เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เย่ซือเฉินจะด่าเขา เมื่อกี้เขาเตรียมพร้อมที่จะถูกด่าแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า เย่ซือเฉินไม่เพียงแต่ไม่ด่าเขา แต่กลับพูดจนทำให้เขาทำตัวไม่ถูก?!
ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกว่าเย่ซือเฉินพูดประชด แต่ว่าสีหน้าของเย่ซือเฉินไม่เหมือนพูดประชด
หลังจากถังจื่อโม่ตกตะลึง ภายในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ เย่ซือเฉินกำลังชมเขา?
เย่ซือเฉินชมเขาเนี่ยนะ?
เย่ซือเฉินชมเขาเท่ากับว่าเย่ซือเฉินยอมรับในความสามารถของเขาใช่หรือไม่? เท่ากับว่าเย่ซือเฉินยอมรับเขาใช่หรือไม่?!