ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1147 คุณชายสามเย่ภาคภูมิใจมาก(3)
คุณชายสองโจ๋วและคุณชายสี่จี้ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าต่างก็เดินเข้ามา นั่งลง ความหมายนั้นชัดเจนอย่างมาก
นัยน์ตาของเย่ซือเฉินฉายแสง เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าวันนี้เจ้าพวกนี้ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด?
“พี่สาม มา ผมดื่มกับพี่แก้วหนึ่ง” คุณชายห้าฉิงรินเหล้า ก่อนหน้านี้เขาสั่งอาหารและเหล้าเรียบร้อยแล้ว
เย่ซือเฉินองไปที่คุณชายห้าฉิง เขาไม่เคยชอบดื่มเหล้ามาก่อน ปกติก็ดื่มไม่เยอะ สถานการณ์ที่มาถึงแล้วดื่มหนึ่งแก้วทันทีแบบนี้มีน้อยครั้งมาก
นั่นเป็นเมื่อปีที่แล้วตอนที่เขาเพิ่งทำธุรกิจ อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นต้องทำเท่านั้น
ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผ่อนคลาย คุณชายสามเย่ยิ่งไม่เคยดื่มหนักแบบนี้
แต่ว่า วันนี้คุณชายสามเย่ดีใจ ดีใจอย่างมาก เขาเป็นพ่อคนแล้ว เขามีลูกสาวหนึ่งคน มีลูกชายหนึ่งคน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังดีใจอย่างมาก ดังนั้นดื่มเหล้าเพื่อข่มความรู้สึกก็ได้เหมือนกัน
“ได้” ดังนั้น เย่ซือเฉินจึงตอบอย่างรวดเร็ว แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนแก้วกับแก้วของคุณชายห้าฉิงที่ยื่นมา จากนั้นก็ดื่มจนหมด
พวกเขาเห็นคุณชายสามเย่ดื่มแบบนี้ ตกตะลึงอย่างมาก
พวกเขาแต่ละคน มองหน้ากัน ภายในใจมีความคิดเดียวกัน ซึ่งก็คือสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเป็นเรื่องจริง
เย่ซือเแนที่พวกเขารู้จักไม่มีวันดื่มแบบนี้ ต้องเป็นเพราะถูกทิ้งแน่ๆ รู้สึกเสียใจ ดังนั้นจึงเป็นแบบนี้
“พี่สาม วันนี้พี่คิดอยากจะดื่มยังไง ขอแค่พี่พูดออกมา พวกเราจะดื่มกับพี่จนถึงที่สุด” สีจี้ถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าหากพี่สามถูกพี่สะใภ้สามทิ้งจริงๆ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเมาไปพร้อมกับพี่สาม
“พี่สาม ผมด้วย พี่สามบอกให้ดื่มยังไงพวกเราก็จะดื่มแบบนั้น” คุณชายห้าฉิงเองก็แสดงท่าทีออกมา
“พี่สาม……” คุณชายสองโจ๋วร้องเรียกหนึ่งครั้ง จากนั้นตบไหล่เย่ซือเฉิน ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าการเทเหล้าจนเต็มแก้วของเขาก็อธิบายความคิดของเขาหมดแล้ว
เสี่ยวชีอายุยังน้อย สุขภาพก็ไม่ดีอีกด้วย ดังนั้นจึงดื่มไม่ได้:“พี่สาม ผมดื่มเหล้าไม่ได้ พวกพี่ดื่ม ผมดื่มน้ำ พวกพี่ดื่มหนึ่งแก้ว ผมดื่มหนึ่งขวดโอเคไหม?”
“พวกนายทำอะไรกัน?” ในที่สุดเย่ซือเฉินก็ทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม คืนนี้พวกเขาเป็นอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ
ฉิงถิงก็ช่างเถอะ ฉิงถิงชอบดื่มอยู่แล้ว แต่ว่าสีจี้เดิมทีชอบดื่มเหล้ามาก ทว่าหลังจากมีแฟนสีจี้ก็ไม่ดื่มเหล้ามานานแล้ว
พี่สองเป็นหมอ ปกติมารวมตัวกันพี่สองไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่
แต่ว่าคืนนี้แต่ละคนทำเหมือนทุ่มสุดตัวเพื่อมอมตนให้เมา!!
“พี่สาม ชีวิตคนเราย่อมต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร นายต้องจัดการด้วยความใจเย็น……” คุณชายสองโจ๋วเป็นคนสุขุม ครุ่นคิด อดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม
เพราะถึงอย่างไรการดื่มเหล้าเพื่อให้ลืมความทุกข์ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี เกิดเรื่องขึ้นต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหา
“พี่สอง พี่รู้แล้วเหรอ?” เย่ซือเฉินได้ฟังคำพูดของคุณชายสองโจ๋วถึงกับหยุดชะงัก เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเคล้าไปด้วยความเหลือเชื่อ เรื่องนี้เขาเพิ่งรู้เมื่อกี้ พี่สองรู้ได้ยังไง?
แต่ละคนได้ยินคำพูดของคุณชายสามเย่ ต่างสบตากัน ดูท่า เรื่องนี้เป็นความจริง
แต่ละคนมองไปที่เย่ซือเฉิน แววตาเปี่ยมไปด้วยความสับสน แน่นอน สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือความเห็นอกเห็นใจ
“พวกนายรู้กันหมดแล้ว” เย่ซือเฉินมองดูแววตาของทุกคน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ทุกคนจะรู้แล้ว แต่ก็ไม่ควรมองเขาด้วยสายตาแบบนี้รึเปล่า
เห็นอกเห็นใจเขา? เห็นอกเห็นใจเขาที่ตอนนี้เพิ่งรู้เรื่องลูกทั้งสอง?
ถ้าพูดแบบนี้ ความเห็นอกเห็นใจของพวกเขาก็มีเหตุผล
“พวกนายรู้ได้ยังไง?” เย่ซือเฉินเห็นทุกคนเงียบ ถือว่ายอมรับแล้ว เพียงแต่เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าพวกเขารู้ได้ยังไง?
“เมื่อกี้ผมโทรหาพี่ใหญ่แล้ว……” คุณชายห้าฉิงมองไปที่เย่ซือเฉิน เอ่ยปากถามหยั่งเชิง
“พี่ใหญ่เป็นคนบอกพวกนาย? ครั้งนี้พี่ใหญ่เร็วจริงๆ” ทว่าเย่ซือเฉินกลับเข้าใจสิ่งที่คุณชายห้าฉิงจะสื่อผิดไปหมด เขานึกว่าถังหลินบอกเรื่องลูกทั้งสองคนกับทุกคนแล้ว
เมื่อก่อนถังหลินปิดบังเขามาโดยตลอด ครั้งนี้กลับบอกทุกคนแล้ว?
สำหรับเรื่องนี้ เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับถังหลินเลย
แต่ละคนได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉิน แล้วมองดูสีหน้าของเย่ซือเฉินที่ไม่ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเมื่อก่อนหน้านี้
“พี่สาม พี่อย่าเสียใจไปเลย” สีจี้ลอบถอนหายใจอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่บางคำพูดเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมา:“พี่สาม เรื่องทุกอย่างต้องมีทางแก้แน่นอน”
“จริงด้วย พี่สี่พูดถูก พี่สามอย่าเสียใจไปเลย ต้องคิดหาวิธีง้อเธอกลับมา ด้วยความสามารถของพี่สาม อยากจะง้อพี่สะใภ้สามกลับมาอีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” คุณชายห้าฉิงพูดเกลี้ยกล่อมยาวเหยียด
“เดี๋ยวก่อน พวกนายพูดอะไรกัน? ฉันไม่เข้าใจ?” คุณชายสามเย่งุนงงไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“พี่สาม พวกเรารู้ว่าพี่ถูกพี่สะใภ้สามทิ้ง พี่เสียใจ ดังนั้นก็เลยเรียกพวกเรามาดื่มกับพี่ พี่สามพี่……” เสี่ยวชีอายุน้อยที่สุด อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ใครบอกพวกนายว่าฉันถูกทิ้ง?” เย่ซือเฉินกะพริบตาปริบๆ แล้วกะพริบตาปริบๆอีก จากนั้นกวาดมองพวกเขา แววตาคล้ายกำลังมองคนโง่อย่างไรอย่างนั้น
“พี่สาม ไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้พี่เองก็ยอมรับแล้วไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวชีทำหน้าตกตะลึง มองไปที่เย่ซือเฉิน รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
“พี่สาม เรื่องแบบนี้ไม่น่าขายหน้า ไม่ต้องฝืน” คุณชายสองโจ๋วคิดว่าเย่ซือเฉินไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าทุกคน
“พี่สาม พี่มีเรื่องอะไรก็พูดออกมา บางทีอาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง……”
“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกทุกคนจริงๆ” เย่ซือเฉินพูดแทรกคุณชายห้าฉิง สายตาของเขากวาดมองไปที่ทุกคน:“วันนี้ฉันเรียกทุกคนมาก็เพื่อจะบอกเรื่องใหญ่กับทุกคน”
เย่ซือเฉินจงใจหยุดพูด จากนั้นยกมุมปากขึ้นมาช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่สาม พี่พูดออกมาเถอะ พวกเรากำลังฟังอยู่” เสี่ยวชีพยักหน้า เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่สาม เสี่ยวชีรู้สึกแปลกๆ แต่ว่าเสี่ยวชียังคงรู้สึกว่าพี่สามกำลังฝืนทน
คนอื่นๆก็มีความคิดไม่ต่างจากเสี่ยวชี รู้สึกว่าเย่ซือเฉินไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าทุกคน ดังนั้นจึงฝืนยิ้ม
เย่ซือเฉินมองดูสีหน้าของพวกเขา รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างมากยิ่งขึ้น เย่ซือเฉินเหยียดตัวนั่งตรง กระแอมไอ จากนั้นพูดช้าๆอย่างชัดถ้อยชัดคำ:“ฉันเป็นพ่อคนแล้ว”
ตอนที่เย่ซือเฉินป่าวประกาศเรื่องนี้น้ำเสียงของเขาเคล้าไปด้วยความโอ้อวด และมากไปกว่านั้นคือความภาคภูมิใจ
ถูกต้อง เขาภาคภูมิใจ เขาเป็นพ่อคนแล้ว เขาจะไม่ภาคภูมิใจได้เหรอ?