ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1150 คนไร้ยางอายเยอะเกินไป ถูกคุณชายสามเย่ตอกหน้าเต็มๆ (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1150 คนไร้ยางอายเยอะเกินไป ถูกคุณชายสามเย่ตอกหน้าเต็มๆ (3)
“ท่านประธานครับ คุณจะมาดูหน่อยไหมครับษ” สำหรับเรื่องแบบนี้ เลขาหลิวไม่รู้จริงๆว่าควรจะจัดการยังไง สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ ช่วงนี้เขาได้ยินไม่น้อย หาเรื่องได้แม้แต่ตระกูลถัง แม้แต่ท่านประธาน
“อืม ฉันไป” น้ำเสียงของเย่ซือเฉินในตอนนี้เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายความเยือกเย็น ในเมื่อคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มาหาถึงที่ แน่นอนว่าเขาต้องไปเจอ
เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้คิดอยากจะทำอะไร?
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมพาพวกเขาไปที่ห้องรับรอง” เลขาหลิวได้ยินประธานของตนเองรับปากแล้ว ในที่สุดก็โล่งใจ
หลังจากวางสาย เลขาหลิวจึงเดินไปตรงหน้าพวกคนที่อยู่ในห้องโถง:“ท่านประธานของพวกเราบอกว่าจะมา พวกคุณเดินตามผมไปรอที่ห้องรับรองสักพักนะครับ”
ท่าทีของเลขาหลิวถือว่ามีมารยาท แต่ไร้ซึ่งความประจบประแจง คำพูดที่บอกว่าท่านประธานของพวกจะมา วางท่าเป็นเย่ซือเฉินชัดๆ
คนขององค์กรโกสต์ซิตี้จะร้ายกาจแค่ไหน ตอนนี้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็มาขอพบท่านประธานของพวกเขา ถ้าอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องวางท่าท่านประธานของเขาออกมา
อีกทั้งเรื่องที่ก่อนหน้านี้องค์กรโกสต์ซิตี้ทำกับตระกูลถังเลขาหลิวเองก็รู้ทุกอย่าง การกระทำขององค์กรโกสต์ซิตี้ กำหนดให้เป็นศัตรูของพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อศัตรูด้วยความเกรงใจ
ท่านประธานรับปากว่าจะมา นั่นเพราะอยากจะรู้ว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้คิดอยากจะทำอะไร?
เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเลขาหลิว ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด:“หมายความว่าอะไร? ให้พวกเรารอ รอจนถึงเมื่อไหร่?”
“ท่านประธานไม่ได้บอก ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าพวกคุณมาเช้าไปหน่อย ท่านประธานของเรายังไม่ตื่น ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้ท่านประธานของเราตื่นนอน อาบน้ำแปรงฟันก่อน แล้วกินข้าวเช้าเสร็จ ถึงจะมา” เลขาหลิวเห็นท่าทีไม่พอใจของเจิ้งฉงหยุดชะงักเล็กน้อย นี่นะเหรอคนขององค์กรโกสต์ซิตี้? ก็ไม่เท่าไหร่หนิ? แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว?
ท่านประธานของพวกเขาไม่เคยเผยอารมณ์ใดๆต่อหน้าศัตรู คนๆนี้คนละระดับกับท่านประธานของเขาจริงๆ
มุมปากของเลขาหลิวยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ คนๆนี้ยังเป็นคนดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ประจำเมือง A?!
“เย่ซือเฉินหมายความว่าอะไร? เขาปฏิบัติแบบนี้ต่อคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเรา?” เจิ้งฉงไม่พอใจแต่แรกแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของเลขาหลิว ก็ยิ่งโมโห
“นายรู้ไหมว่าคนๆนี้คือใคร?” เจิ้งฉงขยับตัวเล็กน้อย ชี้ไปที่เฉิงโหรวโหรว
ดวงตาของเลขาหลิวสั่นเทาเล็กน้อย คนๆนี้คือใคร? เขาคิดว่าเป็นเลขามาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นเลขาที่ไม่เคยออกงานสังคม เป็นเลขาที่ไม่สามารถเอามาเชิดหน้าชูตาได้
เพราะตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ก็เอาแต่มองไปทั่ว ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเรียกว่าบ้านนอกเข้ากรุง แต่ท่าทีนั้นแม้แต่เขายังรู้สึกตลก
ถึงแม้ระยะเวลานี้เฉิงโหรวโหรวจะเข้าร่วมงานสังคมไม่น้อย เคยพบเจอสภาพแวดล้อมแบบนั้นหลายครั้ง แต่ว่าสภาพแวดล้อมในงานเลี้ยงพวกนั้นไม่สามารถเทียบกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปได้ เมื่อหลายปีก่อนเย่ซือเฉินเพิ่งออกแบบและตกแต่งบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปด้วยตนเอง บริษัทยิ่งใหญ่อลังการมาก ในเมือง A นี้ไม่มีบริษัทไหนเทียบชั้นได้
ระยะเวลานี้เฉิงโหรวโหรวพักอยู่ในสาขาขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่เมือง A สาขาที่เมือง A เจิ้งฉงก็ตกแต่งอย่างหรูหรา ตอนแรกที่เฉิงโหรวโหรวเข้าไปในสาขาก็รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในราชวัล
แต่ว่าตอนนี้เฉิงโหรวโหรวมาถึงบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป เพิ่งรู้ว่าสาขาที่มือง A ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยถึง เมื่อเทียบกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป สาขาที่เมือง A เหลือแค่เศษซากในชั่วพริบตา
เฉินโหรวโหรวรู้สึกเพียงว่าสายตาของตนมองไม่พอ แน่นอนว่าเป็นเพราะภายในใจของเธอตอนนี้ตะลึงงัน จึงไม่ได้รักษาสีหน้าเอาไว้ สีหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง เปี่ยมไปด้วยความตะลึงงัน เปี่ยมไปด้วยความอิจฉา!!
จนกระทั่งได้ยินเจิ้งฉงพูดถึงเธอ เธอจึงดึงสติกลับมา จากนั้นมองไปที่เลขาหลิว เพื่อแสดงตัวตนของตน เฉิงโหรวโหรวเชิดหน้าขึ้น อยากจะแสดงความทระนงและสูงศักดิ์ของตน
เพียงแต่ว่า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ก็ไม่มีความสูงศักดิ์และสง่างามให้พูดถึง ดังนั้นท่าทีของเธอในตอนนี้จึงดูหัวมังกุท้ายมังกร รู้สึกตลกอย่างมาก
มุมปากของเลขาหลิวกระตุกอย่างไม่อาจหักห้ามได้ เมื่อกี้เขารู้สึกเหมือนอีกาอยากเป็นหงส์ แต่ว่าเลขาหลิวเป็นคนเคยออกงานใหญ่ๆมาก่อน แน่นอนว่าไม่มีทางแสดงสีหน้าออกมา ทั้งยังถามด้วยความร่วมมือ:“ไม่ทราบว่าคุณคนนี้คือ?”
“เธอคือองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซินตี้” เจิ้งฉงแนะนำตัวแทนเฉิงโหรวโหรว น้ำเสียงเคล้าไปด้วยความโอ้อวดอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้เลขาหลิวจะเคยออกงานใหญ่ๆมาก่อน แต่ตอนนี้เขาตะลึงงัน ไม่สามารถเก็บสีหน้าของตนได้ มองไปที่เฉิงโหรวโหรวด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ
ชั่วขณะหนึ่ง เลขาหลิวเกือบร้องตะโกนออกมา
นี่คือองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้?
ให้ตายสิ?!!!
นี่คือองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้?
นี่คือองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เนี่ยนะ?
เห็นปฏิกิริยาของเลขาหลิว เฉิงโหรวโหรวคิดว่าเลขาหลิวตกใจกับฐานันดรศักดิ์ของเธอ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทระนงตน เฉิงโหรวโหรวไม่รู้จักเก็บสีหน้าของตนเอง ภายในใจของเธอรู้สึกทระนงตน แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“นายไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่วันนี้ฉันมาหาประธานของพวกนายด้วยความจริงใจ” ใบหน้าของเฉิงโหรวโหรวเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด เธออยากจะแสดงออร่าความสูงศักดิ์ของตนออกมา เพียงแต่ออร่านี้ เธอไม่มีแม้แต่น้อย
อีกทั้งเวลานี้ที่เธอพูดออกมา ความทระนงของตนชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
เลขาหลิวหยุดชะงัก เขาตื่นเต้น? เขากลัว? องค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้มองยังไงว่าเขาตื่นเต้น ว่าเขากลัว?
เผชิญหน้ากับองค์หญิงคนนี้ เลขาหลิวรู้สึกว่าตนตื่นเต้นไม่ออกจริงๆ และยิ่งอย่าพูดถึงกลัว
องค์หญิงคนนี้บอกว่ามาหาท่านประธานของพวกเขาด้วยความจริงใจ? คำพูดนี้หมายความว่าอะไร
“ไม่รู้ว่าองค์หญิงมาพบท่านประธานของพวกผมด้วยเรื่องอะไรครับ?” นัยน์ตาของเลขาหลิวฉายแสงแวววับ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภายในใจของเลขาหลิวมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมากะทันหัน
เฉิงโหรวโหรวไม่ได้ตอบเลขาหลิว แต่มองไปที่เลขาหลิว จงใจพูดให้มีเลศนัย:“แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี เดี๋ยวนายก็รู้”
ขณะที่เฉิงโหรวโหรวพูดถ้อยคำนี้ จงใจทำเสียงอ่อนโยน ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด ทำหน้าเหมือนกำลังยั่วยวนอย่างไรอย่างนั้น
เลขาหลิวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว องค์หญิงคนนี้ปัญญาอ่อนรึเปล่า?
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แต่ว่า องค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้บอกว่ามาหาท่านประธานด้วยเรื่องดีๆ? ถ้าอย่างนั้นคือเรื่องอะไรกันแน่?
เลขาหลิวรู้สึกว่า เรื่องที่องค์หญิงคนนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ดี ท่านประธานของเขาอาจจะไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ได้
อยู่ดีๆ เลขาหลิวก็รู้สึกเสียใจที่ให้ท่านประธานของตนมา องค์หญิงที่ปัญญาอ่อนยิ่งกว่าคนปัญญาอ่อน ไม่มีความจำเป็นต้องเจอแต่อย่างใด