ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1175 หน้าเสียอย่างนี้ ไม่มียาเสียใจภายหลังนะ (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1175 หน้าเสียอย่างนี้ ไม่มียาเสียใจภายหลังนะ (2)
“เวินลั่วฉิงขี้เหร่อย่างนั้น กลัวคนอื่นจะไม่อยากซื้อ”มุมปากคุณย่าเย่ยกโค้งขึ้น น้ำเสียงมีความเย้ยหยันมากแจ่มชัด
“วางใจเถอะมีคนเอาแน่นอน คนพวกนั้นซื้อเพราะอยากสืบทอดวงศ์ตระกูล ไม่ดูหน้าตาว่าดีหรือไม่”บัดนี้ระดับเสียงของคุณย่าเย่กดต่ำลงเล็กน้อย แต่ยังคงได้ยินอย่างชัดแจ๋ว
ดังนั้นคุณย่าเย่ไม่ได้คำนึกถึงการเป็นตายร้ายดีของเวินลั่วฉิงเลย คุณย่าเย่รู้ว่าคนชนบทซื้อตัวผู้หญิงเพื่อสืบทอดทายาท ซึ่งเวินลั่วฉิงมีบุตรไม่ได้ หากถึงเวลานั้นเวินลั่วฉิงมีลูกไม่ได้ ผลลัพธ์ต้องอนาถแน่ อนาถมากๆแน่
ต้องบอกว่าหากพูดถึงความโหดเหี้ยมที่เด็ดขาด คุณย่าเย่นั้นเหนือชั้นกว่าคุณปู่เย่ ท่านเป็นตัวโหดชั้นหนึ่งเลยทีเดียว!!
“แต่เวินลั่วฉิงมีลูกไม่ได้นี่”คุณปู่เย่ชะงัก พลางตอบด้วยสัญชาตญาณหนึ่งประโยค กระทั่งคุณปู่เย่ยังนึกผลลัพธ์นี้ได้
“ดูจากภายนอกไม่ออกหรอกว่ามีลูกไม่ได้ แค่หาที่เหมาะสม ไม่ต้องให้หนีกลับมาก็พอ”สีหน้าของคุณย่าเย่เรียบเฉยมาก เรียบเฉยจนราวกับกำลังพูดถึงเรื่องทั่วไปอย่างไรอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าคุณย่าเย่ไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไป ในสายตาคุณปู่เย่คงคิดว่าเวินลั่วฉิงรนหาที่เอง
“ได้ จะทำตามที่คุณบอก”ตอนที่คุณปู่เย่พูดประโยคนี้ถึงกับหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมากันแน่
“แล้วจะทำยังไงกับเด็กคนนี้?”คุณย่าเย่นึกถึงเรื่องเด็กว่าต้องรีบจัดการปัญหานี้โดยด่วน
“ส่งหลานสาวคนนี้ไปเมืองนอกเลย จากนั้นก็หาคนดูแล อย่าให้หลานเข้าใกล้กับคนอื่น”คุณปู่เย่แทบจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็พูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา ซึ่งความคิดก็คือ ส่งเด็กไปแล้วหาคนดูแล ยังไม่ให้ให้คนนอกเข้าใกล้เด็กอีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่คุณปู่เย่เรียกว่าดูแลนั้นอันที่จริงเป็นการควบคุมจับตามอง
“ตอนนี้ก็มีแค่วิธีนี้แล้ว อย่างนี้จะเป็นผลดีทั้งซือเฉินและกับเด็กที่สุด”คุณย่าเย่ถอนหายใจเบาๆ
นั่นมันลูกของซือเฉินและเป็นลูกหลานตระกูลเย่ พูดตามตรงท่านรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ทว่าตอนนี้สถานการณ์ฉุกเฉิน พวกท่านจำใจต้องทำเช่นนั้น
รอให้ซือเฉินแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว ถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะมีลูกด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านก็จะไม่ขาดทั้งหลานชายหลานสาวแล้ว
เพียงช่วงเวลาไม่กี่นาทีคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็คิดเองเอยเอง ตัดสินชะตาชีวิตคนอื่นซะแล้ว
ซึ่งขณะนี้พ่อบ้านยืนอยู่ด้านข้างนอกประตู ถึงแม้เสียงของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะไม่ดัง ทว่าพ่อบ้านยังคงได้ยินเนื้อหาโดยรวมแล้ว
พ่อบ้านตกตะลึงจนหนาวสะท้านไปทั้งตัว นายท่านกับนายหญิงถึงกับจะทำร้ายคุณนาย แถมยังส่งคุณหนูไปไกลๆอีก?
พ่อบ้านพึ่งรู้เรื่องคุณหนูตอนนี้ พ่อบ้านไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลย ทำไมถึงมีคนอำมหิตได้ถึงเพียงนี้ คุณหนูเป็นลูกสาวของคุณชาย เป็นสายเลือดตระกูลเย่ ทำไมนายท่านกับนายหญิงถึงใจไม้ไส้ระกำต่อคุณหนูน้อยเพียงนี้?
“ผมจะให้คนไปตามหาพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย เจอตัวเมื่อไหร่ก็ให้พามาทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือว่าเด็กก็ตาม”คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่หารือกันเสร็จสรรพ จึงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“ให้ซือเฉินรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นคุณต้องหาคนข้างกายที่เชื่อใจได้”คุณย่าเย่อดเตือนหนึ่งประโยคไม่ได้
“ผมต้องรู้อยู่แล้ว ผมไม่ให้ซือเฉินรู้เรื่องนี้หรอก”คุณปู่เย่ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็เริ่มโทรออก
เมื่อโทรติด คุณปู่เย่ก็สั่งการให้อีกฝ่ายตามหาคนโดยตรง ซึ่งก็คือหาเวินลั่วฉิงกับลูกของเวินลั่วฉิง
พ่อบ้านที่ยืนอยู่นอกประตูแอบจากไปเงียบๆเพื่อโทรหาคุณชาย บอกคุณชายเตือนคุณนายให้ระวังตัว
เพียงแต่อาจเป็นเพราะเมื่อครู่พ่อบ้านตกตะลึงกับบทสนทนาของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เกินไป ทำให้ตอนที่หันหลังไม่ระวังไปโดยแจกันดอกไม้ที่อยู่ด้านหลัง
พ่อบ้านได้สติก็รู้ว่าจบเห่แล้ว แจกันดอกไม้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้น
แจกันดอกไม้เสียไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือเสียงแจกันแตกทำให้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ที่อยู่ในห้องโถงแตกตื่น
“ใคร?ใครอยู่ข้างนอก?”ตอนนี้คุณปู่เย่ใกล้จะคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว สิ่งที่ควรสั่งก็สั่งการเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินด้านนอกมีเสียงกะทันหัน สีหน้าคุณปู่เย่ก็เปลี่ยนทันที
สีหน้าคุณย่าเย่ก็เปลี่ยนอย่างฉายชัด
เรื่องที่พวกท่านหารือกันเมื่อสักครู่ หากมีคนได้ยินจะไม่ดีเอาซะเลย
“ผมเองครับ”พ่อบ้านรู้ว่าตัวเองไปไหนไม่ได้แล้ว เท้าชราของเขาเดินไม่เร็วเอาซะเลย และบ้านตระกูลเย่มีกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุม ถึงแม้เขาจะไปตอนนี้ แต่ไม่นานก็จะรู้ความจริง
พ่อบ้านจึงได้แต่รวบรวมความกล้าเดินเข้าห้องโถงไป
“นายทำอะไรอยู่ด้านนอก?นายมานานแค่ไหนแล้ว?”คุณปู่เย่มองพ่อบ้านด้วยแววตาเย็นเยียบ น้ำเสียงเย็นยะเยือกอย่างเด่นชัด
“ผมพึ่งมาครับ ไม่ระวังทำแจกันดอกไม้แตกครับ”ตอนนี้พ่อบ้านยังสะเทือนจิตใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ ดังนั้นพ่อบ้านจึงพูดปดด้วยจิตใต้สำนึก
“ไม่ใช่ให้นายไปส่งแขกเหรอ?ทำไมส่งแขกนานจังเลย?”คุณปู่เย่ถลึงตาใส่พ่อบ้าน เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของพ่อบ้าน
“ผมส่งแขกเสร็จแล้วเดินเล่นอยู่ในลานบ้านครับ”พ่อบ้านแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก พยายามควบคุมความว้าวุ่นในใจสุดเหวี่ยง เมื่อกี้เขาส่งแขกเสร็จ เดิมทีคิดจะถือโอกาสโทรหาคุณชาย แต่เขาไม่ได้พกมือถือติดตัว ซึ่งมือถือเขาอยู่ในห้องโถง ดังนั้นเขาส่งแขกเสร็จก็รีบกลับเข้ามาเอามือถือที่ห้องโถง จากนั้นถึงจะโทรหาคุณชาย
ทว่าสิ่งที่พ่อบ้านคาดไม่ถึงคือ ตนได้ยินบทสนทนาที่น่าสะดุ้งตกใจโดยบังเอิญ
“เหล่าเมิ่ง นายทำงานที่บ้านตระกูลเย่สี่สิบปีกว่าแล้วใช่ไหม?พวกเรารู้จักนายดี ฉันดูแวบเดียวก็รู้ว่านายโกหก เมื่อกี้นายได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”คุณย่าเย่พูดเปิดเผยตรงไปตรงมา ท่านสงสัยมากว่าพ่อบ้านจะได้ยินสิ่งที่พวกท่านคุยกัน
“ผม ผมไม่ได้……”พ่อบ้านก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าคุณย่าเย่ บางเวลาคุณย่าเย่จะฉลาดกว่าคุณปู่เย่เป็นไหนๆ
พ่อบ้านกลัวคุณย่าเย่มองทะลุปลอดโปร่ง
“พอแล้ว ฉันว่านายคงเหนื่อยแล้ว ช่วงนี้นายก็พักผ่อนอยู่ในห้องก็แล้วกัน”คุณย่าเย่เห็นท่าทีของพ่อบ้านในขณะนี้ก็รู้ว่าพ่อบ้านได้ยินทุกอย่างจริงๆ เรื่องเมื่อครู่จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด ให้ซือเฉินรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นความหมายของคุณย่าเย่ก็คือกักบริเวณพ่อบ้าน
พ่อบ้านรู้สึกสลดใจ เขาทำงานในบ้านตระกูลเย่นานหลายปีขนาดนี้ จึงเข้าใจความนัยของคุณย่าเย่
พ่อบ้านรู้ว่าสถานการณ์อย่างนี้ เขาปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งเขาโทรหาคุณชายเพื่อบอกเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว
“เมื่อกี้เขาได้ยินพวกเราคุยกันแล้ว คงขังไว้อย่างนี้ตลอดไม่ได้มั้ง?”พอพ่อบ้านถูกพาตัวไป ใบหน้าคุณปู่เย่ก็มืดครึ้มทันที
“จัดการปัญหาตรงหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน”คุณย่าเย่ไม่ได้ตอบตรงคำถาม คุณย่าเย่ก็รู้ว่าขังตลอดไปไม่ได้ แต่อประเด็นหลักในตอนนี้คือเกิดเหตุเหนือการคาดหมายไม่ได้เด็ดขาด
“ตอนนี้ผมให้คนไปหาเวินลั่วฉิงกับเด็กแล้ว พวกเขาหาเจอก็จะพากลับมาทันที ดังนั้นไม่ต้องกังวลเวินลั่วฉิง”คุณปู่เย่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องพ่อบ้านมากแล้ว เพราะขังตัวไว้แล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวลใจ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเกี่ยวดองกับองค์กรโกสต์ซิตี้
ไม่ว่าอย่างไร จะให้กระทบการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“งั้นตอนนี้พวกเราให้นักข่าวมาก แล้วแถลงข่าวแต่งงานกันเถอะ ก่อนหน้านี้พวกเรารับปากพวกเขาไว้ และปัญหาที่องค์หญิงถูกโยนออกจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปตอนเช้าต้องรีบจัดการโดยเร็วด้วย ดังนั้นชักช้าการเปิดแถลงข่าวไม่ได้ ต้องให้องค์กรโกสต์ซิตี้เห็นความจริงใจของพวกเรา”คุณย่าเย่กับคุณปู่เย่ตื่นตัวกับเรื่องแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้มากที่สุด
“ใช่ คุณพูดถูก ยืดเวลาไม่ได้ ต้องให้หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เห็นความจริงใจของพวกเรา และเมื่อแถลงข่าวประกาศเรื่องแต่งงานแล้ว เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องตายตัว ซึ่งสามารถเลี่ยงไม่ให้หัวหน้าคิดไม่ซื่อในอนาคตได้”คุณปู่เย่รีบพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย ท่านกับคุณย่าเย่ต่างก็กังวลเหมือนกัน
หรือท่านกังวลมากกว่าคุณย่าเย่เสียด้วยซ้ำ ยิ่งรีบร้อนอยากได้ทุกสิ่งอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้