ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1185 คุณชายสามเย่มีความสุขที่สุดแล้ว (2)
เธอไม่ได้มีความคิดเห็นที่ไม่พอใจต่อเย่ซือเฉิน ในทางตรงกันข้ามเธอรู้สึกพอใจในตัวเย่ซือเฉินมากเสียด้วยซ้ำ นึกถึงเรื่องเหล่านั้นที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำแล้ว ท่านย่าถังก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเย่ซือเฉินเช่นกัน
“ถูกค่ะ พูดแบบนี้แล้ว ความจริงคุณพ่อเป็นคนที่มีความสุขที่สุดต่างหาก” ใบหน้าเล็กๆของถังจื่อซีปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในทันที เป็นรอยยิ้มที่มีความสดใสมากเป็นพิเศษ
“ใช่ครับ พ่อเป็นคนที่มีความสุขที่สุดแล้ว” เย่ซือเฉินอุ้มลูกสาวตัวเองเอาไว้ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มด้วยเช่นกัน เป็นใบหน้าที่มีความสุขและมีความพอใจ
เขามีความสุขมากจริงๆ มีพวกเขา เขารู้สึกพอใจมากแล้ว ต่อให้จะเอาโลกทั้งใบมาแลกกับเขา เขาก็จะไม่ยอมแลก
“คุณพ่อมีความสุขที่สุด พวกเราครอบครัวอยู่ด้วยกันมีความสุขที่สุด” ถังจื่อซีร้องออกมาด้วยความดีใจ
ได้ยินคำพูดของถังจื่อซีแล้ว สองสามคนในห้องโถงนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ บรรยากาศที่จริงจังและหนักแน่นก่อนหน้านี้หายไปหดแล้ว
มุมปากของถังจื่อโม่อดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้ เขามองไปยังน้องสาวที่เย่ซือเฉินอุ้มอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง ถึงแม้จะยังมีความรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย แต่น้องถึงอย่างไรก็เป็นน้อง เขาเองก็ควรจะยอมให้น้องเช่นกัน เพราะฉะนั้นพ่ออุ้มน้องอยู่ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
เวินลั่วฉิงที่โอ้เอ้อยู่ทางด้านนอกตอนที่เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น เห็นฉากที่มีความสุขเช่นนี้แล้ว เวินลั่วฉิงก็รู้สึกอึ้งไป นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
คุณปู่เย่แถลงการณ์เรื่องงานแต่งงานกับนักข่าว เรื่องราววุ่นวายมากขนาดนี้ หากว่ากันตามเหตุผลแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่คนของตระกูลถังจะไม่รู้?
เวินลั่วฉิงเหลือบไปมองยังทีวีที่กำลังเปิดอยู่ ในทีวีนั้นกำลังฉายข่าว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การถ่ายทอดงานที่คุณปู่เย่จัดแถลงการณ์กับนักข่าว แต่ก็สามารถพูดได้ว่าคนของตระกูลถังสองสามคนนี้เมื่อครู่จะต้องเห็นแล้วอย่างแน่นอน
เห็นแล้วยังจะสามารถดีใจกันขนาดนี้ได้อีกอย่างนั้นหรือ?
จากนิสัยของคุณยายไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ?
ตอนแรกที่อยู่ข้างนอก เธอยังกังวลว่าหลังจากที่เย่ซือเฉินเข้ามาแล้วคุณยายจะทำให้เขาลำบากใจเสียด้วยซ้ำ ตอนนั้นเธอมีโทรศัพท์เข้าพอดี เดิมทีเธออยากจะให้เย่ซือเฉินรอเข้าไปพร้อมเธอ แต่เย่ซือเฉินกลับให้เธอไม่ต้องสนใจเขา เขาจึงเข้ามาเอง
เวินลั่วฉิงเป็นกังวลอยู่ตลอด ดังนั้นจึงรีบพูดให้จบแล้วรีบเข้ามา เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองจะต้องมาเห็นสงครามควันระเบิดเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฉากแบบนี้
เวินลั่วฉิงเห็นเย่ซือเฉินกำลังอุ้มลูกสาวอยู่ ถังจื่อโม่ก็ยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าถังจื่อโม่จะทำหน้าบึ้ง แต่มุมปากก็ยกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และใบหน้าของเย่ซือเฉินเองก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยเช่นกัน
ในใจของเวินลั่วฉิงนั้นรู้สึกพอใจมากเป็นพิเศษ อบอุ่นขึ้นเป็นพิเศษ ภาพสถานการณ์แบบนี้ช่างงดงามมากจริงๆ
“คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว” ถังจื่อซีเห็นเวินลั่วฉิงก่อน แล้วตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ : “คุณพ่อ คุณแม่กลับมาแล้วค่ะ คุณพ่อวางหนูลง แล้วคุณพ่อก็ควรไปกอดคุณแม่นะคะ”
คนที่อยู่ในห้องโถงได้ยินคำพูดของถังจื่อซีแล้วก็อดที่จะหัวเราะกันขึ้นมาไม่ได้
“เด็กคนนี้ยังเป็นเด็กน้อยขนาดนี้ รู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ไหนกัน” มุมปากของท่านย่าถังปรากฏรอยยิ้มออกมา ไม่มีความโมโหอยู่เลยซักนิดเดียว
“จื่อซีพูดถูกแล้ว ซือเฉินควรจะดีกับฉิงฉิงของพวกเรามากที่สุด” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นด้วยกับคำพูดของถังจื่อซีเป็นอย่างมาก ลูกก็สำคัญ แต่ระหว่างสามีภรรยานั้นก็ควรจะยิ่งเห็นคุณค่าดีๆด้วยเช่นกัน
“คุณป้าพูดถูกครับ” ใบหน้าของเย่ซือเฉินปรากฏรอยยิ้มออกมา บางคำพูดไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นพูดเขาก็เข้าใจ
เวินลั่วฉิงรู้สึกเขินขึ้นมาบ้างแล้ว
เนื่องจากคุณปู่เย่เป็นคนจัดการเรื่องการแต่งงานของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เอง เดิมทีทุกคนล้วนแต่กลุ้มใจไม่มีวิธีแก้ปัญหา เดิมทีที่ทุกคนกำลังเป็นกังวล แต่ตอนนี้กลับลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปหมด ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปกว่าครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้อีกแล้ว
“โอ้โห ดูเหมือนกับว่าผมจะกลับมาได้เวลาพอดีเลยนะครับ ครอบครัวกำลังมีความสุขกัน จะขาดผมไปได้ยังไง” ถังหลินที่รีบกลับมาเห็นบรรยากาศในห้องโถงก็รู้สึกตกตะลึงอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ยิ้มออกมาในทันที คุณชายถังที่ไม่ค่อยชอบพูดมาตลอดนั้นตอนนี้อยู่บ้านก็ไม่ได้หวงคำพูดอยู่แล้ว
“ลูกเองก็กลับมาแล้วหรือ” ท่านปู่ถังมองไปยังถังหลิน รู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด ถังหลินกลับมาในเวลานี้ คงจะเพราะเรื่องของเย่ซือเฉินด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะบอกว่าเขาจะจัดการเอง แต่ท่านปู่ถังก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี เพราะถึงอย่างไรองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆขนาดนั้น ตอนนี้ถังหลินกลับมาแล้ว ถังหลินได้ปรึกษากับเย่ซือเฉิน สองคนก็ยังดีกว่าเย่ซือเฉินเพียงคนเดียว
“ครับ กลับมาแล้ว” ถังหลินพยักหน้าลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าท่านปู่ถังจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ถังหลินกลับเข้าใจความหมายของคุณปู่ของตัวเองอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเพื่อฉิงฉิง หรือว่าความเป็นเพื่อนพี่น้องของเย่ซือเฉิน เรื่องนี้เขาจะไม่สนใจไม่ได้เลยอย่างแน่นอน
“ถ้าผมไม่กลับมา คนในบ้านเราจะถูกลักพาตัวไปหมดแล้ว?” ถังหลินมองไปยังถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ แล้วตั้งใจที่จะพูดออกมาอย่างขำๆ
“คุณลุง ไม่หรอกค่ะ คุณลุงเป็นคุณลุงที่ดีที่สุดของพวกเรา แล้วก็เป็นที่รักที่สุดของพวกเราตลอดไปนะคะ” ปากเล็กๆของถังจื่อซีหวานที่สุด และง้อคนเป็นที่สุดแล้ว
ทุกคนได้ยินคำพูดของถังจื่อซีแล้วก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
ท่านปู่ถังก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน แต่ในใจของเขาก็ยังคงเป็นกังวลเรื่องของเย่ซือเฉินอยู่ดี เขาลุกขึ้นยืน ดวงตาคู่นั้นมองไปยังถังหลินและเย่ซือเฉิน พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : “ถังหลิน ซือเฉิน พวกเธอสองคนตามฉันมาที่ห้องหนังสือหน่อย”
ท่านปู่ถังไม่อยากจะให้คนอื่นๆต้องมาเป็นกังวลตามไปด้วย โดยเฉพาะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้นต่อหน้าเด็กทั้งสองคน เพราะถึงอย่างไรคนของตระกูลเย่ก็เป็นญาติของเด็กทั้งสองคนนี้ด้วย
“ครับ” ถังหลินเข้าใจความหมายของคุณปู่ตัวเองอยู่แล้ว จึงรีบพยักหน้าตอบรับในทันที
เย่ซือเฉินเองก็รู้ดีกับความหมายของท่านปู่ถัง เขาเข้าใจว่าท่านปู่ถังอยากจะช่วยเขา แต่เรื่องนี้เขาจะต้องแก้ไขด้วยตัวเอง
“คุณปู่ถังครับ ผมเข้าใจในน้ำใจนี้ของคุณปู่” รอยยิ้มบนใบหน้าเย่ซือเฉินปิดซ่อนเอาไว้ แล้วเปลี่ยนสีหน้าท่าทางที่จริงจึงขึ้นมาแทน : “แต่ว่าเรื่องนี้ผมจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวผมเองครับ”
“เด็กอย่างเธอนี่ทำไมถึงได้หัวแข็งแบบนี้นะ เธอจะแก้ไขมันอย่างไร? หรือว่าเธอจะสามารถไปเผชิญหน้ากับองค์กรโกสต์ซิตี้ได้ตรงๆอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นเธอเองก็จะต้องสู้ให้ชนะองค์กรโกสต์ซิตี้ถึงจะได้” ท่านย่าถังมีนิสัยที่ใจร้อน จึงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้
“ไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกครับ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้แก้ปัญหาได้ยากขนาดนั้น” ดวงตาของเย่ซือเฉินเคร่งขรึม ในใจของเขาเวลานี้เองก็หนักหน่วงด้วยเช่นกัน แต่เรื่องบางเรื่องก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว ตอนนี้เขาจะไม่สามารถลังเลได้ต่อไปอีก ไม่สามารถที่จะมีความพะว้าพวงใดๆได้อีกเช่นกัน
“คำพูดนี้ของเธอหมายความว่าอะไร? แก้ปัญหาได้ไม่ยากอย่างนั้นหรือ? นี่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลยนี่?” ท่านย่าถังอึ้งไป ไม่เข้าใจความหมายของเย่ซือเฉิน
“ซือเฉิน นายคิดจะทำอะไร?” ถังหลินเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องของเย่ซือเฉินเกือบสามสิบปีแล้ว ถังหลินเข้าใจในตัวเย่ซือเฉินอยู่แล้ว
เวินลั่วฉิงมองไปยังเย่ซือเฉินด้วยเช่นกัน ตอนอยู่ที่สนามบินเย่ซือเฉินก็บอกว่าเขาจะแก้ไขปัญหานี้เอง เธอถามเขาว่าจะแก้อย่างไร เขากลับไม่พูดออกมา
เย่ซือเฉินคิดจะทำอะไร?
“เรื่องนี้ทุกคนไม่ต้องสนใจหรอกครับ” ดวงตาของเย่ซือเฉินมองไปยังทุกคน พลางยิ้มเล็กน้อย : “ผมมีวิธีของผม ทุกคนไม่ต้องกังวลนะครับ”
ในใจของท่านย่าถังรู้สึกร้อนรน ยังอยากจะเอ่ยพูดอะไรออกมา
“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไม่สนใจนายชั่วคราวแล้วกัน ตอนที่ต้องการความช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน” ถังหลินเข้าใจเย่ซือเฉินดี ในเมื่อเย่ซือเฉินพูดออกมาแบบนี้แล้ว ก็จะไม่ให้คนอื่นได้แทรกมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้เป็นอันขาด
ตอนนี้สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือเคารพในการตัดสินใจของเย่ซือเฉิน และเชื่อมั่นในตัวเย่ซือเฉิน
ถ้าหากเย่ซือเฉินจัดการแก้ไขไม่ได้ ถึงตอนนั้นเขาก็ค่อยเข้าไปช่วยก็ไม่สายเกินไปเช่นกัน
“เด็กอย่างเธอนี่นะ มีเรื่องอะไรจะปรึกษากันไม่ได้เลยรึไง จะต้องแบกรับเอาไว้คนเดียว” ท่านย่าถังได้ยินถังหลินพูดแบบนี้แล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงเย่ซือเฉิน
ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่สร้างเวรสร้างกรรมทั้งสิ้น วันดีๆให้มันผ่านไปไม่ได้ จะต้องมาสร้างความวุ่นวายยุ่งเหยิงมากมายแบบนี้ ก่อปัญหาเพิ่ม สร้างความอึดอัดให้กับเด็กๆ
“ตั้งแต่แด็กเย่ซือเฉินก็เป็นเด็กที่เข้าใจถึงความเหมาะสมของพฤติกรรมอยู่แล้ว เขาบอกว่าตัวเองจะแก้ไขเองก็จะต้องมีวิธีการแก้ไขอย่างแน่นอน คุณก็อย่าใจร้อนตามไปสิ”
ท่านปู่ถังเองก็ตัดสินใจที่จะเคารพกับความหมายนี้ของเย่ซือเฉินเช่นกัน จะว่าไปแล้วถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของตระกูลเย่
“เรื่องนี้รุนแรงขนาดนี้ เขาจะมีวิธีดีๆอะไรได้ เขาเองก็ไม่พูด จะให้ฉันไม่ใจร้อนได้หรือ? ถ้าหากพวกเขา……” เวลานี้ท่านย่าถังรู้สึกเป็นกังวลมากเป็นพิเศษ กังวลว่าเรื่องราวจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกว่าแก้ปัญหาเรื่องคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ยากสำหรับเย่ซือเฉินมาก
ท่านปู่ถังก็ไม่ได้เอ่ยพูดออกมาในครั้งนี้ เย่ซือเฉินบอกตลอดว่าเขามีวิธี แต่กลับไม่ได้บอกว่าวิธีอะไร ท่านปู่ถังเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเย่ซือเฉินมีวิธีอะไร
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีดีๆอะไร
เด็กคนนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะทำให้ทุกคนเดือดร้อนจึงไม่อยากให้พวกเขาแทรกมือเข้าไปหรอกใช่ไหม?
ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ พวกเขาก็จะยิ่งจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ แต่ท่านปู่ถังจะทำอะไรนั้นจะมีความสุขุม เวลานี้เขาไม่ได้เอ่ยถามต่อ เพียงแต่คิดว่าถึงตอนนั้นแล้วค่อยมาปรึกษากับถังหลินอีกทีว่าจะช่วยเย่ซือเฉินอย่างไร
จะตีเสมอองค์กรโกสต์ซิตี้นั้น เย่ซือเฉินเพียงคนเดียวไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด