ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1192 คุณชายสามเย่ทรงพลังอำนาจ สั่นสะเทือน(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1192 คุณชายสามเย่ทรงพลังอำนาจ สั่นสะเทือน(1)
“ครับ” รีบขานตอบท่านประธาน หลังจากนั้นพูดออกไปตามตรง:“ท่านประธานถามว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ เอาเวลาที่ระบุดชัดเจน!!”
เลขาหลิวดูออกว่าประธานของตนอดทนรอไม่ไหวแล้ว
“สิบห้านาทีครับ สิบห้านาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” ทนายหลิวได้ยินเสียงประธานของตนผ่านโทรศัพท์ ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะทำงานลวกๆแม้แต่น้อย
“นายแน่ใจน่าจะทำเสร็จภายในสิบห้านาที?” เลขาหลิวทำงานรอบคอบระมัดระวัง ถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ครับ ทำได้ครับ” ปลายสาย ทนายหลิวตอบด้วยความหนักแน่น
“หลังจากที่เขาดำเนินเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว เอาทุกอย่างมาที่ห้องทำงานของฉัน” เย่ซือเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง ปกติเวลาเลขาหลิวคุยโทรศัพท์ เย่ซือเฉินไม่มีวันพูดมาก แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป
วันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
“ท่านประธานบอกว่าหลังจากนายดำเนินเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว ให้เอาทุกอย่างมาที่ห้องทำงานของท่านประธาน” เลขาหลิวบอกความต้องการของท่านประธานผ่านทางโทรศัพท์อีกครั้ง นึกขึ้นได้ว่าท่านประธานของตนอดทนรอไม่ไหวแล้ว เลขาหลิวรีบพูดเสริมทันที:“ส่งมาด้วยความเร็วสูงสุด”
“ผมเข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว” ถึงแม้ทนายหลิวจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าท่านประธานเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก ไม่กล้าชัดช้าแม้แต่น้อย รีบจัดการทันที
เลเขาหลิวลอบถอนหายใจ ท่านประธานรีบร้อนเกินไปแล้ว แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้เลขาหลิวไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดตอบ:“ดีมาก ฉันจะรีบติดต่อเดี๋ยวนี้”
“ท่านประธานครับ ต้องการให้ติดต่อสื่อกี่สำนักบ้างครับ? ต้องการให้ติดต่อสื่อสำนักไหนบ้างครับ?” ตอนที่เลขาหลิวกำลังจะโทรออกเขานึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ปกติแล้วเขาเป็นคนตัดสินใจเรื่องในบริษัท แต่ว่าเรื่องในตอนนี้ เขาไม่กล้าตัดสินใจเอง
“ติดต่อได้เท่าไหร่ก็ติดต่อเท่านั้นแล้วกัน” ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ลงเล็กน้อย เสียงของเขาเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ครับ ได้ครับ” เลขาหลิวชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ติดต่อได้เท่าไหร่ก็ติดต่อเท่านั้น ด้วยอิทธิพลของท่านประธาน ขอเพียงท่านประธานเอ่ยปากพูด เกรงว่าสื่อทุกสำนักต้องรีบกรูกันมาแล้ว
แต่ว่า ฟังจากที่ท่านประธานพูดคืออยากให้สื่อทุกสำนักรู้เรื่องนี้ หรือควรจะบอกว่าท่านประธานอยากจะให้ทุกคนรู้เรื่องนี้
ก่อนอื่นเลขาหลิวหาช่องทางการติดต่อของสื่อใหญ่หลายสำนัก หลังจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหา เมื่อก่อนบริษัทตระกูลเย่เคยร่วมงานกับสื่อใหญ่ไม่กี่สำนักเท่านั้น สื่อสำนักเล็กอื่นๆเลขาหลิวไม่มีช่องทางติดต่อ เลขาหลิวจึงหาช่องทางการติดต่อทันที เขาใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที กว่าเลขาหลิวจะโทรจนเสร็จ
เลขาหลิวติดต่อสื่อเกือบยี่สิบสำนัก
หลังจากเลขาหลิวคุยโทรศัพท์เสร็จ เห็นท่านประธานของตนนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ ดวงตาคู่นั้นของท่านประธานเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น นอกจากความเยือกเย็นและเหน็บหนาวแล้ว ไม่มีอารมณ์อื่นอีกเลย
เลขาหลิวจำได้ว่าครั้งแรกตอนที่ท่านประธานของเขาบอกเรื่องนี้กับเขานั้น น้ำเสียงหนักหน่วงอย่างมาก ตอนนั้นท่านประธานน่าจะทุกข์ใจเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้ท่านประธานไม่มีอารมณ์อื่นแล้ว คล้ายว่าเรื่องนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย
ท่านประธานห่อเหี่ยวใจไปจนหมดแล้ว ถึงขั้นตายใจไปแล้ว? ท่านประธานต้องถูกทำร้ายแค่ไหนถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้?
ขณะที่เลขาหลิวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ที่เย่ซือเฉินวางเอาไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เย่ซือเฉินปรายตามองครู่หนึ่ง มองดูเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วรับสายอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ คุณปู่เย่น่าจะทราบเรื่องที่ไอ้หนอนถูกจับตัวไปแล้ว คุณปู่เย่ให้คนอีกกลุ่มหนึ่งไปตามหาคุณผู้หญิงและคุณหนูครับ” ขณะที่กู้หวูพูดนั้น อาจจะเป็นเพราะลอบกัดฟันเอาไว้ เสียงที่ได้ยินจึงทำให้รู้สึกเหี้ยมโหดเล็กน้อย
เย่ซือเฉินหัวเราะในลำคอ เป็นหัวเราะเยือกเย็นที่ไม่มีเสียง คุณปู่เย่ยังไม่ตายใจจริงๆ อีกทั้งคุณปู่เย่ดำเนินการเร็วจริงๆ กู้หวูเพิ่งให้คนจับตัวไอ้หนอน คุณปู่เย่ก็หาคนอีกกลุ่มหนึ่งมาแล้ว
“พี่ใหญ่ คุณปู่เย่ต้องไม่รู้แน่นอนว่าพวกเราเป็นคนจับตัวไอ้หนอน และคุณปู่เย่ต้องไม่รู้แน่นอนว่าพี่ใหญ่น่าจะรู้เรื่องพวกนั้นแล้ว คุณปู่เย่อาจจะรู้สึกว่าไอ้หนอนทำงานได้ไม่ดี เราจะให้คุณปู่เย่รู้สถานการณ์หน่อยไหมครับ……” ในฐานะที่กู้หวูเป็นคนขององค์กรยมบาล องค์กรยมบาลไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ว่าเวลามีเรื่องขึ้นมาองค์กรยมบาลสามารถลงมือด้วยวิธีการอื่นได้ ยิ่งไปกว่านี้นี่ไม่ถือว่าเป็นวิธีการลงมือที่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด
กู้หวูอยากจะให้คุณปู่เย่รู้ว่าเย่ซือเฉินรู้เรื่องนี้แล้ว ถึงเวลานั้นคุณปู่เย่ต้องสงบเสงี่ยมแน่นอน
“ไม่จำเป็น” แค่ว่า เย่ซือเฉินกลับพูดขัดเขาขึ้นมา:“ปล่อยเขาไป นายสั่งให้คนคอยจับตาดูเอาไว้ จับตาดูคนพวกนั้นของเขา อย่าให้พวกเขาเจอตัวเวินลั่วฉิงและลูกก็พอแล้ว รับประกันว่าเวินลั่วฉิงและลูกปลอดภัยก็พอแล้ว”
เลขาหลิวยืนอยู่ด้านข้าง มีระยะห่างเล็กน้อย ไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดอะไรบ้าง แต่ว่าเลขาหลิวกลับได้ยินคำพูดของท่านประธานของตน ท่านประธานหมายความว่าอะไร?
อย่าให้คนเจอตัวคุณผู้หญิงกับลูก? รับประกันความปลอดภัยของคุณผู้หญิงกับลูก?
หรือว่าคุณผู้หญิงกับลูกตกอยู่ในอันตราย?
หรือว่ามีคนตามล่าคุณผู้หญิงกับลูก? มีคนจะทำร้ายคุณผู้หญิงกับลูก?
เลขาหลิวเป็นคนฉลาด ปะติดปะต่อเรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน เข้าใจขึ้นมาทันที เกรงว่าคุณปู่เย่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณผู้หญิงและลูก เกรงว่าคุณปู่เย่จะทำร้ายคุณผู้หญิงกับลูก ดังนั้นท่านประธานจึงมีปฏิกิริยาแบบนี้
เลขาหลิวเข้าใจข้อนี้ ดังนั้นจึงสามารถอธิบายเรื่องทุกอย่างได้แล้ว ไม่แปลกที่ท่านประธานรีบร้อนอยากจะจัดการเรื่องนั้นมากขนาดนี้
“พี่ใหญ่ครับ พี่ใหญ่วางใจเถอะ ผมจะจับตาดูให้ดี ไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาเจอตัวคุณผู้หญิงกับคุณหนูแน่นอน อีกทั้งคุณผู้หญิงกับคุณหนูอยู่ที่บ้านตระกูลถัง คนพวกนั้นไม่มีปัญญาบุกไปบ้านตระกูลถังแน่นอน พี่ใหญ่ครับ พี่ไม่ต้องเป็นกังวล” ก่อนหน้านี้กู้หวูเห็นเย่ซือเฉินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กู้หวูรู้ว่าพี่ใหญ่ต้องได้ยินสิ่งที่คุณปู่เย่ทำแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจแน่นอน
เขาในฐานะที่เป็นคนนอก ได้ยินเรื่องพวกนั้น ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไป อย่าไปพูดถึงพี่ใหญ่เลย
กู้หวูไม่อยากให้พี่ใหญ่ของตนต้องกระทบกระเทือนจิตใจแต่อย่างใดแล้ว
“อืม” เย่ซือเฉินตอบรับเสียงทุ้มต่ำ เขาเองก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงและจื่อซีอยู่ที่บ้านตระกูลถัง คนของคุณปู่เย่ไม่มีวันหาพวกเธอเจอแน่นอน คุณปู่เย่ไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง ดังนั้นคนที่คุณปู่เย่หามาก็ไม่มีวันทำร้ายเวินลั่วฉิงและลูกได้ง่ายๆ
แต่ว่า สิ่งที่คุณปู่เย่ทำไม่สามารถยกโทษให้ได้จริงๆ
และเขาเองก็ไม่มีวันยกโทษให้อีกแล้ว!
หลังจากเย่ซือเฉินวางสาย ทั่วทั้งห้องทำงานเงียบสงัด เลขาหลิวยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเวลานี้เลขาหลิวเองก็ไม่กล้าหายใจเสียงดัง หลังจากท่านประธานรับสาย เขาก็ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม คุณปู่เย่ต้องทำเรื่องอะไรแล้วแน่ๆ ทำให้ท่านประธานโมโหยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้เลขาหลิวรู้สึกสงสัยอย่างมาก แต่เขาไม่กล้าถามแม้แต่คำเดียว
ที่บ้านตระกูลเย่ในเวลานี้ คุณปู่เย่และคุณเย่าเย่ดีใจอย่างมาก มีความสุขอย่างมาก ใบหน้าของทั้งสองเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา สำหรับการแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ ทั้งยังยิ่งคิดก็ยิ่งอิ่มเอมใจ
“นายท่านครับ นายหญิงครับ คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ส่งนี่มาครับ บอกให้นายท่านเปิดอ่านด้วยตนเองครับ” บอดี้การ์ดนำจดหมายฉบับหนึ่งเดินเข้ามา แล้วยื่นจดหมายในมือไปตรงหน้าคุณปู่เย่
“ต้องเป็นหนังสือหมั้นหมายแต่งงานแน่นอน หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ต้องเซ็นชื่อแล้วแน่ๆ ดังนั้นพวกเขาถึงส่งมาให้พวกเรา” คุณปู่เย่ได้ยินว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ส่งมา ก็เดาว่าเป็นหนังสือหมั้นหมายแต่งงานแน่นอน รอยยิ้มบนใบหน้าคุณปู่เย่กว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“อืม รีบเปิดอ่านดูสิคะ” เวลานี้คุณย่าเย่ยิ้มกว้าง เธอมองดูจดหมายแล้วรีบเร่งเร้าอย่างห้ามใจไม่ได้
คุณปู่เย่รีบเปิดจดหมาย จดหมายนี้เป็นหนังสือหมั้นหมายแต่งงานจริงๆด้วย คุณปู่เย่รีบหยิบหนังสือหมั้นหมายแต่งงานออกมา หลังจากเห็นลายเซ็นของซ่างกวนหงที่อยู่ด้านล่างจดหมาย คุณปู่เย่ยิ้มร่าเหมือนดอกเบญจมาศ :“หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เซ็นชื่อแล้วจริงๆด้วย อธิบายได้ว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เห็นชอบกับการแต่งงานในครั้งนี้ เมื่อเป็นแบบนี้ การแต่งงานระหว่างเรากับองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”
ขอเพียงหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เซ็นชื่อลงบนหนังสือหมั้นหมายแต่งงาน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก แน่นอน เขาไม่มีวันผิดคำพูดแน่นอน!!