ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1205 ทำตัวเองหนีไม่พ้น(2)
ถึงขนาดทำให้คุณปู่เย่เครียดจนล้มป่วยได้ ? ฟังจากเสียงคำรามของคุณปู่เย่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย
คุณชายห้าฉิงในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับคุณปู่เย่ดี และคุณชายห้าฉิงก็รู้ดีว่าต่อให้ตอนนี้เขาจะพูดอะไรไปคุณปู่เย่ก็ฟังไม่เข้าหูแน่นอน ดังนั้นคุณชายห้าฉิงจึงได้ยื่นโทรศัพท์ไปแนบที่ข้างใบหูของเย่ซือเฉิน
“เย่ซือเฉิน แกกลับมาเร็วๆ ไม่เช่นนั้นแกจะต้องเสียใจ”คุณปู่เย่มองผ่านการถ่ายทอดสดเห็นคุณชายห้าฉิงแนบโทรศัพท์ไปที่หูของเย่ซือเฉิน จากนั้นก็คำรามเสียงออกมาอีกครั้ง การข่มขู่ครั้งนี้ก็พูดมันไปตรงๆไม่อ้อมค้อม
ดวงตาที่หรี่ลงของเย่ซือเฉินมีแสงเย็นวาบพาดผ่าน เขาในตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีก เขาในตอนนี้คิดถึงแต่เพียงถังจื่อซี เขาคิดว่าเรื่องที่คุณปู่เย่จะพูดนั้นเกี่ยวกับถังจื่อซี
หากพวกเขาจับตัวถังจื่อซีไปจริงๆ เขาย่อมต้องกลับไปแน่ แม้ต่อให้เขาจะรู้ว่าการกลับไปที่ตระกูลเย่ในครั้งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมาก่อนหน้าจะกลายเป็นเพียงเรื่องตลก ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะถูกคนเอาไปพูดกันยังไง แต่เขาจะไม่ดูดำดูดีลูกของตัวเองไม่ได้
เย่ซือเฉินแอบถอนหายใจ สีหน้าก็ยิ่งหมองหม่น แต่เหตุการณ์แบบนี้เขารู้ดีว่ายังไงเขาก็ต้องไปช่วยลูกสาวของเขา
ในตอนนี้เอง ที่ห้องโถงของบ้านตระกูลถัง เวินลั่วฉิงที่เห็นเหตุการณ์ผ่านการถ่ายทอดสด คิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย เป็นธรรมดาที่เธอจะมองออกถึงอารมณ์ของเย่ซือเฉินในตอนนี้ เธอมองออกว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้คงถูกคุณปู่เย่พูดจาข่มขู่ อีกทั้งเรื่องที่คุณปู่เย่เอามาข่มขู่นั้นก็เป็นเรื่องที่เย่ซือเฉินให้ความสำคัญมาก
ตอนนี้เวินลั่วฉิงอยู่ที่บ้านตระกูลถัง เพียงมองดูเหตุการณ์ผ่านการถ่ายทอดสด เขาจึงไม่รู้ว่าคุณปู่เย่พูดอะไรกับเย่ซือเฉินทางโทรศัพท์ และไม่รู้อีกเหมือนกันว่าคุณปู่เย่พูดข่มขู่อะไรเย่ซือเฉิน
แต่เธอมองออกว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้เครียด และจริงจังมาก และเธอก็มองออกว่าอารมณ์ของเย่ซือเฉินนั้นมุ่งมั่นด้วยเช่นกัน
“ฉิงฉิง หนูว่าเย่ซือเฉินเขาเป็นอะไรไป ? หน้าตาของเขาย่าเองเห็นแล้วยังอกสั่นขวัญแขวนไปด้วย คุณปู่เย่โทรคุยอะไรกับเย่ซือเฉินงั้นกัน ? ” ท่านย่าถังในตอนนี้สายตาจับจ้องมองภาพของเย่ซือเฉินผ่านการถ่ายทอดสด ใบหน้ามีความกังวลที่ปิดเอาไว้ไม่มิด
“การกระทำของคุณปู่เย่ คงจะข่มขู่อะไรเย่ซือเฉินแน่นอน” ท่านปู่ถังเป็นคนฉลาดเฉลียว แค่พริบตาเดียวก็มองออก
“เขาจะเอาอะไรมาขู่เย่ซือเฉิน ? เขามีอะไรที่เอามาขู่เย่ซือเฉินได้? ”ท่านย่าถังหันขวับไปมองที่ท่านปู่ถัง “เจ้าเด็กเย่ซือเฉินก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดกับตระกูลเย่ พวกเขาจะเอาอะไรมาขู่เย่ซือเฉินได้ ?”
“สิ่งที่ทำให้เย่ซือเฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ได้ ฉันคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉิงฉิง หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกทั้งสองคน”สายตาของท่านปู่ถังจ้องมองมายังเวินลั่วฉิง คำพูดนี้เหมือนจะพูดเตือนเวินลั่วฉิงเป็นนัยๆ
บางครั้งความกังวลมากไปก็มักจะมองปัญหาได้ไม่ชัดเจน ฉิงฉิงในตอนนี้เห็นชัดว่ายังไม่ได้สติ
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของท่านปู่ถัง ดวงตาก็ไหววูบ คุณปู่เย่ใช้เธอกับลูกของเธอไปข่มขู่เย่ซือเฉิน ?
เป็นอย่างนี้จริงเหรอ ?
เวินลั่วฉิงมองไปยังดวงตาที่แข็งค้างจนน่ากลัวของเย่ซือเฉิน ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับเย่ซือเฉินมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเย่ซือเฉินมีสภาพแบบนี้ ท่านปู่พูดถูก เรื่องที่ทำให้เย่ซือเฉินเป็นแบบนี้ได้ก็มีแต่เรื่องของเธอกับเรื่องของลูก
ก่อนหน้านั้นท่านปู่ถังเคยบอกเธอ ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่รู้เรื่องของถังจื่อซีแล้ว
หากในตอนนี้คุณปู่เย่เอาเรื่องของลูกมาข่มขู่เย่ซือเฉินจริง นั่นก็คงจะทำเกินไปจริงๆ
เวินลั่วฉิงในตอนนี้แทบจะคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าคุณปู่เย่จะเอาเรื่องของลูกไปข่มขู่เย่ซือเฉินยังไง
ไม่ว่าคุณปู่เย่จะเอาเรื่องลูกไปข่มขู่เย่ซือเฉินหรือไม่ เวินลั่วฉิงก็คิดว่าเธอน่าจะต้องทำอะไรสักหน่อย เธอไม่สามารถให้ผู้ชายของเธอต้องสู้เพียงลำพังได้ อย่างน้อยเธอต้องให้เขารู้ ว่าเธอนั้นจะคอยสนับสนุนเขา และเธอกับลูกๆก็จะคอยอยู่เคียงข้างเขา
เวินลั่วฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาอย่างเร็ว อยากจะโทรไปหาเย่ซือเฉิน แต่เวินลั่วฉิงก็เห็นว่าคุณปู่เย่คอยแต่โทรไปหาคนอื่นเพื่อที่จะได้คุยกับเย่ซือเฉิน นั้นก็ชี้ชัดว่าคุณปู่เย่โทรไปหาเย่ซือเฉินแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าโทรศัพท์มือถือของเย่ซือเฉินไม่ได้พกติดตัวไปด้วย
เวินลั่วฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้พิมพ์ข้อความหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกดส่งไปหาเลขาหลิว
ในตอนนี้เลขาหลิวเองก็ถูกเบียดจนหลุดออกมายังด้านนอก เหตุการณ์ด้านใน เลขาหลิวเองก็ไม่รู้เรื่องเท่าไร
เมื่อเลขาหลิวได้รับข้อความจากเวินลั่วฉิงก็ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นความรู้สึกในใจของเลขาหลิวก็ลิงโลด แม้ว่าเลขาหลิวจะเบียดเสียดเข้าไปยังด้านในไม่ได้ ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านใน แต่เลขาหลิวที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่มีต่อท่านประธาน
คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นล้วนไม่เป็นมิตรกับท่านประธาน ข้อความของคุณผู้หญิงที่ส่งมาในตอนนี้ช่างได้จังหวะจริงๆ
จู่ๆร่างทั้งร่างของเลขาหลิวก็รู้สึกราวกับมีเรี่ยวแรงขึ้นมา แค่ออกแรงก็เบียดเสียดพาตัวเองไปถึงตรงด้านหน้าได้
“ท่านประธาน ข้อความจากคุณผู้หญิง คุณผู้หญิง เพิ่งส่งมาครับ” เลขาหลิวในตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตัว น้ำเสียงก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปด้วย แต่เลขาหลิวรู้ความพอดี รู้ว่าในตอนนี้ไม่ควรที่จะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก อีกทั้งเลขาหลิวก็รู้ดีว่าท่านประธานนั้นต้องการที่จะปกป้องคุณผู้หญิง ท่านประธานไม่ต้องการให้เรื่องไปเกี่ยวโยงกับคุณผู้หญิงดังนั้นเลขาหลิวจึงพยายามผ่อนเสียงให้เบาที่สุด
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเลขาหลิว ดวงตาก็เป็นประกาย หันมองไปยังมือถือที่เลขาหลิวยื่นมาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว หน้าจอของโทรศัพท์ในตอนนี้เป็นข้อความที่ถูกเปิดอยู่เป็นข้อความที่เวินลั่วฉิงส่งมาให้เขา
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรฉันก็จะสนับสนุนคุณ ฉันกับลูกจะรอคุณกลับบ้านนะ ”
ข้อความของเวินลั่วฉิงนั้นเรียบง่าย แต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก
กำลังใจของเธอ ความหวังดีของเธอ การรอคอยของเธอกับลูก ความปลอดภัยของเธอกับลูก
หลังจากที่เย่ซือเฉินเห็นข้อความของเวินลั่วฉิง ดวงตาคู่คมก็ไหววูบ จากนั้นใบหน้าที่มืดมนก็ผ่อนคลายลง ดวงตาที่เย็นชาก่อนหน้าก็หลอมละลายอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าข้อความของเวินลั่วฉิงจะไม่ได้พูดชัดเจนอะไรมาก แต่เขาก็เข้าใจ ตอนนี้เธอกับลูกอยู่ที่บ้านตระกูลถัง ต่างก็ปลอดภัย นั้นก็หมายความว่าถังจื่อซีก็ไม่ได้เป็นอะไร
ขอแค่เธอไม่เป็นอะไร ลูกๆไม่เป็นอะไร เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล และไม่มีอะไรให้ต้องพะวงอีก
ก่อนหน้านั้นเขาเป็นกังวลมาก เห็นชัดว่าร้อนรนด้วย ดังนั้นจึงวุ่นวายไม่น้อย รวมไปถึงก่อนหน้านั้นเขารู้มาว่าคุณปู่เย่ให้คนตามหาตัวของเวินลั่วฉิงกับถังจื่อซี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคุณปู่เย่หาตัวถังจื่อซีเจอแล้ว
ตอนนี้เขาได้สติแล้ว และเพิ่งจะมารู้ตัวว่าเมื่อครู่นั้นตัวเองใจร้อนเกินไป ถังจื่อซีอยู่ที่บ้านตระกูลถัง การคุ้มกันของบ้านตระกูลถังนั้นแน่นหนา และท่านปู่ถังเองเป็นคนที่ทำงานรอบคอบมาก ท่านปู่ถังเองก็รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ ท่านปู่ถังไม่มีทางปล่อยให้ถังจื่อซีออกไปจากตระกูลถังแน่
ถังจื่อซีไม่ออกจากบ้านตระกูลถัง ต่อให้เป็นกู้หวูเองก็พาตัวถังจื่อซีออกมาไม่ได้ นับประสาอะไรกับอันธพาลที่ไม่เอาไหนที่คุณปู่เย่หามาได้จากท้องถนน
หลังจากที่คิดทุกอย่างได้ ความหนักอึ้งในใจของเย่ซือเฉินเมื่อครู่ก็ปล่อยวางลง
แน่นอนว่า เย่ซือเฉินในตอนนี้ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ในเมื่อถังจื่อซีอยู่กับเวินลั่วฉิงในตอนนี้ และอยู่ที่บ้านตระกูลถัง งั้นคุณปู่เย่ก็กำลังหลอกเขาอยู่ ใช้ตัวถังจื่อซีหลอกให้เขากลับไป
ก่อนหน้านั้นเสียงเรียกของถังจื่อซีก็เป็นเสียงปลอม เป็นฝีมือของคุณปู่เย่ที่ทำปลอมมันขึ้นมา ก็เพื่อที่จะมาหลอกเขา
คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ในตอนนี้ไม่เลือกวิธีที่จะเล่นงานเขา กับเขาแล้วไม่ว่าจะวิธีไหนก็ทำมันได้ทั้งนั้น
เย่ซือเฉินยอมแพ้ให้กับพวกเขาไปนานแล้ว ดังนั้นที่เข้าใจทุกอย่างได้ในวันนี้ เย่ซือเฉินก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอย่างที่ผ่านๆมา เขากับตระกูลเย่ในตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ดังนั้นเรื่องทุกอย่างของตระกูลเย่ และคนทุกคนของตระกูลเย่ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้วทั้งสิ้น
ในตอนนี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ยังคงไม่ได้ไปไหน จับจ้องมองดูเย่ซือเฉิน เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาทุกอย่างของเย่ซือเฉินพวกเขาต่างก็มองเห็น พวกเขาเห็นอากัปกิริยาของเย่ซือเฉินหลังจากที่มองดูโทรศัพท์มือถือของเลขาหลิว เห็นชัดว่าเปลี่ยนไปอย่างมาก
จากสีหน้าที่หมองหม่นของเย่ซือเฉิน หลังจากที่ได้ดูโทรศัพท์มือถือของเลขาหลิว สีหน้าที่หมองหม่นของเย่ซือเฉินก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา ความวิตกกังวลที่เคยมีก่อนหน้าก็พลันหายไป
“ไม่ดีแล้ว สถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เย่ซือเฉินคงรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่กับเรา และคงรู้แล้วว่าพวกเราหลอกเขา”คุณย่าเย่เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเย่ซือเฉิน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
“เขารู้ได้ยังไง ? หรือสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเลขาหลิวงั้นเหรอ ?”ดวงตาของคุณปู่เย่ก็หรี่ลงทันที
“หากฉันเดาไม่ผิด เวินลั่วฉิงน่าจะส่งข้อความมาหาเย่ซือเฉิน เวินลั่วฉิงคงรู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวเอาไว้ จึงได้ส่งข้อความเข้าเครื่องของเลขาหลิว ให้เลขาหลิวเอาให้เย่ซือเฉินดู ต้องใช่แบบนี้แน่ๆ !”คุณย่าเย่เป็นคนฉลาดจริงๆ ในตอนนี้ไม่ว่าจะเดาอะไรก็ถูกไปเสียหมด !!