ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1208 ข่าวใหญ่ เรื่องกลับตาลปัตร(1)
แต่ว่า ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีข่าวใหญ่เกิดขึ้น !!
คุณปู่เย่ตระกูลเย่เกิดหมดสติไปอย่างกะทันหัน รถพยาบาลกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของตระกูลเย่
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป คนที่เพิ่งจะพูดว่าคุณปู่เย่นั้นไม่ได้เป็นอะไรก็ต้องพากันตกตะลึง
ก่อนหน้านั้นคุณปู่เย่ก็ยังดีๆอยู่เลย จู่ๆเป็นลมหมดสติไปได้ยังไง แล้วอาการร้ายแรงจนถึงขั้นต้องเรียกรถพยาบาลเลยเหรอ ?
“ไหนพวกคุณบอกว่าคุณปู่เย่ไม่ได้เป็นอะไรไง ? ตอนนี้พวกคุณเห็นรึยัง ? คุณปู่เย่สะเทือนใจจนหมดสติไป ตอนนี้เรียกรถพยาบาลไปแล้ว สถานการณ์ต้องร้ายแรงมากแน่ ตอนนี้พวกคุณยังอยากจะแก้ตัวอะไรอีกไหม ?” นักข่าวหลู่มองไปยังกลุ่มคนที่พูดแทนเย่ซือเฉินเมื่อกี้ ใบหน้าก็ยิ้มเยาะออกมาด้วยเล็กน้อย
คนกลุ่มนั้นได้ยินที่นักข่าวหลู่พูด ก็ไม่มีใครแย้งอะไร เมื่อกี้ที่พวกเขาพูดก็ไม่ได้ผิดอะไร เพื่อผลประโยชน์คุณปู่เย่ไม่คำนึงถึงความสุขของคุณชายสามเย่บังคับให้คุณชายสามเย่แต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เรื่องนี้มันก็ทำไม่ถูกจริงๆ
เพราะฉะนั้นที่คุณชายสามเย่ทำก็ไม่ได้ผิดอะไร
คุณปู่เย่เพิกเฉยกับความสุขของคุณชายสามเย่ได้ คุณชายสามเย่ตัดขาดกับตระกูลเย่ถือว่าทำเกินไปเหรอ ?!
ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายสามเย่ก็ไม่ได้เอาอะไรของตระกูลเย่ไปด้วยเลย
ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างก็คิดว่าที่คุณชายสามเย่ทำนั้นก็ไม่ได้ทำเกินไปอะไร
แต่ตอนนี้เพราะเรื่องนี้คุณปู่เย่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล และเป็นลมจนหมดสติไป ทั้งยังเรียกรถพยาบาลมาด้วย คนที่เคยพูดแทนเย่ซือเฉินก่อนหน้าต่างก็พากันไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
คุณปู่เย่มาเกิดเรื่องขึ้นในตอนนี้ ก็ยิ่งจะเกี่ยวพันกับคุณชายสามเย่อย่างปฏิเสธไม่ได้ ต่อให้สิ่งที่คุณชายสามเย่ทำในตอนนี้จะไม่ได้เกินไปอะไร ก็ไม่เหมาะที่จะพูดอะไรแทนคุณชายสามเย่ในตอนนี้
หากคุณปู่เย่เป็นอะไรไปเพราะเรื่องนี้ หรือหากคุณปู่เย่ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แล้วจากไป คุณชายสามเย่คงต้องถูกก่นด่าอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่ก่นด่าเขาคนเฉกเช่นเดียวกับนักข่าวหลู่
คนเราก็เป็นแบบนี้ เรื่องความเป็นความตายมีหลายอย่างที่ต้องประนีประนอมกัน นี่ก็คงเป็นการอ้างหลักของศีลธรรมละมั้ง ?
“เป็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลตี้อี ตอนนี้พวกเราไปที่โรงพยาบาลตี้อีกันเถอะ น่าจะยังทัน” มีนักข่าวที่ได้สติ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมาพูดเรื่องไร้สาระ และไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมาถกเถียงกัน ตอนนี้ใครได้ข่าวก่อนถึงจะสำคัญที่สุด
คุณชายสามเย่เพิ่งจัดงานแถลงข่าวประกาศตัดสัมพันธ์กับตระกูลเย่ คุณปู่เย่ก็มาเรียกรถพยาบาล นี่ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
แม้ทุกคนในตอนนี้ต่างก็เห็นด้วยกับการกระทำของเย่ซือเฉิน และเห็นอกเห็นใจกับเรื่องของเย่ซือเฉิน แต่เรื่องข่าวพวกเขาก็ยังต้องแย่งชิงกัน
ทุกคนต่างรู้ หากอาการของคุณปู่เย่อยู่ในสภาวะวิกฤตจริงๆ หรือหากเพราะเรื่องของคุณชายสามเย่ทำให้คุณปู่เย่ต้องสะเทือนใจจนมีภาวะแทรกซ้อนอะไรขึ้นมา คุณชายสามเย่ก็คงต้องตกที่นั่งลำบากเป็นขี้ปากคนอีกแล้วแน่ๆ
ต่อให้ครั้งนี้คุณปู่เย่จะไม่ได้ล้มป่วยไปเพราะคุณชายสามเย่ แต่ผลเสียก็ต้องตกอยู่ที่คุณชายสามเย่อย่างเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นจู่ๆคุณปู่เย่ก็มาหมดสติไปในเวลานี้ จะบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณชายสามเย่ ก็คงไม่มีใครเชื่อ
ดังนั้น คุณปู่เย่เป็นลมหมดสติไปในครั้งนี้ และยังเรียกรถพยาบาล สำหรับคุณชายสามเย่แล้วเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก หากจัดการได้ไม่ดี ก็อาจทำลายคุณชายสามเย่ได้
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี
เรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ยิ่งต้องรู้แน่นอน แต่พวกเขาก็เลือกที่จะทำแบบนี้ พวกเขาอยากจะบีบให้เย่ซือเฉินจนตรอก และพวกเขาก็อยากจะใช้วิธีนี้ให้เย่ซือเฉินกลับไปที่ตระกูลเย่
ที่ห้องโถงของตระกูลเย่ในตอนนี้ คุณปู่เย่นั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่โซฟา ไม่เพียงไม่เป็นอะไร หนำซ้ำก็ยังสดชื่นมากด้วย ใบหน้าของคุณปู่เย่ในตอนนี้ยังมีรอยยิ้มปะปน “เมื่อกี้คุณเห็นปฏิกิริยาของพวกนักข่าวแล้วใช่ไหม ได้ข่าวว่าฉันเป็นลมหมดสติไป นักข่าวที่เคยพูดเข้าข้างเย่ซือเฉินก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก รอรถพยาบาลมาถึง ฉันถูกรถพยาบาลนำตัวไปที่โรงพยาบาล ถึงตอนนั้นผลที่ออกมาน่าจะดีกว่านี้ คุณเห็นไหมว่านักข่าวต่างก็รีบพากันไปโรงพยาบาลแล้ว ถึงตอนนั้นเรื่องต้องใหญ่กว่านี้แน่ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเย่ซือเฉินจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ? ”
“ตอนนี้คุณล้มป่วย ทุกคนต่างก็ต้องคิดว่าที่คุณเป็นเพราะเย่ซือเฉิน ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่ข้างเย่ซือเฉินแล้ว ตรงกันข้ามทุกคนคงจะกล่าวโทษเย่ซือเฉินแทนพวกเราไปแล้ว เพื่อให้เย่ซือเฉินกลับมา คงต้องรู้สึกผิดที่ทำกับเย่ซือเฉินแล้ว” ในตอนที่คุณย่าเย่พูดประโยคนี้ ใบหน้ายังมีความรู้สึกโศกเศร้าปรากฏเล็กน้อย
“มีอะไรที่ผิดกับเขา ? เขาหาเรื่องเองทั้งนั้น สมควรแล้ว ต้องสั่งสอนเขาสักหน่อยถึงจะถูก” คุณปู่เย่มีท่าทีที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไร และไม่รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิด
“เฮ้อ ตอนนี้ก็คงทำได้แค่เท่านี้ รถพยาบาลมาถึงคุณแสดงให้สมจริงเข้าไว้ อย่าให้คนจับผิดเอาได้ ไม่งั้นผลที่ออกมาไม่ดีแน่”ใบหน้าที่โศกเศร้าของคุณย่าเย่เมื่อครู่ได้มลายหายไปแล้ว และเธอก็เริ่มคิดแผนการขั้นต่อไปแล้ว
“ฉันรู้แล้ว วางใจได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน”เห็นชัดว่าคุณปู่เย่เองก็มั่นใจในส่วนนี้มาก
“ไม่ได้ ตอนนี้สีหน้าของคุณเปล่งปลั่งเกินไป ดูไม่เหมือนคนป่วยเลย ฉันจะช่วยจัดการสักหน่อยแล้วกัน”คุณย่าเย่มองไปยังคุณปู่เย่อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว แกล้งป่วยแล้วก็ต้องแกล้งให้สมจริง ให้คนจับพิรุธไม่ได้เด็ดขาด
สีหน้าของคนป่วยก็ต้องซีดเซียว สดชื่นไม่ได้เด็ดขาด และร่าเริงไม่ได้ด้วย
“จะช่วยยังไง ? ไม่ต้องหรอกมั้ง ? ” คุณปู่เย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยจะยินยอมเท่าไร
“หากคุณไม่ทำตอนนี้ ใบหน้าที่สดใสของคุณ ใครเห็นต่างก็ต้องสงสัย หากมีคนสังเกตเห็นความผิดปกติ ไม่เพียงแต่ให้เย่ซือเฉินกลับมาไม่ได้ เกรงว่าเราอาจจะถูกตั้งคำถาม และตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากคนอื่นด้วย”คุณย่าเย่รู้ดีว่าควรจะพูดเกลี้ยกล่อมยังไง เป็นสามีภรรยากันมานานหลายสิบปี คุณย่าเย่ย่อมต้องรู้จักคุณปู่เย่เป็นอย่างดี
“ก็ได้ แล้วแต่คุณ” เมื่อคุณปู่เย่ได้ยินคำพูดของคุณย่าเย่ก็ยอมแต่โดยดี แผนของพวกเขาจะล้มเหลวไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะให้ใครสังเกตเห็นความผิดปกติไม่ได้
“ฉันจะเช็ดหน้าของคุณให้ขาวซีดสักหน่อย ให้มันดูแล้วเหมือนคนที่กำลังป่วย และริมฝีปากของคุณก็ต้องจัดการด้วย ทำให้มันดูคล้ำๆ แบบนี้ถึงจะดูสมจริง ยิ่งสมจริงมากเท่าไรผลที่ออกมาก็ยิ่งจะดีเท่านั้น ” คุณย่าเย่ทำตามอย่างที่พูด รีบหยิบจับข้าวของมาแล้วแต่งแต้มให้คุณปู่เย่ทันที
คุณปู่เย่ในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หนำซ้ำคุณปู่เย่ยังอดไม่ได้ที่จะพูดเร่งคุณย่าเย่ด้วย“เร็วๆหน่อย รถพยาบาลน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ”
“รู้แล้ว รู้แล้วน่า”คุณย่าเย่ตอบกลับ มือไม้ก็เป็นระวิงขึ้นมาทันที ไม่ชมไม่ได้ฝีมือของคุณย่าเย่นั้นดีมาก ถูกเธอแต่งแต้ม คุณปู่เย่ก็ราวกับเป็นคนป่วยขึ้นมา ดูสมจริงมาก !!
เมื่อคุณย่าเย่จัดการเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงของรถพยาบาล“ เร็ว รีบนอนลง ห้ามให้ใครจับได้เด็ดขาด ”
เห็นชัดว่าคุณย่าเย่ยังไม่วางใจ อดไม่ได้ที่จะพูดย้ำออกไปอีกครั้ง
“วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าควรทำยังไง” คุณปู่เย่นอนลงแล้วให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตรงพื้นด้านล่างมีพรมผืนหนาปูอยู่ ไม่เย็นและไม่แข็ง คุณปู่เย่นอนทับอยู่บนนั้นก็ยังรู้สึกสบายดี
หลังจากที่คุณปู่เย่นอนลงก็หลับตา เพราะก่อนหน้านั้นคุณย่าเย่ได้แต่งแต้มใบหน้าเขาให้ดูเหมือนคนป่วย ดังนั้นพอคุณปู่เย่นอนลง แล้วหลับตา ดูไปแล้วก็เหมือนคนที่มีอาการหนักมากจริงๆ ที่จู่ๆก็เป็นลมแล้วหมดสติไป
“คุณย่าเย่ครับ รถพยาบาลมาแล้ว หมอมาแล้วครับ”ยามพาหมอเข้ามา ก็เห็นคุณปู่เย่นอนอยู่ที่พื้นห้องโถง ยามเห็นสภาพของคุณปู่เย่ก็ตกใจมาก พอมองดู ก็ยังรู้สึกว่าคุณปู่เย่คงน่าจะไม่ไหวแล้ว
“หมอ หมอ มาดูนี่เร็วๆ ดูหน่อยว่าเขาเป็นอะไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย จู่ๆก็เป็นลมล้มพับไป ”คุณย่าเย่ในตอนนี้ก็นั่งอยู่ที่พื้น นั่งอยู่ข้างๆคุณปู่เย่ เมื่อเห็นหมอเข้ามาก็รีบตะโกนเรียก น้ำเสียงก็ฟังดูร้อนรนมาก !
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร หมอบอกว่าอาการแบบนี้ไม่ควรเคลื่อนย้ายไปไหน ฉันไม่กล้าแตะต้องเขาเลย และไม่กล้าขยับร่างเขาไปไหนด้วย ”
คำพูดของคุณย่าเย่ได้อธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมตั้งแต่ที่เรียกรถพยาบาลมาจนถึงตอนนี้คุณปู่เย่ยังนอนอยู่ที่พื้นได้
จะว่าไป คำอธิบายของคุณย่าเย่ก็มีเหตุมีผล ไม่มีปัญหาอะไร
หากคุณปู่เย่เป็นลมหมดสติไปอย่างกะทันหัน การกระทำของคุณย่าเย่นั้นก็ทำถูกต้อง และก็นับว่าฉลาดมาก !!
แต่ตอนนี้คุณย่าเย่ทำเพื่อหวังผล คุณปู่เย่นอนที่พื้นกับนอนอยู่บนเตียง ผลลัพธ์ที่ได้มันแตกต่างกันมาก!!