ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1239 สะใจกับผลลัพธ์นี้มาก (2)
ถังจื่อโม่ขอให้เขาช่วย ไม่ได้ขอกับเย่ซือเฉิน มันทำให้ถังหลินปลาบปลื้มและลำพองใจมาก
ถังหลินปลื้มใจที่เด็กน้อยจื่อโม่คิดได้รอบคอบ รู้ว่าเวลานี้ควรหลีกเลี่ยงเย่ซือเฉิน หากเวลานี้เย่ซือเฉินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีก
เขาลำพองใจเพราะ ช่วงเวลาคับขันจื่อโม่สุดที่รักนึกถึงเขา แสดงว่าจื่อโม่รู้สึกว่าเขาเก่งมากทีเดียว
ตอนนี้ถังจื่อโม่ไม่ได้เปิดลำโพงบนมือถือ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ยินเสียงของปลายสาย
“ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลตระกูลโจ๋วก็ได้ครับ หรือคุณชายสองโจ๋วก็ได้ครับ”ถังจื่อโม่ได้ยินถังหลินพูดก็เอ่ยชื่อโดยไม่เกรงใจทันที ถังจื่อโม่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับคุณลุงของตน
นักข่าวได้ยินน้ำเสียงของถังจื่อโม่ต่างก็ตะลึงงัน เอ่ยปากก็จะเชิญหมอจากโรงพยาบาลตระกูลโจ๋วเลย แถมยังบอกว่าคุณชายสองโจ๋วก็ได้อีก?
คุณชายสองโจ๋วเชิญง่ายเสียที่ไหน?
คุณชายสองโจ๋วเชิญยากกว่าโจ๋วอันหนานเสียอีก
ทว่าฟังจากเสียงของเด็กคนนี้แล้วเหมือนการเชิญคุณชายสองโจ๋วจะเป็นเรื่องง่าย พูดง่ายคล้ายกับเป็นเรื่องกินเรื่องนอนทั่วไป
ดวงตาคุณย่าเย่เปล่งประกายระยิบระยับ สีหน้ามีความฉงนสนเท่ห์หลายส่วนอย่างเด่นชัด ลูกพี่ลูกน้องของเวินลั่วฉิงคนนั้นจะเชิญคุณชายสองโจ๋ว ฝันไปเถอะ?
“คนเดียวคงไม่พอ ต้องเชิญหลายๆคน ลุงเชิญกู่หยูที่เป็นหมอประจำโรงพยาบาลของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมาด้วยครับ”ถังจื่อโม่ครุ่นคิดดูแล้วก็เอ่ยถึงชื่อคนหนึ่งขึ้นมา
ได้ยินถังจื่อโม่กล่าว คนที่อยู่ด้วยต่างสูดลมหายใจเข้า กู่หยู?กู่หยูที่พวกเขารู้จักกันดีหรือเปล่า?
น่าจะใช่นะ เพราะเมื่อครู่เด็กคนนี้เน้นย้ำว่าเป็นหมอในโรงพยาบาลของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล หลังจากกู่หยูกลับเข้าประเทศก็ทำงานในโรงพยาบาลของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล คงไม่มีกู่หยูคนที่สองแล้วมั้ง
ชื่อเสียงของกู่หยูนั้นเกรียงไกรกว่าคุณชายสองโจ๋วมากหลายตลบ ถึงแม้คุณชายสองโจ๋วจะเก่งกาจเพียงใด ทว่าก็ยังอายุน้อย พึ่งย่างเข้าสามสิบปีเอง เมื่อยี่สิบปีก่อนชื่อเสียงของกู่หยูพอๆกับชื่อเสียงของคุณชายสองโจ๋วในตอนนี้
ประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่ายี่สิบปี เรียกได้ว่ากู่หยูเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกในแวดวงการแพทย์เลยทีเดียว นิสัยของกู่หยูค่อนข้างจะพิสดารเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่คนทั่วไปคิดจะเชิญได้
แม้จะมีเงินทองมากมายเพียงใด หรือสถานะสูงศักดิ์ขนาดไหนก็ล้วนไม่ได้ทั้งนั้น
คนที่คุยอยู่ในสายคือใครกัน ถึงกับเชิญกู่หยูได้เลยเหรอ?
เด็กคนนี้พูดโม้เกินขอบเขตหรือเปล่า?
ถึงแม้เด็กคนนี้จะแสดงท่าทางว่าความสามารถท่วมท้นแค่ไหน ถึงแม้เด็กคนนี้จะบอกว่าเป็นคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล ทว่าสิ่งที่ถังจื่อโม่เอ่ยในขณะนี้ ทำให้ผู้คนสงสัยไม่น้อย
เนื่องจากกู่หยูไม่ใช่บุคคลที่จะเชื้อเชิญได้โดยง่าย หากอยู่ในขีดอันตรายยังพอหยวนๆกันได้ ทว่าอาการของคุณปู่เย่นั้นแค่มองก็รู้ว่าแกล้งเป็นลม แค่คุณปู่เย่กำลังฝืนเล่นละครตบตานอนอยู่บนเตียงเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้ใครจะเชิญกู่หยูได้ล่ะ?
คนในแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลก็ไม่แน่ว่าจะเชิญได้เสมอไป?!
คุณย่าเย่รู้สึกอยากหัวเราะดังๆ เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ คิดทุกอย่างง่ายเกินไป
คุณย่าเย่ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้วางมาดใหญ่โตเกินจริง ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่กันแน่?
คุณย่าเย่มองไปยังถังจื่อโม่ด้วยแววตาส่องแสงแพรวประกาย เขาโทรหาเวินลั่วฉิงหรือเปล่า?
เด็กคนนี้กำลังเล่นละครหลอกคนกับเวินลั่วฉิงอยู่หรือเปล่า?
หากเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ก็น่าสนใจซะแล้ว ท่านจะรอดูความเครงครื้น
มีเพียงกู้หวูที่รู้ว่าคุณชายน้อยของตนไม่ได้วางมาดใหญ่โตเกินจริง คนอื่นเชิญคุณหมอกู่ได้ยาก ทว่าคุณชายถังออกโรงเอง มันต้องเชิญได้เป็นแน่ ถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะอึ้งจนคางหลุดร่วงหรือไม่
โดยเฉพาะคุณย่าเย่ กู้หวูมองออกว่าคุณย่าเย่ไม่เชื่อ หากเชิญมาได้แล้ว เกรงว่าคุณย่าเย่ต้องผิดหวังเป็นแน่แท้ ถึงเวลานั้นก็ต้องสนุกแน่
“คุณย่าเย่คิดว่าสองคนนี้พอไหม?ถ้าไม่พอผมจะให้คุณลุงเชิญมาเพิ่มอีกหลายคน”ถังจื่อโม่สบตากับคุณย่าเย่พลันหัวเราะทันควัน เขาทำหน้าอ่านใจคุณย่าเย่ไม่ออก
“พอแล้ว มีคุณหมอกู่ก็เพียงพอ คุณหมอกู่เป็นบุคคลสูงศักดิ์ในวงการแพทย์ ไม่มีใครสงสัยในผลตรวจของคุณหมอกู่แน่นอน”คุณย่าเย่ก็ยิ้ม ไม่มีใครสงสัยผลตรวจของคุณหมอกู่หรอก ทว่าเงื่อนไขคือต้องเชิญคุณหมอกู่มาให้ได้เสียก่อน
เวลานี้คุณย่าเย่มั่นใจมากว่าถังจื่อโม่เชิญคุณหมอกู่มาไม่ได้
“ดี ในเมื่อคุณย่าพูดอย่างนี้ งั้นก็เชิญสองคนนี้ละกัน”ถังจื่อโม่พยักหน้าคล้ายกับพอใจมาก ตอนนี้เขารู้ว่าคุณย่าเย่คิดเช่นไร ทว่าถังจื่อโม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“คุณลุงครับ คุณย่าเย่บอกว่าเชิญสองคนนี้ก็พอแล้วครับ งั้นเชิญสองคนนี้เลยนะครับ”ถังจื่อโม่คุยกับถังหลินผ่านโทรศัพท์ต่อ ถังจื่อโม่ใคร่ครวญดูแล้ว จึงเสริมอีกหนึ่งประโยค “คุณลุงครับ ตอนนี้พวกเรารออยู่ที่โรงพยาบาลครับ เร็วหน่อยนะครับ”
ทุกคนได้ยินก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย คุณหมอกู่เป็นคนยุ่งมาก ได้ยินมาว่าหากต้องการตรวจสุขภาพกับคุณหมอกู่ก็ต้องนัดหมายล่วงหน้า ซึ่งคนที่นัดกับคุณหมอกู่ยังไม่รู้ว่าจะถึงคิวเมื่อไหร่
เด็กคนนี้ยังเร่งเร้าให้อีกฝ่ายเชิญมาเร็วๆด้วย เด็กคนนี้พูดอย่างกับคุณหมอกู่ยืนรอเขาอยู่ข้างถนนเสียอย่างนั้น
“ได้ รู้แล้ว นายวางใจกับประสิทธิภาพการทำงานของลุงได้เลย”ทว่าอีกฝั่งหนึ่งของสาย ถังหลินกลับไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร เวลานี้ถังหลินยังยิ้มอย่างรื่นรมย์ เป็นครั้งแรกที่ถังจื่อโม่ขอให้เขาช่วย ดังนั้นเขาต้องทำให้ดีๆ ต้องหถังจื่อโม่พึงพอใจอย่างแน่นอน
จื่อโม่บอกว่าเร็วหน่อย งั้นก็ต้องทำให้เร็วแน่นอน ตอนนี้เขาจะไปหากู่หยูด้วยตัวเอง ขอเพียงกู่หยูไม่ได้เข้าห้องผ่าตัด เขาก็จะลากตัวกู่หยูไป
เขาจำได้ว่าวันนี้กู่หยูไม่มีเคสผ่าตัด เพราะวันที่สิบห้าของแต่ละเดือน กู่หยูจะถือเคร็ดไม่รับงานผ่าตัด ซึ่งกู่หยูทำเป็นกิจจะลักษณะมานานหลายปีแล้ว
ไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุของการกระทำนี้ ถังหลินคิดว่าคงเป็นเรื่องราวที่เศร้าโศกแน่ ดังนั้นถังหลินก็ไม่กล้าถามอะไรมาก
ในเมื่อวันนี้กู่หยูไม่มีผ่าติด งั้นเขาต้องพากู่หยูไปให้เร็วที่สุด
ที่ทำงานของเขาไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก เขาไปตอนนี้ก็ใช้เวลาไม่นาน หาตัวกู่หยูเจอเมื่อไหร่ก็จะพาไปยังโรงพยาบาลทันที ด้วยความเร็วของเขา คงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
“ลุงจะพากู่หยูไปถึงในอีกสี่สิบนาที ส่วนคุณชายสองโจ๋ว ลุงจะโทรบอกเขาให้เขาไปให้เร็วที่สุด คงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง”ถังหลินคำนวณเวลาเสร็จสรรพ จากนั้นก็บอกรายละเอียดของเวลาอย่างชัดเจน
ปกติถังหลินจะเป็นคนพูดน้อย ทว่าตอนนี้ถังจื่อโม่เป็นกรณียกเว้น
“ได้ครับคุณลุง งั้นผมจะรอนะครับ”ถังจื่อโม่พยักหน้ารัวๆ เขาพอใจกับเวลาที่คุณชายถังบอกมาก
“คุณหมอกู่กับคุณชายสองโจ๋วจะมาถึงในไม่ช้าครับ ช้าสุดก็หนึ่งชั่วโมง รบกวนทุกท่านรอสักครู่ครับ”ถังจื่อโม่วางสายก็อธิบายให้ทุกคนอย่างมีมารยาท
“ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลยสักนิด”นักข่าวหลายคนได้ยินถังจื่อโม่พูดก็ตอบด้วยจิตใต้สำนึก
ให้พวกเขารอไม่ใช่ปัญหาอะไรทั้งนั้น ทว่าสามารถเชิญกู่หยูมาได้จริงๆหรือ?
แถมเด็กคนนี้ยังบอกว่ากู่หยูจะมาถึงช้าสุดก็หนึ่งชั่วโมง เด็กคนนี้กำลังฝันเฟื่องหรือเปล่า?
เด็กคนนี้รู้หรือเปล่าว่าเชิญตัวกู่หยูยากเย็นเพียงใด?
คนที่เด็กเชิญคือกู่หยูจริงๆหรือ?กู่หยูที่พวกเขานึกถึงหรือเปล่า?
“ได้ พวกเราจะรอ”มุมปากคุณย่าเย่ยกโค้งขึ้น ครั้งนี้คุณย่าเย่มีท่าทางให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง และอารมณ์ก็ดีไม่เบา น้ำเสียงก็ดีกว่าเมื่อครู่เยอะมาก
เห็นได้ชัดว่าคุณย่าเย่นึกว่าถังจื่อโม่กำลังวางมาดใหญ่โตเกินจริง ท่านมั่นใจว่าถังจื่อโม่เชิญกู่หยูมาไม่ได้
อย่าว่าแต่หนึ่งชั่วโมงเลย ถึงจะเป็นหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี เด็กคนนี้ก็เชิญกู่หยูมาไม่ได้
ท่านเคยสัมผัสนิสัยใจคอของกู่หยูมาแล้ว ท่านรู้ดีว่าเชิญกู่หยูยากแค่ไหน ว่าพูดถึงเรื่องเชิญกู่หยูมาเลย ถึงแม้จะไปตรวจถึงโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ หากไม่ได้นัดล่วงหน้าก็อย่าหวังจะได้เจอตัวกู่หยูเลย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่ท่านไม่สบายแล้วรู้มาว่ากู่หยูเก่งมาก จึงไปโรงพยาบาลเพื่อให้กู่หยูตรวจอาการ ทว่าท่านรอเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆก็ยังไม่เจอกู่หยู
ตอนนี้เด็กคนนี้ดันบอกว่ากู่หยูจะมาถึงภายในหนึ่งชั่วโมง มันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่ท่านเคยฟังมาช่วงนี้เลย!