ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1247 การเอาคืนกากเดนขั้นสูงสุด (2)
“ดี ดี ดีมาก”ด๊อกเตอร์กู่มองถังจื่อโม่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทั้งยังเป็นยิ้มที่เบิกบานเป็นพิเศษ เขาพูดคำว่า ดี ติดต่อกันหลายครั้ง แสดงความปีติยินดีอย่างไม่บดบัง
ตอนนี้เขายิ่งมองถังจื่อโม่ก็ยิ่งรู้สึกดีใจด้วยความเซอร์ไพรส์มาก!!
คนอื่นที่อยู่ในห้องล้วนแล้วแต่ทำหน้างุนงง ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?ไม่ใช่บอกว่าด๊อกเตอร์กู่ชอบอยู่ลำพัง นอกจากคนไข้แล้ว เขาจะไม่ใส่ใจกับคนอื่นเลย?มักจะชักสีหน้าให้คนอื่นเป็นประจำไม่ใช่หรือ?
แน่นอน ด๊อกเตอร์กู่ไม่สนใจใยดีพวกเขาจริงๆ ไม่ไว้หน้าเหล่าผู้บริหารโรงพยาบาลตี้อีด้วย กระทั่งผู้อำนวยการก็ไม่เคยมองดีๆ กับคุณชายสองโจ๋วยิ่งแล้วใหญ่ ปะทะฝีปากอย่างไม่หยุดยั้ง
ซึ่งล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับข่าวลือที่เกี่ยวกับด๊อกเตอร์กู่ทั้งสิ้น ทว่าอุ้มเด็กน้อยผู้น่ารักแล้วทำไมถึงต่างกันล่ะ?
แววตาที่ด๊อกเตอร์กู่มองเด็กน้อยผู้น่ารักก็เสมือนขุดสมบัติล้ำค่าได้ก็ไม่ปาน แววตาวาววับ เกิดแสงประกายเจิดจ้า ตอนนี้ท่าทางของด๊อกเตอร์กู่เป็นมิตรกับเด็กน้อยผู้น่ารักมาก ยังเจือความประจบหลายส่วนร่วมด้วย?
ด๊อกเตอร์กู่สองมาตรฐานชัดๆ ทว่าด๊อกเตอร์กู่ปฏิบัติต่อเด็กน้อยผู้น่ารักต่างกันเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็เหมือนๆกันหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่โดนละเลยก็รู้สึกดีอยู่บ้าง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลังด๊อกเตอร์กู่ เห็นท่าทีที่ด๊อกเตอร์กู่มีต่อถังจื่อโม่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดกลางใจ รู้สึกหึงเล็กน้อย ทว่าผู้อำนวยการยังคงยืนอยู่เช่นเดิม ไม่กล้ารบกวนด๊อกเตอร์กู่
สำหรับเรื่องตรวจสุขภาพคุณปู่เย่ เห็นได้ชัดว่าด๊อกเตอร์กู่ลืมไปหมดแล้ว คล้ายกับเขามาดูเด็กน้อยผู้น่ารักโดยเฉพาะ สำหรับเรื่องการตรวจสุขภาพก็ไม่มีอยู่เลยสักนิด
ด๊อกเตอร์กู่ไม่เอ่ยถึงเรื่องตรวจ คนอื่นก็ไม่กล้าพูดถึง ล้วนรู้นิสัยแปลกพิสดารของด๊อกเตอร์กู่ดี
“ด๊อกเตอร์กู่หรือว่าทำงานก่อนไหมครับ?”คุณชายสองโจ๋วเองก็หวาดหวั่นต่อด๊อกเตอร์กู่ โดยเฉพาะมีดผ่าตัดของด๊อกเตอร์กู่ทว่าเขาปล่อยให้ตากู่จมปลักอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะยังมีงานรออยู่
พอทำงานเสร็จ พวกเขาจะได้ไปเสียที สำหรับเรื่องอื่นก็ค่อยว่ากันทีหลัง
“งานอะไร?”ด๊อกเตอร์กู่หมุนดวงตามองไปยังคุณชายสองโจ๋ว พลางเลิกคิ้วอย่างเด่นชัด เพียงแต่ชั่วครู่เดียว รอยยิ้มตอนมองถังจื่อโม่ เมื่อมามองคุณชายสองโจ๋วกลับมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่เห็นเค้ารอยยิ้มเลยสักนิด
คุณชายสองโจ๋วกระตุกมุมปาก โอเค ตาเฒ่าคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเก่งมาก ปฏิบัติต่างกันเกินงามจริงๆ
“ตรวจอาการคุณปู่เย่ครับ คุณปู่เย่ยังเป็นลมอยู่เลย”คุณชายสองโจ๋วละเลยใบหน้าเย็นเยียบที่ตากู่มองตน เห็นความเหลืออดของตากู่แล้ว คุณชายสองโจ๋วรีบเสริมต่อหนึ่งประโยคว่า“เด็กน้อยเชิญคุณมาก็เพื่อตรวจสุขภาพของคุณปู่เย่ไงครับ”
ในเมื่อตากู่มาเพื่อจื่อโม่สุดที่รัก และตอนนี้ตากู่ก็พึงพอใจในตัวจื่อโม่มาก ดังนั้นคุณชายสองโจ๋วจึงรู้วิธีโน้มน้าว ตากู่
เขาฝึกทำตามพี่ใหญ่นะเนี่ย!!
“อืม รู้แล้ว”ดังคาด ตากู่ได้ยินประโยคหลังของคุณชายสองโจ๋ว สีหน้าก็เป็นมิตรขึ้น ความเหลืออดบนใบหน้าจางหายไปแล้ว
เดิมทีคุณย่าเย่ก็รู้สึกระวนกระวายใจราวกับเสือติดจั่น หาทางหนีทีไล่ไม่เจอ ตอนแรกด๊อกเตอร์กู่ไม่ได้รีบร้อนพูดถึงเรื่องตรวจ ท่านจึงโล่งอกไปบ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ถ่วงเวลาได้ก็ถือว่าดีถมเถแล้ว
มันจะทำให้ท่านมีเวลาคิดหาหนทางรับมือมากขึ้น
เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าคุณชายสองโจ๋วจะเตือนด๊อกเตอร์กู่ คุณย่าเย่จึงเพ่งมองคุณชายสองโจ๋วด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้คุณชายสองโจ๋วไม่วางหน้าท่านเลยสักนิด คิดจะต่อกรกับท่าน
“นายมาถึงก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?นายทำอะไรอยู่?”ตากู่รับปากเพราะเห็นแก่หน้าเด็กน้อยถังจื่อโม่ ทว่าตอนที่ตากู่มองคุณชายสองโจ๋วนั้น สีหน้าเคร่งขรึมหลายส่วน“นายมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ตรวจอีก?”
“ชื่อเสียงของผมไม่ได้ดีเท่าคุณไงครับ ผลตรวจของผมเกรงว่าญาติผู้ป่วยจะไม่ยอมรับครับ”คุณชายสองโจ๋วคลี่ยิ้ม น้ำเสียงมีเลศนัยสองแง่สองมุมอย่างแจ่มชัด
เมื่อครู่คุณย่าเย่จ้องเขม็งเขา เขาเห็นชัดแจ้งเลย แน่นอน เขาไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนนี้น้องสามตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องระแวงอีก และไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจอีกด้วย ดังนั้นจึงพูดตามความเป็นจริง
คุณย่าเย่เป็นคนชาญฉลาด ความเข้าความหมายที่คุณชายสองโจ๋วสื่อ คุณย่าเย่รู้สึกคับอกคับใจยิ่งนัก ทว่าได้แต่ข่มอารมณ์ไว้ด้วยความทรมานเช่นนั้น
ไอ้คนแซ่โจ๋วเกินไปใหญ่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสกว่า เขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!!
“เชอะ”ด๊อกเตอร์กู่สบถหนึ่งคำ“พวกเราเป็นหมอ ทำตามหน้าที่ของตัวเองก็พอ ส่วนใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
บัดนี้ใบหน้าด๊อกเตอร์กู่จริงจังยิ่งนัก เข้มขรึมกว่าเมื่อครู่หลายส่วน ทว่า ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ด๊อกเตอร์กู่ไม่ได้มองคุณย่าเย่เลยสักแวบเดียว และไม่รู้ว่าเขาจงใจพูดให้คุณย่าเย่ฟังหรือไม่
เมื่อสักครู่คุณย่าเย่โดนวาจาของคุณชายสองโจ๋วแดกดันอย่างมีเลศนัย และยังได้ด๊อกเตอร์กู่พูดอย่างนี้อีก ท่านก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น พวกเขาแต่ละคนหมายจะโจมตีท่านอย่างเดียว เกินไปจริงๆ!!
“ครับ ครับ คุณพูดถูก ผมจำไว้แล้วครับ”
คุณชายสองโจ๋วจะกล้าขัดใจตากู่เวลานี้ได้อย่างไร ตาเฒ่าพูดอะไรย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตาเฒ่าพูดมีเหตุผลมากเช่นนี้เลย
ทว่าเมื่อเจอญาติผู้ป่วยอย่างคุณย่าเย่ ถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว
แน่นอน คุณชายสองโจ๋วอยากสะสางปัญหาย่อมต้องมีทางออกอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือคุณชายสองโจ๋วรู้ว่าตากู่จะมา ดังนั้นจึงไม่ได้จัดการเรื่องนี้
ในเมื่อตากู่จะมา งั้นก็ปล่อยให้ตากู่เคลียร์เรื่องนี้เองเถอะ เพราะมันจะง่ายกว่าเขาเคลียร์มาก เขาดีใจยิ่งที่ได้แอบขี้เกียจ
“คนไข้ล่ะ?”ด๊อกเตอร์กู่จึงหันไปมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตี้อีที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
“อยู่ อยู่บนเตียงครับ คุณปู่เย่ยังนอนอยู่บนเตียงครับ”ผู้อำนวยการได้ยินด๊อกเตอร์กู่ถามเขากะทันหันก็รู้สึกตกตะลึงเพราะได้รับความสนใจอย่างคาดไม่ถึง พลางตื้นตันจนพูดตะกุกตะกัก
คุณย่าเย่เดินไปด้านหน้าหลายก้าว อยากเข้าขัดขวางด้วยจิตใต้สำนึก ตอนนี้ท่านยังหาวิธีรับมือไม่ได้เลย ทางออกเดียวก็คือพยายามขัดขวางไม่ให้มีการตรวจสุขภาพเกิดขึ้น
ผู้อำนวยการเห็นคุณย่าเย่เดินเข้าไปก็รีบก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะขวางอยู่ตรงหน้าคุณย่าเย่ ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะมีโอกาสยื่นหน้าให้ด๊อกเตอร์กู่มองติดตา ไม่ง่ายเลยกว่าด๊อกเตอร์กู่จะยอมคุยกับเขา แล้วเขาจะให้ผู้อื่นมารบกวนได้อย่างไร
คุณย่าเย่โดนผู้อำนวยการขวางทาง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันควัน ท่านรู้สึกโกรธเกรี้ยวเจียมจะกระอักเลือดอยู่แล้ว ตอนที่คุณปู่เย่เข้ามาโรงพยาบาล ผู้อำนวยมาดูด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจอยู่เลย ทว่าตอนนี้ผู้อำนวยการถึงกับขวางทางท่านเชียวหรือ?
คนพวกนี้แข่งกันล่วงเกินท่านจริงๆ!!
“ยังต้องรบกวนด๊อกเตอร์กู่ตรวจสุขภาพของคุณปู่เย่อย่างละเอียดนะครับ”ผู้อำนวยการไม่แยแสคุณย่าเย่ และไม่รู้ว่าคุณย่าเย่คิดอย่างไรด้วย เขาปรับอารมณ์ของตนให้สงบลง จากนั้นก็กล่าวต่อไปว่า “สำหรับเรื่องอุปกรณ์……”
หลังจากผู้อำนวยการล่วงรู้ว่าคุณชายสองโจ๋วมาเยือนยังโรงพยาบาล จึงได้ดูถ่ายทอดสดอย่างละเอียดลออ รู้ว่าถังจื่อโม่เคยบอกว่าหากคุณย่าเย่ไม่เชื่อมั่นในอุปกรณ์ทางแพทย์ของโรงพยาบาลนี้ก็สามารถยืมจากโรงพยาบาลอื่นได้ ดังนั้นผู้อำนวยการจึงเอ่ยถึงเรื่องอุปกรณ์เป็นพิเศษ
เมื่อสักครู่เขาควรสั่งการให้ลูกน้องไปทำเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องยืมอุปกรณ์การแพทย์ที่ดีที่สุดในเมือง Aมาให้ได้ ถึงเวลานั้นคุณย่าเย่ก็จะไร้คำพูดแล้ว
ผู้อำนวยการไม่ทันกล่าวจบ ด๊อกเตอร์กู่ก็เดินไปยังด้านหน้าเตียงของคุณปู่เย่เรียบร้อย
คุณชายสองโจ๋วยกมุมปาก เวลาตากู่ตรวจสุขภาพไม่เคยใช้อุปกรณ์มาก่อน ตระกูลกู่เป็นตระกูลแพทย์แผนจีน ซึ่งแพทย์แผนจีนไม่ใช้อุปกรณ์ในการตรวจรักษาโรค
การรักษาแพทย์แผนจีนมีสี่หลักการ“มองสำรวจสีหน้า”“ฟังเสียงหายใจ”“ถามไถ่อาการ”“จับชีพจร”ฟัง‘ห้าเสียง’สามารถสังเกตอาการห้าอวัยวะ ซึ่งตากู่เชี่ยวชาญศาสตร์แขนงนี้อย่างลึกล้ำสูงสุดแล้วตากู่แค่‘มอง’และ‘ฟัง’ก็รู้ว่าร่างกายผู้คนไข้ป่วยหรือไม่อย่างไร
บางครั้งอุปกรณ์ที่ก้าวหน้าที่สุดก็ไม่อาจตรวจโรคเจอ ส่วนตากู่แค่‘มอง’และ‘ฟัง’ก็รู้ว่ามีปัญหาจุดไหน สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ใช่จะพึ่งถนัดแค่วันสองวัน ครั้งสองครั้งเท่านั้น
บัดนี้คุณชายสองโจ๋วรอผลตรวจของตากู่ คุณชายสองโจ๋วรู้ดีแก่ใจว่าร่างกายคุณปู่เย่เป็นอย่างไร เขาจึงอดหัวเราะไม่ได้ ด้วยนิสัยของตาเฒ่า ต่อจากนี้ต้องมีละครเด็ดฉายขึ้นแน่