ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1251 ผมไม่ได้แซ่เย่ (2)
คุณปู่เย่กำลังคิดอยู่ว่าขณะนี้พวกนักข่าวต้องล้อมรอบถังจื่อโม่อยู่แน่ๆ จะต้องไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ทางเขาแน่นอน คุณปู่เย่แอบลืมตาขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้คุณย่าเย่ก็ถูกเบียดมายังข้างเตียงพอดี นิ้วของคุณปู่เย่ขยับเล็กน้อย สะกิดคุณย่าเย่ไปหนึ่งที
คุณย่าเย่ตะลึงงันไปเลย เธอหันไปมองนักข่าวก่อน เห็นว่านักข่าวไม่ได้สังเกตเห็นเธอ จากนั้นจึงจะหันไปทางคุณปู่เย่ คุณปู่เย่ขยับริมฝีปากเล็กน้อย พูดอย่างไร้น้ำเสียงไปไม่กี่คำ
คุณย่าเย่เข้าใจความหมายของคุณปู่เย่ทันที นัยน์ตาของคุณย่าเย่กะพริบขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้นักข่าวที่อยู่ในห้องผู้ป่วยได้ยินคำตอบของถังจื่อโม่แล้ว มีความแปลกใจเล็กน้อย และมีความผิดหวังเล็กน้อย หากเจ้าเด็กคนนี้ตอบเขาว่านามสกุลเย่ งั้นความจริงหลายอย่างต่างก็ชัดเจนแล้ว
หากเจ้าเด็กนี่นามสกุลเย่ ต้องเป็นลูกของคุณชายสามเย่แน่นอน ไม่ว่ายังไงแล้วคนที่นามสกุลเย่ก็ไม่ได้มีมากมาย อีกอย่างเจ้าเด็กนี้มาทวงความยุติธรรมคืนให้กับคุณชายสามเย่ที่ห้องผู้ป่วยของคุณปู่เย่โดยตรงเลย คิดว่าน่าจะรู้จักกับเย่ซือเฉิน และความสัมพันธ์คงจะไม่ธรรมดา
ทว่าทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงไม่นามสกุลเย่ล่ะ? ทำไมถึงไม่นามสกุลเย่?!
หากไม่ใช่นามสกุลเย่ เรื่องทั้งหมดก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้
“หนูใช้นามสกุลตามแม่ใช่ไหม?” คุณย่าเย่ที่เข้าใจความหมายของคุณปู่เย่แล้วรีบถามประโยคนี้ขึ้นมากะทันหัน
เธอและคุณปู่เย่ต่างก็รู้ เป็นไปได้ที่เจ้าเด็กนี่จะเป็นลูกของเวินลั่วฉิงที่ท้องในค่ำคืนเมื่อห้าปีก่อน ค่ำคืนเมื่อห้าปีก่อนนั้นเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ จากนั้นเวินลั่วฉิงก็ออกประเทศไป ไม่ได้ติดต่อกับเย่ซือเฉินอีก และตามที่เธอสืบเจอ ตอนนั้นเวินลั่วฉิงและเย่ซือเฉินต่างก็ไม่รู้จักกัน
ดังนั้น ตอนที่เวินลั่วฉิงคลอดลูกออกมา ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคือใคร สถานการณ์แบบนั้นมีความเป็นไปได้ที่เวินลั่วฉิงจะให้เด็กใช้นามสกุลตามเขา นามสกุลเวิน!
สิ่งที่คุณปู่เย่พูดเมื่อกี้ก็คือคำว่าเวิน ทว่าขณะนี้คุณย่าเย่ได้เปลี่ยนวิธีการถามไป
คุณย่าเย่รู้สึกว่าครั้งนี้ต้องไม่ผิดแน่นอน
“ไม่ ผมไม่ได้ใช้นามสกุลตามแม่!!” ถังจื่อโม่เงยหน้าขึ้นมองคุณย่าเย่ไปหนึ่งที รีบตอบคำถาม ถังจื่อโม่รู้ดีว่าในใจของคุณย่าเย่คิดอะไรอยู่ ทว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลตามคุณแม่จริงๆ เขานามสกุลถัง เป็นนามสกุลของคุณยาย
นี่คือเรื่องจริง ถังจื่อโม่ไม่ได้โกหก ดังนั้นนัยน์ตาของเขาจริงจังมาก ไม่มีความรู้สึกผิดใดๆเลย
เด็กอายุห้าขวบคนหนึ่ง นัยน์ตาที่จริงจังแบบนี้ ใครก็ไม่มีทางสงสัยในคำพูดของเด็ก
คุณย่าเย่ตะลึงงันไปเลย เธอเองก็มองออกว่าเจ้าเด็กนี่คงไม่ได้พูดโกหก ทว่านี่เป็นไปได้ยังไง?
เจ้าเด็กนี่ไม่ได้นามสกุลเย่ แล้วไม่ได้ใช้นามสกุลตามแม่อีก? นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!
คุณปู่เย่ที่นอนอยู่บนเตียงในขณะนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
“แล้วนามสกุลอะไร?” คุณย่าเย่ในขณะนี้คิดไม่ออกจริงๆ ดังนั้นจึงถามไปอีกหนึ่งประโยค
คุณย่าเย่กำลังคิดอยู่ว่าเจ้าเด็กนี้ไม่ได้นามสกุลเย่ และไม่ได้นามสกุลเวิน งั้นก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเดาผิดแล้ว เจ้าเด็กนี่อาจจะไม่ใช่ลูกของเย่ซือเฉิน คำพูดที่ว่ามีสายเลือดของตระกูลเย่ไหลเวียนอยู่ในก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้อาจจะพูดมั่ว
คำถามนี้ของคุณย่าเย่ ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ต่างก็อยากรู้
“คำถามนี้ ผมไม่อยากตอบ” แน่นอนว่าถังจื่อโม่รู้ว่าเป้าหมายของคุณย่าเย่คืออะไร ทว่าคำถามนี้เขาไม่มีทางตอบแน่นอน
ก่อนหน้านี้นักข่าวถามเขาก็ไม่ได้ตอบ คุณย่าเย่ถาม เขาก็ไม่ตอบเช่นกัน
ในตอนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณพ่อคุณแม่ สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับฐานะของเขาและน้องสาว เขาไม่มีทางพูดมั่วแน่นอน
“แก……” ก่อนหน้านี้คุณย่าเย่ก็โมโหถังจื่อโม่มากๆแล้ว ตอนนี้ได้ยินคำพูดที่ถังจื่อโม่ไม่ไว้หน้าเขา สีหน้าอึมครึมลงทันที “แม่ของแกไม่เคยสอนมารยาทพื้นฐานกับแกเลยเหรอ?”
เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจเกินไปแล้ว น่ารังเกียจมากจริงๆ กลับแสดงท่าทีแบบนี้กับสิ่งที่ผู้ใหญ่ถาม
“มารยาทที่ควรรู้ คุณแม่ผมต่างก็สอนผมครับ ทว่าผมรู้ว่าการให้ความเคารพนั้นต้องให้ซึ่งกันเลย คนอื่นมีมารยาทกับผม เคารพผม แน่นอนว่าผมก็มีมารยาทและเคารพคนอื่นเช่นกันครับ” ถังจื่อโม่หันไปทางคุณย่าเย่ นัยน์ตาคู่หนึ่งหม่นหมองลง ถึงเวลานี้แล้ว คุณย่าเย่กลับยังโทษแต่แม่ของเขาอยู่
คุณย่าเย่มีสิทธิ์อะไร?
คุณแม่ของเขาไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย คุณแม่ของเขาคือแม่ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ เขาไม่ยอมให้ใครมาด่าว่าคุณแม่ของเขาเด็ดขาด
“ถูก ประโยคนี้ของคุณชายน้อยพูดถูกมาก ถูกต้องแล้ว มารยาทและความเคารพต้องมีต่อซึ่งกันและกัน อยากให้คนอื่นมีมารยาทต่อคุณ คุณก็ต้องฝึกมีมารยาทกับคนอื่นก่อน ขอถามคุณย่าเย่หน่อยค่ะ ท่าทางน้ำเสียงที่โอหังของคุณแล้วถามฐานะของคุณชายน้อยอย่างไม่หยุดยั้ง นี่ถือว่ามีมารยาทไหมคะ?” ตอนแรกนักข่าวต่างก็ไม่สนใจคุณย่าเย่แล้ว ต่างก็เกือบจะลืมคุณย่าเย่ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณย่าเย่กลับโดดออกมาอีกครั้ง
อีกอย่างจนถึงตอนนี้คุณย่าเย่ก็ยังทำท่าทีที่โอหังเหมือนเดิม
“คุณย่าเย่ สำหรับฐานะของคุณชายน้อยคือเรื่องส่วนตัวของคุณชายน้อยค่ะ หากคุณชายน้อยจะพูดก็พูด หากคุณชายน้อยไม่พูดก็เป็นอิสระของและสิทธิของเขา ทำไมถึงถูกคุณย่าเย่พูดว่าไม่มีมารยาทล่ะคะ?”
“เรื่องจริงเป็นยังไง พวกเราที่อยู่ในที่นี้ต่างก็เห็นอย่างชัดเจน เชื่อว่าคนผู้ชมต่างก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน ถึงแม้ว่าคุณชายน้อยจะเป็นคุณชายน้อยขององค์กรยมบาลแต่ว่าท่าทีถ่อมตน มีมารยาท ไม่ว่ากับใครก็มีมารยาทอ่อนโยน กับคุณชายสองโจ๋วก็เป็นแบบนี้ กับอาจารย์กู่ก็เป็นแบบนี้ ถึงแม้จะกับนักข่าวแบบพวกเราก็เป็นแบบนี้ คุณชายน้อยมีมารยาทขนาดนั้น กลับถูกคุณย่าเย่ด่าว่า ขอถามหน่อยครับว่าคุณย่าเย่ตาบอดหรือว่าหัวใจบอด?” นักข่าวที่ถูกถังจื่อโม่เรียกชื่อเข้ามาในก่อนหน้านี้ยิ่งไม่ให้ความเกรงใจไปใหญ่ คุณย่าเย่ทำเกินไปแล้วจริงๆ
“คุณย่าเย่นี่คุณหมายความว่าอะไร? คุณอายุขนาดนี้แล้วทำไมยังเถียงกับเด็กคนหนึ่งอยู่ครับ”
“คุณย่าเย่ คุณรู้สึกว่าทุกคนต่างก็ต้องทำตามคุณ เชื่อฟังคุณใช่ไหมครับ คนในตระกูลเย่ของพวกคุณเป็นแบบนี้กันหมดใช่ไหมครับ?” คำพูดของนักข่าวยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีความเกรงใจแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นนักข่าวก็พูดเสริมอีกประโยคว่า “ที่ผมพูดเมื่อกี้ไม่รวมคุณชายสามเย่ ไม่ว่ายังไงแล้ววันนี้คุณชายสามเย่ก็เปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว”
คุณย่าเย่โมโหถังจื่อโม่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขณะนี้พอได้ยินนักข่าวพูดแบบนี้แล้ว ใบหน้าอึมครึมลงทันทีเลย ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนว่าน้ำตาจะไหลออกมาแล้ว คุณย่าเย่ขยับปากเล็กน้อย อยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่านักข่าวแต่ละคนถามต่อๆกันมา เธอไม่มีโอกาสเปิดปากพูดเลย
ถังจื่อโม่ไม่ได้สนใจคุณย่าเย่อีก เรื่องของเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว และได้ตามผลที่เขาต้องการแล้ว สำหรับเรื่องอื่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะควบคุมได้แล้ว
เขาไม่อยากเสียเวลาที่นี่แล้ว
คุณชายสองโจ๋วมองออกในความหมายของถังจื่อโม่ ดึงถังจื่อโม่เบาๆ “ไปเถอะ”
อาจารย์กู่เองก็อดส่ายหัวไม่ได้ คนอย่างคุณย่าเย่นี่เขาเคยเจอครั้งแรกจริงๆ
เจ้าเด็กนี่คือลูกแท้ๆของเย่ซือเฉิน คือสายเลือดของตระกูลเย่ ทว่าท่าทีของคุณย่าเย่นี้ทำให้รู้สึกหมดคำพูดจริงๆ
ถึงแม้คุณย่าเย่จะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่คือลูกของเย่ซือเฉิน ก็น่าจะมีความสนิทสนมแบบญาติอยู่ในตัว ทว่ากลับเห็นแต่ความรำคาญที่อยู่บนตัวของคุณย่าเย่ ถึงขั้นเป็นความรังเกียจอีกด้วย
อีกอย่าง ดูท่าทางของคุณย่าเย่แล้วน่าจะเดาออกว่าเจ้าเด็กนี้เป็นลูกของเย่ซือเฉินงั้นความรำคาญและความรังเกียจพวกนั้นทำให้รู้สึกน่าเศร้าใจมากจริงๆ
โชคดีที่เย่ซือเฉินตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว เจ้าเด็กนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปพบคุณปู่เย่และคุณย่าเย่แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงสงสารแทนเจ้าเด็กนี่มากๆ!!
ขณะนี้คนที่กำลังดูรายการถ่ายทอดสดต่างก็ระเบิดหมดแล้ว
“คุณย่าเย่หน้าด้านมากจริงๆ ขอถามหน่อยว่าเขามีหน้ามาด่าว่าเจ้าน่ารักของเราได้ยังไง เจ้าน่ารักของเรายังดีไม่พอเหรอ เจ้าน่ารักของเราแสดงออกได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น เป็นเด็กดีขนาดนั้น มีมารยาทขนาดนั้น สิ่งที่นักข่าวพูดต่างก็ถูกหมด คุณย่าเย่ต้องตาบอดและใจบอดแน่นอน คุณย่าเย่ด่าว่าเจ้าน่ารักของเราเป็นเพราะไม่มีจิตใต้สำนึกทั้งนั้น”
“คุณย่าเย่โอหังไม่ให้ความเคารพคนอื่น ยังมีหน้ามาด่าว่าคนอื่นอีก? หน้าด้านมากจริงๆ”
“คนอย่างคุณย่าเย่แม้กระทั่งหลานแท้ๆ ของตัวเองยังใส่ร้ายได้ ยังมีเรื่องอะไรที่เธอทำไม่ได้อีก”
“คุณชายสามเย่ช่างน่าสงสารจริงๆ มีคุณปู่คุณย่าแบบนี้ไม่รู้เลยจริงๆว่าตลอดหลายปีมานี้เขาผ่านมาได้ยังไง”
“ในตอนที่คุณชายสามเย่อายุสามขวบคุณแม่ก็เสียชีวิตแล้ว คุณพ่อก็ได้รับการโจมตี ไม่ได้ถามไถ่หารือมาโดยตลอด สำหรับคุณชายสามเย่ก็ไม่สนใจเลย ดังนั้นตลอดหลายปีมานี้ไม่มีใครเป็นห่วงและดูแลคุณชายสามเย่เลย คุณปู่เย่ก็ใช้คุณย่าสามเย่เป็นเพียงเครื่องมือ แค่คิดก็รู้สึกสงสารแทนคุณชายสามเย่”