ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1254 ตาสว่างสักที (1)
เวลาแบบนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ได้ อีกอย่างคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็ไม่มีทางเงียบสงบแน่ๆ มีความเป็นไปได้ที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่จะใช้สถานการณ์ใดๆมาสร้างความลำบากให้กับเย่ซือเฉินได้
“ผมเห็นด้วยครับ” เย่ซือเฉินไม่มีความลังเล ไม่มีการล่าช้า ตอบกลับอย่างเด็ดขาด
เขาอยากทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว เมื่อกี้ท่านย่าถังได้พูดความในใจของเขาออกมาทั้งหมดเลย แน่นอนว่าเขาต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว และเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้หญิงของเขา จะต้องสู่ขอกลับมาอย่างโจ่งแจ้ง ลูกของเขา เขาก็จะต้องให้ฐานะกับพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง
“ในเมื่อซือเฉินเห็นด้วย เรื่องนี้ก็รีบจัดการ ไม่ต้องรอช้าแล้ว” ท่าย่าถังเห็นว่าเย่ซือเฉินก็เห็นด้วย ทันใดนั้นบนใบหน้าก็ยิ้มแฉ่งเบิกบาน เมื่อก่อนท่านย่าถังไม่ชอบตระกูลเย่ ดังนั้นจึงห้ามเวินลั่วฉิงคบกับเย่ซือเฉิน ตอนนี้คนที่รีบร้อนที่สุดก็ยังเป็นท่านย่าถัง
“ลูกโตขนาดนี้แล้ว ไม่ควรรอช้าต่อไปแล้ว” ท่านย่าถังนึกได้ว่าลูกๆสองคนก็อายุห้าขวบแล้ว ฉิงฉิงและซือเฉินก็รักใคร่กันดี เรื่องนี้ก็ควรจะสมบูรณ์แบบแล้ว
“ฉันจะเลือกฤกษ์งามยามดี สามารถจัดงานทั้งสองพร้อมกันได้” ก่อนหน้านี้ท่านย่าถังยังโมโหจะตาย ตอนนี้ใบหน้ากลับเอิบอิ่มไปด้วยความสุข เรื่องงานแต่งของฉิงฉิงและซือเฉิน ฐานะของฉิงฉิงและเด็กๆ ทั้งสองเรื่องนี้สามารถจัดพร้อมกันได้ แบบนั้นจึงจะครื้นเครง จึงจะรื่นเริง ความโชคดีที่มาเป็นคู่จริงๆ
“ซือเฉินกับฉิงฉิงยังไม่ได้แต่งงานกันเลย ควรให้พวกเขาไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนหรือเปล่า?” ท่านปู่ถังคิดอะไรก็รอบคอบตลอด ไม่ว่ายังไงแล้วก็ต้องไปจดทะเบียนสมรสก่อน จดทะเบียนสมรสแล้วจึงจะเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงๆ สำหรับงานแต่งงานนั้นไม่ได้สำคัญเท่าการจดทะเบียนสมรส
“จดทะเบียนสมรสก็ง่ายๆเองนิ? สามารถไปตอนนี้ได้เลย ฉิงฉิง เธอไปจดทะเบียนสมรสกับซือเฉินตอนนี้เลย” ก่อนหน้านี้ท่านย่าถังระมัดระวังมาโดยตลอด กลัวว่าซือเฉินจะแอบลักพาตัวฉิงฉิงไปจดทะเบียนสมรส
ตอนนี้ท่านย่าถังกลับเร่งให้พวกเขาไปจดทะเบียนสมรสเอง ท่านย่าถังไม่ใช่คนหัวโบราณ และไม่ใช่คนชอบใช้อำนาจอะไร ท่านย่าถังคิดเผื่อเด็กๆ จริงๆขอแค่เด็กทั้งสองเต็มใจ ขอแค่เด็กทั้งสองมีความสุข เรื่องอื่นๆต่างก็เป็นเรื่องรองลงไป
“คุณยาย ไม่ต้องรีบขนาดนี้มั้งคะ?” เวินลั่วฉิงตะลึงงันไปเลย คุณยายกระต่ายตื่นตูมมากจริงๆ นี่กี่โมงกี่นามแล้ว อำเภอเขาก็เลิกงานกันหมดแล้ว จะรีบก็ไม่ควรรีบในยามนี้!!
“ไป พวกเราไปตอนนี้เลย” คำพูดของท่านย่าถังกลับตรงกับใจของเย่ซือเฉินพอดี เขารอวันนี้มานานมากแล้ว ดังนั้นเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะรีบจัดการ
“นายดูสินี่กี่โมงแล้ว อำเภอเขาเลิกงานตั้งนานแล้ว” เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางที่เร่งรีบของเย่ซือเฉินแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอตัดสินใจจะคบกับเขาแล้ว อีกอย่างพวกเขายังมีลูกแล้วตั้งสองคน งานแต่งเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว เขาจำเป็นต้องรีบขนาดนี้ไหม?
“ไม่เป็นไร ฉันมีวิธี” ปัญหาแค่นี้ล้มคุณชายสามเย่ไม่ได้แน่นอน คุณชายสามเย่ดึงเวินลั่วฉิงขึ้นมา
ทว่า ในขณะนี้ ถังจื่อโม่กลับมาแล้ว แน่นอนว่าคนที่กลับมาพร้อมกับถังจื่อโม่ยังมีคุณชายสองโจ๋วและอาจารย์กู่
“พี่ชายกลับมาแล้ว พี่ชายกลับมาแล้ว” ถังจื่อซีเห็นพี่ชายบ้านตัวเองแล้วก็พุ่งไปเลย “พี่ชาย หนูเห็นพี่ในทีวีแล้ว พี่ชายเก่งมาก พี่ชายแก้แค้นแทนคุณพ่อแล้ว”
ขณะนี้บนใบหน้าของถังจื่อซีเต็มไปด้วยความนับถือ พี่ชายบ้านเธอเก่งมาก พี่ขายบ้านเธอเก่งที่สุดแล้ว!!
ถึงแม้ว่าถังจื่อซีเจอพี่ชายตัวเองแล้วจะดีใจมาก ตื้นตันเป็นพิเศษ ทว่ามารยาทที่ควรมีเธอก็ไม่ได้ลืม ถังจื่อซีหันไปมองคุณชายสองโจ๋วและอาจารย์กู่ที่อยู่ข้างหลังแล้วทักทาย “สวัสดีค่ะลุงโจ๋ว สวัสดีค่ะ คุณปู่กู่”
“ยัยเด็กผู้หญิงนี่ดีจัง ดีจริงๆ” นัยน์ตาเร่าร้อนของอาจารย์กู่ที่มองถังจื่อโม่มาตลอดทางในที่สุดก็เคลื่อนย้ายแล้ว คลื่นย้ายไปทางบนตัวของถังจื่อซี
ยัยเด็กผู้หญิงนี้แค่ดูรู้ว่าไหวพริบดีมาก อีกอย่างปากยังหวานขนาดนี้ ทำให้รู้สึกว่ายิ่งดูก็ยิ่งชอบจริงๆ
“ดีอยู่แล้ว เด็กตระกูลถังบ้านเราคนไหนที่ไม่ดี!!” ท่านย่าถังโด่งดังในเรื่องเข้าข้างครอบครัวตัวเองมาก ตอนที่คนอื่นพูดถึงเด็กๆในบ้านตัวเองไม่เคยถ่อมตนเลย ทว่าตอนที่ท่านย่าถังชื่นชมเด็กๆ บ้านตัวเองก็ไม่เคยถ่อมตนเช่นกัน
เด็กๆ บ้านเธอนั้นดี ใครไม่พอใจสามารถมาเทียบได้
“ถูก เด็กๆ บ้านถังของพวกเธอดีทุกคนเลย ยีนของตระกูลถังดีที่สุดอยู่แล้ว” ขณะนี้กู่หยูมองไปทางถังจื่อซี นัยน์ตายิ่งเปล่งประกายไปใหญ่ ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่เจอถังจื่อโม่เมื่อกี้เลย
กู่หยูในขณะนี้อารมณ์ดีมาก พูดคุยเจรจาได้ง่าย นิสัยก็ไม่แย่แล้ว ท่านย่าถังพูดอะไรก็คืออะไร
“คุณปู่กู่คะ คุณปู่ชอบหนูมากๆเลยใช่ไหมคะ เหมือนชอบพี่ชายของหนู” ถังจื่อซีสบตากับแววตาของคุณปู่กู่พอดี ยิ้มอย่างเบิกบานมาก
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณปู่กู่ตะลึงงันไปเลย การตอบสนองของเจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาก็มองถังจื่อโม่แบบนี้ ถังจื่อโม่กลับดูมีความมึนงง ตะลึงงันเล็กน้อย
ทว่าความคิดของเจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้กลับง่ายมาก ใสซื่อเป็นพิเศษ ใช่ ชอบก็คือชอบ เขาแสดงออกมาก็คือชอบ ชอบมากๆ ทุกคนต่างก็มองออก
ทว่าคนปกติแล้วมักจะตกใจกับการตอบสนองแบบนี้ในครั้งแรกที่เจอ คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้กลับยิ้มได้มีความสุขขนาดนี้
นัยน์ตาของคุณปู่กู่มีสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมเพิ่มขึ้น เขามองดูถังจื่อซี พยักหน้า “ถูก ฉันชอบหนูมาก ชอบมากๆ”
“อื้ม หนูก็ชอบคุณปู่กู่ค่ะ” ถังจื่อซียิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น เธอรู้สึกว่าจริงๆ แล้วคุณปู่กู่คนนี้น่ารักมากๆ
“หนู หนูบอกว่าหนูก็ชอบฉัน?” คุณปู่กู้อึ้งไปเลย นัยน์ตาคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้นกะทันหัน ตลอดหลายปีมานี้ ทุกคนต่างก็บอกว่าเขานิสัยแย่ ผู้คนมากมายต่างก็กลัวเขา เด็กๆมากมายจะตกใจร้องไห้เมื่อเจอเขา
ตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยมีคนบอกว่าชอบเขาเลย เขาคิดว่าตัวเองจะไม่สนใจกับเรื่องพวกนี้แล้ว
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้บอกว่าชอบเขา วินาทีนี้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเหมือนระเบิดออกมาแล้ว อารมณ์ต่างๆ ที่เก็บไว้เนิ่นนานต่างก็ระเบิดออกมา ความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว เจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ช่างปากหวานจริงๆ!!
ขณะนี้น้ำเสียงของคุณปู่กู่มีความสั่นเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตื้นตันมาก
“ใช่ค่ะ หนูชอบคุณปู่กู่ค่ะ หนูรู้สึกว่าคุณปู่กู่น่ารักมากๆค่ะ” ดวงตาดำขาวคู่หนึ่งของถังจื่อซีมองไปทางคุณปู่กู่ นัยน์ตาแบบนั้นดูจริงจังมาก
“จื่อซี หนูไม่ชอบลุงโจ๋วเหรอ?” คุณชายสองโจ๋วที่ถูกถังจื่อซีละเลยมีความไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องแพ้ให้กับผู้อาวุโสคนหนึ่งหรอกมั้ง?
“หนูก็ชอบลุงโจ๋วค่ะ ลุงโจ๋วหล่อมากเลยค่ะ” ถังจื่อซีปากหวานมาโดยตลอดอยู่แล้ว
“นายขยับไปเลย ไม่เห็นว่าฉันกำลังคุยกับเจ้าเด็กผู้หญิงอยู่เหรอ? นายมาแทรกอะไร?” อาจารย์กู่ขยับมาแทรกแล้วผลักคุณชายสองโจ๋วไปข้างๆ ยัยโจ๋วนี่ไม่มีตาเลย มายุ่งอะไรเนี่ย
คุณปู่กู่มองไปทางคุณชายสองโจ๋ว สีหน้ารังเกียจมาก
ในตอนที่คุณปู่กู่หันไปมองถังจื่อซี สีหน้าก็ยิ้มแย้มเบิกบานอีกครั้ง “หนูชื่อจื่อซีใช่ไหม?”
“ค่ะ หนูชื่อถังจื่อซี……” คำพูดของถังจื่อซีหยุดไป จากนั้นก็มองไปทางเย่ซือเฉิน “คุณพ่อคะต่อจากนี้หนูยังใช้นามสกุลถังอยู่ไหมคะ? ต้องเปลี่ยนนามสกุลไหมคะ?”
คำพูดนี้ของถังจื่อซีออกมา คนในห้องรับแขกต่างก็อึ้งกันไปหมด ต่างก็หันไปมองเย่ซือเฉินกันหมด ถังจื่อซีถามคำถามที่ละเอียดอ่อนในเวลาแบบนี้ ไม่ว่ายังไงแล้วเมื่อวานเย่ซือเฉินก็พึ่งเปิดงานแถลงข่าวว่าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ไป
“ขอแค่หนูกับพี่ชายชอบก็พอแล้ว เปลี่ยนไม่เปลี่ยนแล้วแต่พวกหนูเลย” เย่ซือเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก เขาอยู่ที่บ้านเย่ ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ในการควบคุมของคุณปู่เย่มาโดยตลอด เขาไม่อยากให้ลูกของเขาเหมือนกับเขา ดังนั้นเขาจึงให้ความเคารพกับความคิดของลูก
ถึงแม้ว่าวันนี้เขาไม่ได้เปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ เขาก็ไม่มีทางบังคับให้เปลี่ยนนามสกุล
“พี่ชายคะ งั้นเราจะเปลี่ยนนามสกุลไหมคะ?” ถังจื่อซีหันไปมองพี่ชายของตัวเอง ถามความคิดเห็นจากพี่ชาย
“หากคุณพ่อเห็นด้วย ต่อจากนี้ฉันอยากใช้ชื่อถังจื่อโม่ต่อ” ก่อนหน้านี้ถังจื่อโม่ได้เห็นความเก่งของคุณย่าเย่ที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกไม่ชอบตระกูลเย่มากๆ อีกอย่างเขาก็ชินกับชื่อถังจื่อโม่แล้ว เขารู้สึกว่าชื่อนี้ไม่เลว เขาไม่อยากเปลี่ยน เย่จื่อโม่ฟังแล้วดูแปลกๆ
“งั้นหนูก็ไม่เปลี่ยนแล้ว หนูก็ชื่อถังจื่อซีต่อค่ะ” ถังจื่อซีเป็นคนที่เชื่อฟังพี่ชายบ้านตัวเองมาโดยตลอด พี่ชายไม่เปลี่ยน แน่นอนว่าเธอก็ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว
ท่านย่าถังตะลึงงันไปเลย หันไปมองเย่ซือเฉินหนึ่งที แล้วหันไปมองท่านปู่ถัง “แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรอกมั้ง?”
นั่นเป็นลูกของเย่ซือเฉินเลยนะ ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะเปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว ทว่าไม่ว่ายังไงแล้วเย่ซือเฉินก็ยังนามสกุลเย่ ลูกตัวเองไม่ใช้นามสกุลตามตัวเอง แบบนี้ไม่ดีหรอกมั้ง?