ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1278 ตกลงเด็กเป็นลูกใครกันแน่ (1)
ถังหลินไม่ใช่ไม่เชื่อข้อวินิจฉัยของเย่ซือเฉิน แต่เป็นเพราะเขานึกบุคคลอย่างที่เย่ซือเฉินว่าไม่ออก
“เมื่อกี้ผมโทรหาโจ๋วชิงกับด๊อกเตอร์กู่แล้ว พวกเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครสักคน ดังนั้นต้องไม่มีใครรู้แน่นอน นอกจากตระกูลถังของพวกเราโดนคนจับตามอง แล้วแอบดักฟังคำพูดของพวกเราด้วยอุปกรณ์”ถังหลินเชื่อมั่นในคุณธรรมประจำใจของโจ๋วชิงกับด๊อกเตอร์กู่ ดังนั้น เขายิ่งรู้สึกว่ามีคนแอบดักฟังคำพูดของพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว!
“ถูกดักฟัง?”สีหน้าถังหยุนเฉิงเปลี่ยน“พ่อจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้”
“มีความเป็นไปได้น้อยที่จะถูกดักฟัง ช่วงนี้นอกจากมีคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่มาบ้านตระกูลถังของพวกเราก็ไม่มีคนนอกอีก และไม่มีทางซ่อนอุปกรณ์ดักฟังบนตัวพวกเราด้วย ตัวจื่อโม่ก็ไม่มี หนูเป็นคนเก็บของจื่อโม่เมื่อวานค่ะ”เวินลั่วฉิงรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะถูกดักฟัง บ้านตระกูลถังไม่ใช่จะเข้าออกได้ง่าย อยากแอบวางอุปกรณ์ดักฟังในบ้านนั้นยากยิ่งกว่ายากเสียอีก
และช่วงนี้พวกเขาระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ตั้งใจสังเกตกว่าปกติ ไม่มีใครติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังบนตัวพวกเขาโดยไม่รู้ตัวได้
ทว่า ถึงจะเป็นเช่นนั้น เวินลั่วฉิง ถังหลินและเย่ซือเฉินก็เริ่มตรวจสอบหนึ่งรอบ ถังหยุนเฉิงบอกว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมา แต่มันเสียเวลาเกินไป และผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้เก่งไปกว่าเวินลั่วฉิงเลย
พวกเขาตรวจดูตามห้องโถง นอกประตู และบันได ซึ่งไม่พบอุปกรณ์ดักฟังแต่อย่างใด
“บนตัวด๊อกเตอร์กู่ล่ะ?บนตัวโจ๋วชิงล่ะ?”ถังหลินเห็นด้วยกับเวินลั่วฉิง เมื่อพวกเขาไม่มีทางโดนติดตั้งอุปกรณ์ดักฟัง แล้วอีกสองคนที่มาที่บ้านเมื่อวานล่ะ?
โจ๋วชิงเป็นหมอ สนใจแต่เรื่องการแพทย์ตั้งแต่เด็ก จึงไม่ตื่นตัวกับเรื่องอื่นเหมือนพวกเขา ดังนั้นอาจถูกคนอื่นวางอุปกรณ์ดักฟังก็ได้
ทว่า ถึงแม้โจ๋วชิงจะไม่ระวังสูงเท่าพวกเขา แต่โจ๋วชิงไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา ทางกลับกันเขานั้นฉลาดปราดเปรื่องมาก ดังนั้นคนแปลกหน้าอยากใส่อะไรบนตัวเขานั้นยาก ดังนั้น หากถูกติดอุปกรณ์ดักฟังบนตัวโจ๋วชิงจริง นั่นต้องเป็นคนสนิทของโจ๋วชิง หรือเป็นที่เชื่อใจของโจ๋วชิง
และด๊อกเตอร์กู่ก็มีหลักการเดียวกัน
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของถังหลินก็ไม่ได้ส่งเสียงไปชั่วขณะ สิ่งที่ถังหลินวิเคราะห์นั้นมีความเป็นไปได้สูง เมื่อวานทั้งสองไปช่วยถังจื่อโม่ที่โรงพยาบาล จากนั้นก็มาที่บ้านตระกูลถัง
ประเด็นสำคัญจุดหนึ่งก็คือ มีการถ่ายทอดสดตอนถังจื่อโม่อยู่ในโรงพยาบาล และถังจื่อโม่ก็โทรบอกถังหลินให้เชิญคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่มา ดังนั้นหากคนนั้นดูการถ่ายทอดสดก็ต้องรู้ว่าคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่ต้องไปที่โรงพยาบาล
ดังนั้นจึงแอบวางอุปกรณ์ดักฟังบนตัวพวกเขาล่วงหน้า มันมีความเป็นไปได้สูงจริงๆ
“แล้วลูกคิดว่าเป็นด๊อกเตอร์กู่หรือโจ๋วชิง?”ถังหยุนเฉิงเห็นด้วยกับความคิดของถังหลิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครโดนวางอุปกรณ์ดักฟังจริงๆ ปัญหานี้คือกุญแจสำคัญ
เพราะกลุ่มเพื่อนมิตรญาติสหายของด๊อกเตอร์กู่กับโจ๋วชิงต้องแตกต่างกัน ไม่ใช่กลุ่มเดียวกันแน่
“เมื่อวานผมไปหาด๊อกเตอร์กู่เอง ตอนนั้นเขาอยู่ในห้องทำงานคนเดียวครับ ไม่มีคนอื่น ผมบอกเรื่องจื่อโม่ให้เขาทราบ เขาก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที ดังนั้นมีความเป็นไปได้น้อยที่จะลงมือติดอุปกรณ์บนตัวด๊อกเตอร์กู่ครับ แต่ก่อนที่ผมไปถึงก็ไม่แน่ครับ”ถังหลินเป็นคนไปเชิญมาเอง จึงรู้สถานการณ์ดี แต่ก็ไม่สามารถรับรองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ไม่ต้องทายแล้ว โทรถามเลย ถามพวกเขาว่าหลังจื่อโม่โทรหาลูกแล้ว เขาเคยเจอใครในโรงพยาบาลบ้าง?”ถังหยุนเฉิงมักเป็นคนทำอะไรที่รวบรัดและตรงไปตรงมา ถึงแม้ถังหยุนเฉิงรู้ว่าโทรไปถามเรื่องพวกนี้กับอีกฝ่ายไม่ค่อยดีนัก ทว่าหากไม่สืบให้กระจ่าง คนชักใยอยู่เบื้องหลังก็อาจทำอะไรขึ้นมาได้อีก
“ครับ ผมจะโทรไปถามดูครับ”ถังหลินเห็นด้วยกับวิธีการของถังหยุนเฉิง รีบนำมือถือออกมาโทร ซึ่งถังหลินโทรหาด๊อกเตอร์กู่เป็นคนแรก
“ด๊อกเตอร์กู่ครับ ผมมีคำถามอยากถามคุณหน่อยครับ ก่อนผมไปหาคุณสิบนาที ระหว่างนั้นมีคนไปหาคุณหรือเปล่าครับ?คุณเจอหน้าใครบ้างครับ?”เมื่อรับสาย ถังหลินก็ไม่อ้อมค้อม เริ่มถามขึ้นมาโดยตรง
ด๊อกเตอร์กู่โดนถังหลินถามก็เกิดอาการมึน ทว่าก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ไม่มี เมื่อวันผมไม่มีเคสผ่าตัด ไม่มีคนไข้นัดตรวจด้วย ผมอยู่ในห้องทำงานคนเดียวตลอดจนคุณมาหาผม อย่าว่าระหว่างสิบนาทีเลย แม้แต่ระหว่างหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีใครมาหาผม และผมก็ไม่ได้เจอหน้าใคร”
“แล้วหลังจากที่คุณออกจากห้องทำงานไปที่โรงพยาบาลได้เจอใครบ้างไหมครับ?มีคนมาทักทายคุณหรือเปล่าครับ?”ถังหลินไล่ถามหนึ่งประโยค เพราะหลังด๊อกเตอร์กู่ออกจากห้องทำงาน เขาไม่ได้ตามไป
“ไม่มี ตอนนั้นผมรีบไปโรงพยาบาลมาก ถึงแม้จะมีคนทักทายผม ผมก็ไม่มีเวลาสนใจหรอก”ด๊อกเตอร์กู่ยังคงตอบรวดเร็วมาก ตอบอย่างมีเหตุมีผล ตอนนั้นเขารีบไปดูตัวลูกศิษย์ มีเวลาสนใจเรื่องอื่นที่ไหน
“ระหว่างที่คุณออกจากห้องทำงานไปที่ห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ มีคนแตะตัวคุณไหมครับ?”ถังหลินยังคงไม่วางใจ มีคนแกล้งไม่ระวังสัมผัสกับด๊อกเตอร์กู่หรือเลป่า จากนั้นก็แอบวางอุปกรณ์ไว้ที่ตัวของด๊อกเตอร์กู่?
“ไม่มี ไม่มีคนแตะตัวผมเลย”ด๊อกเตอร์กู่ตอบอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขาหยุดพูดชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่ตอนที่ผมถึงโรงพยาบาลตี้อี หมอในโรงพยาบาลนั้นมาล้อมตัวผม พวกเขาตามผมไปถึงห้องคนไข้ ดังนั้นระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะคนเยอะมาก ถึงแม้พวกเขาไม่ได้แตะตัวผม แต่ก็มีหลายคนอยู่ใกล้ผมมาก”
สถานการณ์ตอนนั้นเขาก็รู้สึกหงุดหงิด ไล่คนพวกนั้นไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอม เขาไม่มีทางเลือกจริงๆ
ถังหลินได้ยินคำพูดของด๊อกเตอร์กู่ พลางกะพริบตารัวๆ“ด๊อกเตอร์กู่คุณตรวจดูเสื้อผ้ากับของที่คุณใช้เมื่อวานว่ามีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่าครับ?”
ถังหลินรู้สึกว่าระหว่างประตูทางเข้าโรงพยาบาลถึงห้องคนไข้ ตอนนั้นมีคนล้อมด๊อกเตอร์กู่มากมาย หากมีคนอยากลงมือก็ถือว่ามีโอกาส
ตอนนั้นด๊อกเตอร์กู่ต้องรู้สึกรำคาญ ดังนั้นความระวังตัวจึงลดลง พบสิ่งผิดปกติได้ยาก
ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนลงมือตอนนั้น!!