ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1285 ฐานะตัวตนของเจ้าหญิง (4)
หัวหน้ายังให้เขาไปสืบเรื่องของถังไป๋เชียนอยู่ แสดงว่าหัวหน้าก็ยังสนใจเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอยู่!!
หัวหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เพียงเพราะว่าการรายงานของอะเหลียง และคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิงของพวกเขา
ขอแค่หัวหน้ายังมีเรื่องให้เป็นห่วงก็ดีแล้ว!!
“ยังมีลูกอีกสองคนไม่ใช่เหรอ? ถังไป๋เชียนอาจจะเป็นพ่อของลูก” อะเหลียงได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งแล้วก็ตะลึงงันไปเลย นี่เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
ทำถึงจะให้ถังไป๋เชียนเจอดีล่ะ? เข้าใจเรื่องราวชัดเจนหมดแล้วเหรอ?
“นายรู้ได้ยังไงว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของถังไป๋เชียนแน่นอนล่ะ? ไม่แน่เด็กอาจจะเป็นของคุณชายสามเย่ก็ได้ ก่อนหน้านี้นายบอกว่าคุณชายสามเย่เคยแต่งงานกับเวินลั่วฉิงไม่ใช่เหรอ?” ขณะนี้ผู้ดูแลจ้งรู้สึกไม่ชอบถังไป๋เชียนมากๆ ได้ยินคำพูดของอะเหลียงแล้ว ก็คัดค้านทันที
“เย่ซือเฉินแต่งงานกับเวินลั่วฉิงเป็นเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว แต่งงานสามเดือนก็หย่ากันแล้ว เด็กสองคนนั้นอายุห้าขวบแล้ว เวลาก็ไม่ตรงกัน” อะเหลียงมองไปทางผู้ดูแลจ้ง จู่ๆก็หมดคำพูด ผู้ดูแลจ้งที่ทำได้ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นคนสภาพแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขายังเป็นผู้ดูแลจ้งที่ทำได้ทุกอย่างที่เขารู้จักอยู่หรือเปล่า?
“เย่ซือเฉินเมื่อห้าปีก่อนจะรู้จักกับเวินลั่วฉิงเหรอ? พวกเขาสองคนจะมีการติดต่อกันเมื่อห้าปีก่อนเหรอ?” ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าการคัดค้านของตัวเองในเมื่อกี้ไม่ค่อยถูกต้อง ทว่าถึงแม้ตอนนี้เวลาจะไม่ตรงกัน ไม่แน่เมื่อห้าปีก่อนเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงอาจจะรู้จักกันแล้ว ทั้งสองอาจจะคบกันแล้ว
“ไม่รู้จัก ห้าปีก่อนเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงไม่รู้จักกัน ระหว่างทั้งสองไม่มีการติดต่อใดๆ ต่อกัน” อะเหลียงส่ายหัวเลย ตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นที่โรงแรม คนนอกต่างก็ไม่รู้ ตอนนั้นเวินลั่วฉิงให้คนลบภาพทั้งหมดในกล้องวงจรปิดทิ้ง แม้กระทั่งเย่ซือเฉินก็สืบไม่เจอ ดังนั้นช่วงเวลาหนึ่งวันสั้นๆของอะเหลียงนี้ไม่ได้สืบเจออะไร
คุณปู่เย่และคุณย่าเย่สืบเจอเรื่องเมื่อห้าปีก่อน เป็นเพราะว่ารู้จักถังจื่อซี อีกอย่างเรื่องเมื่อห้าปีก่อนเย่ซือเฉินก็รู้แล้ว และมีอีกไม่กี่คนที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับเย่ซือเฉินก็รู้แล้ว ดังนั้นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่จึงสืบเจอ
คนนอกนั้นสืบยากมากจริงๆ
“นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่รู้จักกันแน่นอน? นายรู้ได้ยังไงว่าเมื่อห้าปีก่อนพวกเขาไม่มีการติดต่อกัน ที่นายไม่รู้ อาจจะเพราะนายสืบไม่เจอ” ผู้ดูแลจ้งไม่พอใจมาก คำพูดนี้ของผู้ดูแลจ้งมีความหมายตั้งใจต่อต้านอยู่ ไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกที่ทำได้ทุกอย่างดั่งผู้ดูแลจ้งเลย
จริงๆแล้วผู้ดูแลจ้งไม่ได้สงสัยในความสามารถของอะเหลียง เขารู้จักกับอะเหลียงมานานขนาดนี้ ความสามารถของอะเหลียงนั้นเขารู้ดี สิ่งที่อะเหลียงสืบเจอ อีกอย่างยังมารายงานหัวหน้าโดยเฉพาะ รวมๆถือว่าไม่เลวแล้ว
หลักๆคือผู้ดูแลจ้งไม่ชอบยัยถังไป๋เชียนมากๆ ผู้ดูแลจ้งไม่หวังว่าลูกเป็นของถังไป๋เชียน เขาหวังว่าลูกเป็นของเย่ซือเฉินมากกว่า ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนี้คนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังชอบคือเย่ซือเฉิน
อีกอย่างยัยถังไป๋เชียนนั่นทำให้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังโดนด่าด้วย เพียงแค่จุดนี้ ก็ไม่ผ่านแล้ว ไม่ผ่าน!!
ถึงแม้ว่าอะเหลียงจะทำผิดพลาดไป คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิงของพวกเขา ทว่าช่วงเวลานี้เขาเป็นห่วงคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจนชินแล้ว ดังนั้นการตอบสนองแรกก็คืออยากปกป้องคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
อะเหลียงมองดูผู้ดูแลจ้ง อดเบ้ปากขึ้นไม่ไหว ผู้ดูแลจ้งคนนี้เป็นของปลอมหรือเปล่า? หรือว่ามีใครมาสิงร่างแล้ว?
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้อะเหลียงจะได้ยินกับหู ก็ไม่กล้าเชื่อว่าผู้ดูแลจ้งที่ทำได้ทุกอย่างจะพูดประโยคนี้ออกมา
ทันใดนั้นอะเหลียงไม่รู้เลยว่าควรตอบยังไงดี!!
“หัวหน้า ท่านว่าลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นของใครครับ?” ผู้ดูแลจ้งไม่ได้สนใจอารมณ์จองอะเหลียงในตอนนี้เลย กลับหันไปถามหัวหน้าของตัวเองด้วย ถามหาความเห็นจากหัวหน้าตัวเอง
ผู้ดูแลจ้งที่ทำได้ทุกอย่างได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างสิ้นเชิงแล้ว!!
อะเหลียงรู้สึกตะลึงงันอีกครั้ง ผู้ดูแลจ้งจะเป็นผีบ้าคนเดียวก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าจะใช้คำถามแบบนี้มาถามหัวหน้า? ผู้ดูแลจ้งถูกสิงร่างจริงๆแล้วเหรอ?!
อะเหลียงเบ้ปากแรง ผู้ดูแลจ้งเป็นบ้า หัวหน้าก็จะเป็นบ้าตามเขาเหรอ หัวหน้าจะตอบคำถามแบบนี้กับเขายังไง?!
นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน สิ่งที่จะทำให้หัวหน้าของเขาตอบต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ไม่มีทางเป็นคำถามที่ปัญญาอ่อน และไร้ความหมายดั่งคำถามของผู้ดูแลจ้ง
ยิ่งไปกว่านั้นคือคำถามที่ว่าลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นของใครกันแน่ จนถึงตอนนี้ พวกเขาที่เป็นคนนอกไม่มีใครรู้เลย พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นของใคร ดังนั้นหัวหน้าของพวกเขายิ่งไม่มีทางแสดงความเห็นแบบนี้ง่ายๆ แน่นอน
ทว่า ซ่างกวนหงคิดอย่างตั้งใจไปสักพัก จากนั้นก็วิเคราะห์อย่างตั้งใจขึ้นมา “ลูกไม่มีทางเป็นของถังไป๋เชียนแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นของเย่ซือเฉิน”
อะเหลียงอึ้งไปเลย ขอถามหน่อยว่าหัวหน้าที่ชาญฉลาดที่สุดของพวกเขาเอาสรุปนี้มาจากไหน ถังไป๋เชียนเอาผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว เปิดเผยแล้วแท้ๆ นี่จะปลอมได้อีกเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เรื่องในครั้งนี้ที่เขาสืบเจอไม่มีทางผิดแน่นอน ห้าปีก่อนเย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงไม่รู้จักกันแน่นอน และไม่มีการติดต่อกัน อีกอย่างเวินลั่วฉิงและถังไป๋เชียนรู้จักกันตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์ก็สนิทสนมกันมาโดยตลอด
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงคิดว่าลูกเป็นของถังไป๋เชียนสินะ?
ทำไมหัวหน้าถึงไม่คิดว่าลูกเป็นของถังไป๋เชียนล่ะ? หัวหน้ากลับคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ลูกจะเป็นของเย่ซือเฉิน
อะเหลียงรู้สึกว่าหัวหน้าที่ชาญฉลาดที่สุดของพวกเขาอาจจะถูกผู้ดูแลจ้งนำผิดไปแล้ว
“นายดูสิ หัวหน้ายังบอกเลยว่าเด็กไม่ใช่ของถังไป๋เชียน มีความเป็นไปได้ที่เป็นของเย่ซือเฉิน” ผู้ดูแลจ้งได้ใจใหญ่ ผู้ดูแลจ้งไม่เคยสงสัยในคำพูดของหัวหน้าเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือคำพูดของหัวหน้าในตอนนี้ตรงใจผู้ดูแลจ้งพอดี ผู้ดูแลจ้งยิ้มเบิกบานเลยทีเดียว
อะเหลียงเบ้ปากแรง ระหว่างนั้นไม่รู้ควรพูดอะไรดี เขานำหลักฐานทั้งหมดออกมาวางแล้ว ทว่าหัวหน้ากับผู้ดูแลจ้งต่างก็ทำเหมือนไม่เห็น เขายังมีวิธีไหนอีก?
“ในเมื่อลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่ของถังไป๋เชียน งั้นเราก็ไม่ต้องเกรงใจถังไป๋เชียนแล้ว” ผู้ดูแลจ้งนึกถึงคำสั่งก่อนหน้านี้ที่หัวหน้าให้เขาไปทำ เขารู้สึกว่าตอนนี้สามารถวางมือไปทำได้แล้ว
“ผู้ดูแลจ้ง บางเรื่องก็ยังต้องสืบให้ชัดเจนก่อนครับ” ตอนแรกอะเหลียงจะไม่พูดแล้ว ทว่าได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งแล้วก็อดไม่ได้
ฟังจากความหมายของผู้ดูแลจ้งแล้วคือไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว แต่นี่หากลูกเป็นของถังไป๋เชียนขึ้นมาจริงๆล่ะ? ถึงแม้ว่าจะสืบชัดเจนแล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่ลูกสาวของหัวหน้า!! ทว่า……