ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1290 ซ่อนได้ลึกมาก (2)
พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ สีหน้าของโจ๋วชิงก็สุขุมลง เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วดูมืดมนลงเล็กน้อย!
“ซองเอกสารที่คุณให้ผมในเมื่องานใส่อะไรไว้?” โจ๋วชิงเปิดปากก็ถามตรงๆเลย อีกอย่างน้ำเสียงเย็นชามาก
อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหยวนหยูตะลึงงันไปเลย เธอคิดไม่ถึงว่าโจ๋วชิงจะโทรหาเธอ เธอยิ่งคิดไม่ถึงว่าโจ๋วชิงถามคำถามแบบนี้กับเธอ ในซองเอกสารนั้นต่างก็เป็นจดหมายที่เขาเขียนให้เธอ เธอบอกกับเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากที่เขาดูแล้วก็คงจะรู้ ทำไมถึงต้องทำเธอเช่นนี้ล่ะ?
อีกอย่างเธอฟังออกว่าน้ำเสียงของเขามีความโมโห ทำไมเขาถึงโมโหขนาดนี้?
หากเป็นเพราะว่าเธอคืนจดหมายให้เขาจึงโมโห เขาก็ควรจะโมโหตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีทางที่จะมาถามเธอในวันนี้ ดังนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เธอไม่รู้?
หรือว่า ในมีสิ่งของอะไรที่เธอไม่รู้อยู่ในซองเอกสารนั่น?
หัวใจของหยวนหยูตกลงไปถึงตาตุ่ม เธอนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง และเธอก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีความเป็นไปได้ที่คนนั้นจะใส่ของที่เธอไม่รู้ลงในซองเอกสาร
ฟังจากน้ำเสียงของโจ๋วชิง หยวนหยูก็เข้าใจ เรื่องนี้ต้องหนักมาแน่ๆ
หลังจากคิดเรื่องทั้งหมดเข้าใจแล้ว โจ๋วชิงก็ยืนตัวตรงทันที มือที่เธอจับโทรศัพท์ก็แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทว่ายิ่งแน่นขึ้น ก็ยิ่งใช้แรงมาก มือเขาเธอก็ยิ่งทนกับความสั่นไม่ไหว
เป็นเช่นนี้อีกแล้ว แปดปีก่อนก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ วิธีการที่ร้ายกาจแบบนี้ คนคนนั้นเล่นไม่เบื่อเลย
ทว่า เธอกลับไม่มีวิธีอื่น แปดปีก่อนไม่มี แปดปีหลังในตอนนี้ก็ไม่มี
“ทำไมเหรอ?” หยวนหยูพยายามให้ตัวเองเงียบสงบลง พยายามให้น้ำเสียงของตัวเองเป็นเหมือนปกติ ห้ามเผยความผิดปกติออกมามากเกินไป
“ทำไมเหรอ? คุณถามผมว่าทำไมเหรอ? เรื่องที่คุณทำเองคุณไม่รู้เหรอ?” โจ๋วชิงได้ยินคำว่าทำไมเหรออย่างเฉยชาของเธอ ยิ่งโมโหไปใหญ่ เธอทำเรื่องแบบนี้ออกมายังถามอีกว่าทำไมเหรอ?
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่?” เพราะว่ามือที่จับโทรศัพท์ของหยวนหยูใช้แรงมากเกินไป เริ่มช้ำเล็กน้อยแล้ว เธอใช้แรงมากที่สุดควบคุมไม่ให้น้ำเสียงของตัวเองสั่น ห้ามเผยความผิดปกติออกมามากเกินไป
“คุณไม่เข้าใจ?” โจ๋วชิงหัวเราะออกมาเลย โมโหจนหัวเราะแล้ว เรื่องที่เธอทำเอง ตอนนี้เธอกลับยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก?
ใช่ ผู้หญิงคนนี้เก่งเรื่องเสแสร้งที่สุดแล้ว เสแสร้งใสซื่อ เสแสร้งบริสุทธิ์ เสแสร้งอ่อนโยน ตอนนั้นเธอก็ใช้พวกนี้มาหลอกเขานั่นแหละ ตอนนี้ก็ยังคิดที่จะใช้พวกนี้มาหลอกเขา?
เธอคิดว่าเขายังเป็นไอ่โง่ในตอนนั้นอีกเหรอ?
“หยวนหยู อยู่ต่อหน้าผม คุณไม่ต้องเสแสร้งแล้ว ไม่จำเป็น เพราะว่าผมรู้ธาตุแท้ของคุณแล้ว ผมมองออกตั้งนานแล้ว” สีหน้าของโจ๋วชิงในตอนนี้มืดมนเป็นพิเศษ น้ำเสียงก็เย็นชามากๆ แต่ว่าภายใต้ความเย็นชาแบบนี้ ก็ยังมีเปลวไฟที่กดทับไม่อยู่
อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ ร่างกายของหยวนหยูสั่นโดยทนไม่ไหว สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน นัยน์ตาคู่นั้นก็ไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดจนปลดปล่อยออกมา
เธอรู้ เธอรู้หมด หลังจากเรื่องเมื่อแปดปีที่แล้ว เธอก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเชื่อใจเธออีกแล้ว ทว่าตอนนี้เธอได้ยินเขาพูดแบบนี้กับหูตัวเอง ในใจของเธอเจ็บปวดมากจริงๆ เจ็บปวดมาก
“ทำไม? ถูกฉันจับได้แล้ว ไม่สามารถแก้ตัวได้แล้ว?” โจ๋วชิงไม่ได้ยินเสียงของเธอ ดวงตาคู่หนึ่งก็หรี่ตาลง แปดปีก่อน เธอก็เป็นเช่นนี้
หยวนหยูกัดฟันของตัวเองแน่น ควบคุมตัวเองสุดความสามารถ ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ไม่ให้ตัวเองส่งเสียงผิดปกติออกมา
“พูดเถอะ ทำไมเธอถึงใส่เครื่องดับฟังไว้ในซองเอกสาร?” โจ๋วชิงเห็นเธอไม่ส่งเสียงเลย สีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดเรื่องให้ชัดเจนก่อน เขาจะลองฟังดูว่าเธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง
หยวนหยูที่อยู่อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องหนักแน่ๆ ทว่าเธอคิดไม่ถึงว่าจะหนักถึงขั้นนี้ ในซองเอกสารนั้นกลับใส่เครื่องดับฟังไว้
เครื่องดับฟัง? ดับฟังใคร?
โจ๋วชิงเหรอ?
ทว่าทำไมถึงต้องดับฟังโจ๋วชิง? สิ่งเหล่านี้พูดไม่ถูก หยวนหยูคิดได้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น
หยวนหยูในขณะนี้เพราะว่าตกใจมากเกินไป ทันใดนั้นก็ลืมการตอบสนองของตัวเองไป ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบคำพูดของโจ๋วชิง อีกอย่างเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนนั้นต้องปิดบังเธอแล้วแอบใส่เครื่องดับฟังไว้ในซองเอกสาร
ในตอนที่คนนั้นให้เธอคืนจดหมายพวกนี้กับโจ๋วชิง เธอคิดว่าเป็นเพราะให้เธอตัดขาดกับโจ๋วชิงอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแปดปีแล้ว แปดปีมานี้เธอกับโจ๋วชิงก็ไม่ได้ติดต่อกัน จดหมายพวกนั้นคือความทรงจำสุดท้ายที่เธอเก็บไว้ เธอไม่อยากคืนให้โจ๋วชิง ไม่อยากเลย
ความต้องการของคนนั้นในแบบนี้เธอเข้าใจ ทว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ทว่าเธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนคนนั้นจะใส่เครื่องดับฟังไว้ในซองเอกสาร
ดังนั้น สำหรับการถามของโจ๋วชิง เธอไม่สามารถตอบได้เลย
“หยวนหยู คุณคิดว่าทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นแล้วคุณเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรก็ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?” หน้าอกของโจ๋วชิงในขณะนี้ขึ้นๆลงๆไม่หยุด สีหน้าเย็นชามาก ทว่าในใจกลับโมโหมาก
แปดปีก่อนก็เป็นเช่นนั้น ตอนที่เขารู้เรื่องของเธอแล้ว เธอก็เอาแต่เงียบ ไม่พูดเลยสักประโยค แม้กระทั่งการอธิบายก็ไม่ให้เขา
“หยวนหยู เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงบ้านถัง เกี่ยวโยงไปถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง คุณคิดว่าคุณไม่พูดก็ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? ผมขอแนะนำให้คุณพูดเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน”
สีหน้าของหยวนหยูเปลี่ยนไปอีกครั้ง บ้านถัง? ทำไมถึงเกี่ยวโยงไปถึงบ้านถัง เกี่ยวอะไรกับบ้านถัง
“หมายความว่าอะไร?” หยวนหยูไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเธอฟังจากน้ำเสียงของโจ๋วชิงแล้ว เธอก็เข้าใจว่าเรื่องนี้คงหนักกว่าที่เธอคิด
“หมายความว่าอะไร? คุณถามผมว่าหมายความว่าอะไร? คุณรู้ว่าเมื่อวานผมไปที่โรงพยาบาลตี้อีทำไม คุณคงเดาออกว่าหลังจากเสร็จงานแล้วผมจะส่งเด็กกลับไป ผมจะไปบ้านถัง ดังนั้น คุณใส่เครื่องดับฟังไว้ในซองเอกสาร ผมจะพกซองเอกสารไปที่บ้านถัง แน่นอนว่าคุณจะสามารถได้ยินการพูดคุยของพวกเราที่บ้านถัง หยวนหยู ไม่เจอกันหลายปี คุณยิ่งอยู่ยิ่งสุดยอดแล้วจริงๆ” โจ๋วชิงได้ยินการถามกลับของหยวนหยูแล้ว อดหัวเราะไม่ไหวจริงๆ เธอเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด เธอกลับถามว่าหมายความว่าอะไร
“ไปบ้านถัง?” หยวนหยูได้ยินข่าวนี้ยิ่งตกใจไปใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามไปอีกประโยค การถ่ายทอดสดในเมื่อวานแน่นอนว่าเธอดูแล้ว แน่นอนว่าเธอรู้ว่าโจ๋วชิงมาโรงพยาบาลเพราะช่วยเด็กคนนั้น ทว่านี่เกี่ยวอะไรกับบ้านถัง? แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง?
หรือว่าเด็กคนนั้นเป็นของบ้านถัง? หรือว่าเด็กคนนั้นเป็นของถังหลิน? ดังนั้นโจ๋วชิงรับเด็กแล้วจึงไปที่บ้านถัง?!