ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1309 ใช่เธอหรือเปล่า (1)
“ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตรรกะเท่าไหร่ คุณกับโจ๋วอันหนานโตมาด้วยกัน คงจะเข้าใจโจ๋วอันหนานมากกว่า คุณไม่มีความคิดอะไรบ้างเลยหรือคะ?”
เวินลั่วฉิงเองก็เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น ไม่มีหลักฐาน เธอก็จะไม่ตัดสินอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธออยากจะฟังการวิเคราะห์ของเย่ซือเฉิน
ดวงตาของเย่ซือเฉินกระพริบลงเบาๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อย เขาไม่ได้เอ่ยพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินเองก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่สไตล์ของโจ๋วอันหนาน
“ฉิงฉิง เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้หึง?” ถังหลินมองไปยังเวินลั่วฉิงแล้วอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ว่ากันตามความจริงแล้ว เมื่อครู่นี้เขารู้สึกว่าฉิงฉิงกำลังหึง แต่ต่อให้ฉิงฉิงจะรู้สึกหึงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
โจ๋วอันหนานเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ฐานะทางครอบครัว หรือจะเป็นรูปร่างหน้าตา ล้วนแต่เป็นอันดับหนึ่ง คนแบบนี้มาชอบเย่ซือเฉิน ฉิงฉิงก็ควรจะร้อนใจอยู่แล้ว
“นี่พี่ อย่าพูดแทรกได้ไหม? ตอนนี้พวกเรากำลังพูดถึงคำถามที่จริงจังกันอยู่นะ” เวินลั่วฉิงถลึงตาใส่ถังหลิน ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่รู้สึกนะว่าถังหลินจะพูดมากขนาดนี้
“ใช่ ใช่ คำถามที่จริงจัง โจ๋วอันหนานชอบซือเฉิน นี่คุ้มค่ากับการเป็นคำถามที่จริงจังให้ต้องคุยกันดีๆจริงๆนั่นแหล่ะ แต่ซือเฉินโดดเด่นขนาดนั้น โจ๋วอันหนานชอบซือเฉินก็เป็นเรื่องปกตินะ แปลกอะไรกัน เธอหึงก็หึง จะต้องมาหาเหตุผลอะไรให้มากมายขนาดนั้น” ถังหลินสบสายตาของเวินลั่วฉิงที่จ้องมองมา รอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จะว่าไปจริงๆแล้วท่าทางหึงหวงของฉิงฉิงเมื่อครู่นี้ก็น่ารักดีออก เขาหวังอยากจะให้ฉิงฉิงน่ารักและมีชีวิตชีวาให้มากเหมือนเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่ช่วงนี้ตระกูลถังเกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน นับตั้งแต่หลังจากที่ฉิงฉิงกลับมายังตระกูลถัง เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถปกป้องฉิงฉิงได้เพียงเท่านั้น ยังทำให้ฉิงฉิงต้องมาเปลืองแรงและหนักใจกับเรื่องของตระกูลถังอีก พี่ชายอย่างเขาเห็นแล้วก็รู้สึกเห็นใจมากจริงๆ
แต่เรื่องวันนี้ยิ่งมุ่งเป้าไปที่ฉิงฉิง พวกเขาสืบเบาะแสที่เป็นประโยชน์มานานขนาดนั้นกลับขาดตอนไปแล้ว ในใจของเขาล้วนเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ในใจของฉิงฉิงจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน ดังนั้นถังหลินอยากจะทำให้เวินลั่วฉิงผ่อนคลายความรู้สึกขึ้นมาบ้าง
เขาก็หวังให้ฉิงฉิงของเขาสามารถหึงหวงมีความออดอ้อนเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆเหมือนกัน
“โจ๋วอันหนานชอบซือเฉินก็เป็นเรื่องปกติมาก แต่เธอไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาเลย แม้กระทั่งไม่เคยเปิดเผยออกมาเลยเสียด้วยซ้ำ โจ๋วอันหนานเป็นคนที่มั่นใจตัวเองอย่างเด็ดขาด ทั้งๆที่ชอบแต่กลับไม่แสดงออกมานี่มันไม่สอดคล้องกับสไตล์โจ๋วอันหนานเลยใช่ไหมคะ?” เวินลั่วฉิงเข้าใจถึงเจตนาของถังหลินอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขา
“โจ๋วอันหนานฉลาดมาตั้งแต่เด็ก และแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็จะไม่ยอมแพ้ให้ใครมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว เพียงแค่เป็นเป้าหมายที่โจ๋วอันหนานกำหนดอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็จะไม่มีทางที่จะไม่คิดหาวิธีเพื่อให้บรรลุไปให้ถึง ตั้งแต่เด็กเพียงแค่เป็นเรื่องที่โจ๋วอันหนานอยากจะทำ ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ สิ่งที่เธออยากจะได้มา ก็ไม่มีทางที่จะไม่ได้มันมาด้วยเช่นกัน วิเคราะห์แบบนี้แล้ว เรื่องนี้ก็ดูไม่ค่อยจะปกติอยู่จริงๆ” คิ้วของถังหลินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ตอนนี้ได้ยินเวินลั่วฉิงพูดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆอยู่บ้างเช่นกัน
สิ่งที่โจ๋วอันหนานชอบจะต้องปิดซ่อนไว้ทำไมกัน?
ถังหลินหันไปมองเย่ซือเฉิน : “แต่ อาจจะเป็นเพราะเธอกลัวว่าจะถูกซือเฉินปฏิเสธ เธอเองก็ดูหยิ่งมาโดยตลอด”
“พี่ใหญ่ เมื่อกี้เพิ่งจะบอกว่าเรื่องที่โจ๋วอันหนานอยากจะทำก็ไม่มีเรื่องที่เธอทำไม่ได้ สิ่งที่เธออยากได้ก็ไม่มีที่จะไม่ทำให้ได้มันมา ถ้าหากเธอชอบซือเฉินมาหลายปีแล้วจริงๆ แต่จู่ๆซือเฉินกลับแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังแต่งงานกับคนที่ทั้งขี้เหร่ทั้งโง่แล้วก็ไม่สามารถมีลูกให้ได้ด้วย แบบนี้พี่รู้สึกว่าโจ๋วอันหนานจะทำอย่างไรคะ?” เวินลั่วฉิงรู้ว่าโจ๋วอันหนานแอบรักเย๋ซือเฉินมาหลายปีขนาดนี้แต่กลับไม่ได้สารภาพรักอาจจะเป็นเพราะกลัวว่าจะถูกเย่ซือเฉินปฏิเสธ
เพราะถึงอย่างไรเมื่อก่อนเย่ซือเฉินก็ปฏิเสธผู้หญิงให้อยู่ไกลเป็นพันลี้มาโดยตลอด ก่อนหน้าฉิงฉิงแล้ว เย่ซือเฉินไม่เคยมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อนเลย
แต่ถ้าหากโจ๋วอันหนานรู้ว่าเย่ซือเฉินแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน
โดยเฉพาะตอนที่เย่ซือเฉินแต่งงานกับเธอ เธอทั้งขี้เหร่ทั้งโง่ อีกทั้งโจ๋วอันหนานยังรู้อีกด้วยว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้
ถังหลินรู้สึกอึ้งไป ดวงตาคู่นั้นมองตรงไปยังเวินลั่วฉิง เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนถังหลินไม่เคยนึกถึงเลย แต่ตอนนี้เวินลั่วฉิงพูดขึ้นมา เขาก็คิดได้ขึ้นมาในทันทีว่าอาจจะเป็นอย่างไร ถึงแม้เขาจะไม่ได้เรียนด้านจิตวิทยา แต่ก็เข้าใจสไตล์ในแบบปกติของโจ๋วอันหนานอยู่เช่นกัน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร แต่เธอจะต้องไม่เฉยเมยอย่างแน่นอน” ตอนที่ถังหลินพูดออกมานั้นก็แอบถอนหายใจออกมา น้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก จากสไตล์และนิสัยอย่างโจ๋วอันหนานแล้ว จะต้องเป็นแบบนี้อย่างแน่นอน
“แต่หลังจากที่เธอกับซือเฉินแต่งงานกันแล้ว ดูเหมือนว่าโจ๋วอันหนานจะไม่ได้ทำอะไรเลย” ถังหลินขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เขานึกไปถึงตอนที่ฉิงฉิงกับเย่ซือเฉินแต่งงานกันช่วงนั้นโจ๋วอันหนานก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
“ตอนนั้นพวกเราแอบแต่งงานกัน คนที่รู้ก็มีไม่มาก ตอนแรกเธอคงจะไม่รู้” ครั้งนี้ เย่ซือเฉินตอบคำถามของถังหลิน
“แต่ ต่อมาผมรู้ว่าเป็นเพราะฉิงฉิงได้รับบาดเจ็บจึงไม่สามารถมีลูกได้ ก็เลยคิดจะหาเธอให้ช่วยดูฉิงฉิง ตอนนั้น แน่นอนว่าเธอคงจะรู้แล้ว” ตอนที่เย่ซือเฉินเอ่ยพูดออกมานั้นดวงตาคู่นั้นของเขาหม่นหมองลง ตอนนั้นที่เขาไปหาโจ๋วอันหนานก็เป็นเพราะเขาเชื่อใจโจ๋วอันหนาน แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับเชื่อผิดคน
“ต่อมา คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่รู้เรื่องที่ฉิงฉิงไม่สามารถมีลูกได้ ก็ได้ข่าวนี้มากจากโจ๋วอันหนานนี่แหล่ะ” เกี่ยวกับจุดนี้ ตอนนั้นโจ๋วอันหนานเคยอธิบายกับเขาแล้ว ตอนนั้นโจ๋วอันหนานไม่อยู่ที่ออฟฟิศพอดี คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เห็นใบรับรองแพทย์ที่อยู่บนโต๊ะเกี่ยวกับเวินลั่วฉิงที่ไม่สามารถมีลูกได้เข้าพอดี
ตอนนั้น ถึงแม้เขาจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เนื่องจากเขารู้ว่าโจ๋วอันหนานทำอะไรด้วยความรอบคอบมาโดยตลอด ไม่ควรจะเอาใบรับรองแพทย์วางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ระวังจนถูกคนอื่นเห็นเข้าแบบนี้
แต่ตอนนั้นเขายังคงเชื่อที่โจ๋วอันหนานอธิบาย
“เพราะฉะนั้น ตอนนั้นเธอตั้งใจที่จะเอาเรื่องนี้เปิดเผยกับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่อย่างนั้นหรือ?” ถังหลินเป็นคนฉลาด ได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินก็นึกถึงจุดนี้ได้แล้ว
“ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้นี้ออกไป” ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะไม่ได้แน่ใจมากนัก แต่กลับไม่ปฏิเสธ
“หลังจากที่คุณปู่เย่ได้รับบาดเจ็บก็เข้ามาพักที่โรงพยาบาลของโจ๋วอันหนานพอดี ทั้งๆที่โจ๋วอันหนานรู้ว่าคุณปู่เย่ไม่ได้บาดเจ็บก็ยังยอมให้คุณปู่เย่พักที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นโจ๋วอันหนานเองก็ตั้งใจเช่นกัน” เรื่องราวตอนนั้นวุ่นวายกันมาก ตอนนั้นฉิงฉิงได้กลับมายังตระกูลถังแล้ว โดยที่ตระกูลถังเองก็คอยสังเกตเรื่องนี้อยู่ตลอดด้วยเช่นกัน ดังนั้นถังหลินจึงชัดเจนในแต่ละรายละเอียดเป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดมาทางด้านนี้เลย ไม่เคยสงสัยโจ๋วอันหนานมาก่อน แต่ถ้าหากตอนนั้นเรื่องที่ฉิงฉิงมีลูกไม่ได้โจ๋วอันหนานตั้งใจที่จะเปิดเผยให้ผู้สูงวัยทั้งสองคนตระกูลเย่ ถ้าเช่นนั้นแล้วหลายๆเรื่องก็อาจจะมีโจ๋วอันหนานเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
“ยังมีตอนนั้นที่พันแผลที่ขาคุณปู่เย่อีก ฉันจำได้ว่าตอนนั้นการทำแผลของคุณปู่เย่ดูมีความเชี่ยวชาญอีกด้วย จะต้องเป็นแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลทำให้อย่างแน่นอน ถ้าหากไม่มีการยอมรับจากโจ๋วอันหนาน แพทย์ที่โรงพยาบาลจะต้องไม่ทำแบบนี้ให้อย่างแน่นอน” เรื่องหนึ่งกระจ่างแล้ว หลายๆเรื่องหลังจากนั้นก็สามารถเชื่อมปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้แล้ว
“แต่ ต่อมาโจ๋วอันหนานเรียกนักข่าวมาล้างมลทิน สถานการณ์ในตอนนั้นอยู่ในการควบคุมของคุณปู่เย่ ในเมื่อโจ๋วอันหนานตั้งใจแล้ว ทำไมจะต้องรีบปรากฏตัวอธิบายขนาดนั้น…….” ถังหลินนึกถึงตอนนั้นที่โจ๋วอันหนานออกหน้ามาเปิดโปงเรื่องที่คุณปู่เย่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นวิธีของโจ๋วอันหนานนั้นนับว่าเป็นการช่วยฉิงฉิงจริงๆ
“ตอนนั้นเธอโทรมาอธิบายเรื่องนี้กับฉัน ตอนนั้นเธอคงจะฟังออกถึงความสงสัยของฉัน” ดวงตาของเย่ซือเฉินดูหนักหน่วงลงไปเล็กน้อย ถังหลินไม่รู้สาเหตุ แต่เขารู้ โจ๋วอันหนานฉลาดมาก แล้วก็ไวต่อความรู้สึกมากเช่นกัน ตอนนั้นโจ๋วอันหนานจะต้องฟังออกถึงความสงสัยนี้ของเขา ถึงได้ทำแบบนั้น และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ตัดออกด้วยเช่นกันว่าโจ๋วอันหนานตั้งใจที่จะพิสูจน์ให้เขาเห็น
“โจ๋วอันหนานนี่…….” ถังหลินอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เดิมทีล้วนแต่เติบโตมาด้วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยสงสัยในตัวโจ๋วอันหนานมาก่อนเลย คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังแล้วโจ๋วอันหนานจะมีการเคลื่อนไหวเล็กๆมากมายขนาดนั้น
“ตอนนี้ฉันกำลังสงสัยว่าคลิปวิดีโอบนอินเตอร์เน็ตในตอนนั้นก็จะเกี่ยวข้องกับโจ๋วอันหนานด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นคุณปู่เย่ใช้การกระโดดตึกมาเป็นการข่มขู่ ฉิงฉิงก็รับปากคุณปู่เย่ว่าจะไม่เข้ามายังตระกูลเย่ คุณปู่เย่ต้องการก็คือผลลัพธ์แบบนั้น ในเมื่อคุณปู่เย่ได้รับการรับประกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องก่อเรื่องให้ใหญ่โตอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้น คลิปในอินเตอร์เน็ตตอนนั้นยังลบตอนที่เวินลั่วฉิงรับปากคุณปู่เย่ออกไปด้วย ดังนั้นฉันก็เลยสงสัยว่าจะเกี่ยวกับโจ๋วอันหนานด้วย” ดวงตาที่เย็นชาของเย่ซือเฉินหรี่ลงเล็กน้อย กับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ เย่ซือเฉินเข้าใจอยู่แล้ว ตอนนั้นเขาได้ยินฉิงฉิงรับปากคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ตอนนี้มาคิดดูแล้ว นั่นคงจะไม่ใช่ความหมายของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่สินะ
เนื่องจากว่าตอนนั้นคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกเลย