ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1310 ใช่เธอหรือเปล่า (2)
“นายหมายความว่าคลิปนั้นโจ๋วอันหนานเป็นคนโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ตอย่างนั้นหรือ? หลังจากที่คุณปู่เย่เห็นคลิปแล้วถึงได้แสร้งทำเป็นบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล?” ถังหลินเข้าใจความหมายของเย่ซือเฉินในทันที เวลานี้ความรู้สึกที่แท้จริงของถังหลินนั้นเยือกเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ โจ๋วอันหนานก็ทำเกินไปแล้ว
“หรือบางทีแม้แต่เรื่องที่คุณปู่เย่เข้าโรงพยาบาลโจ๋วอันหนานอาจจะเป็นคนวางแผนด้วยก็ได้นะคะ” จู่ๆเวินลั่วฉิงก็ส่งเสียงเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค เธอจำได้ว่าหลังจากตอนนั้นที่เธอรับปากคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ ในตอนนั้น ทั้งสองคนก็พอใจกันแล้ว
ในเมื่อคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่พอใจแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องมาทรมานต่ออีก
อีกทั้งคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็อายุมากแล้ว ปกติแล้วก็ไม่ได้เข้าอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ ไม่สามารถเห็นคลิปบนอินเตอร์เน็ตได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้งต่อให้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เห็นแล้วค่อยไปที่โรงพยาบาลก็จะต้องช้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงสงสัยว่าโจ๋วอันหนานคงจะวางแผนเอาไว้ดีแล้วระหว่างนี้เพื่อให้คุณปู่เย่เข้าไปที่โรงพยาบาล
เวินลั่วฉิงรู้ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เชื่อในฝีมือทางการแพทย์ของโจ๋วอันหนานเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วการตรวจสุขภาพในทุกๆปีของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ล้วนแต่ทำที่โรงพยาบาลของโจ๋วอันหนานทั้งสิ้น โจ๋วอันหนานคิดอยากจะหาเหตุผลให้คุณปู่เย่นอนโรงพยาบาลนั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เพราะฉะนั้น เป็นไปได้มากว่าโจ๋วอันหนานจะวางแผนเอาไว้ก่อนให้คุณปู่เย่เข้ามานอนที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็เอาคลิปวิดีโอเหล่านั้นโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต เจตนาให้คุณปู่เย่เห็นคลิปที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต หลังจากนั้นก็จงใจแนะนำให้คุณปู่เย่แสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้วก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ได้ปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ยอมรับกับความคิดเห็นนี้ของเวินลั่วฉิงเช่นกัน
“เธอทำแบบนี้มีข้อดีอะไรกับเธอกัน?” สีหน้าของถังหลินยิ่งหนักหน่วงขึ้น : “ล้วนแต่โตมาด้วยกันทั้งนั้น ทำไมเธอถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นได้นะ”
“จุดประสงค์ของเธอมีเพียงแค่อย่างเดียวก็คือต้องการจะให้ฉันกับซือเฉินแยกจากกัน” รู้ความรู้สึกที่โจ๋วอันหนานมีต่อเย่ซือเฉินแล้ว เรื่องนี้ก็จะชัดเจนขึ้นมาได้เอง
“ต่อให้โจ๋วอันหนานทำให้ซือเฉินแยกกันกับเธอ ซือเฉินก็ไม่ได้เขานะ แล้วก็ไม่ได้จะแต่งงานกับเขาด้วย เขาอยากจะได้ก็คงไม่ได้หรอก วางแผนอยู่เบื้องหลังเอาไว้มากมายขนาดนี้ สู้ใจกว้างสารภาพรักกับซือเฉินครั้งนึงจะดีกว่า” ถังหลินไม่เข้าใจกับวิธีการของโจ๋วอันหนาน แล้วก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนนั้นเรื่องที่คุณปู่เย่แสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บเบื้องหลังจะยังมีความจริงที่อยากปกปิดเอาไว้แบบนี้อีก ใครจะไปคิดว่าทั้งหมดนี้โจ๋วอันหนานจะเป็นคนจัดการ เดิมทีทุกคนก็ล้วนแต่เชื่อใจโจ๋วอันหนานกันทั้งนั้น” ถังหลินถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะทุกคนเชื่อใจโจ๋วอันหนาน เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นความจริงแล้วโจ๋วอันหนานก็อาจจะไม่สามารถปิดบังต่อไปได้
“เรื่องเมื่อก่อนมันผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือปัญหาในตอนนี้” เวินลั่วฉิงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรถึงเรื่องราวเหล่านั้นที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เธอนึกถึงเรื่องราวตรงหน้ามากกว่า
“ฉิงฉิง เธอหมายความว่าเธอสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับโจ๋วอันหนานอย่างนั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่าถังหลินรู้สึกตกตะลึงไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้ที่โจ๋วอันหนานไปมีส่วนร่วมกับเรื่องที่คุณปู่เย่แสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ แต่เรื่องราวในวันนี้ไม่ได้คิดไปถึงโจ๋วอันหนานเลย
สองสามคนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดักฟังเมื่อวานนี้เกิดเรื่องขึ้นหมดแล้ว วิธีการที่โหดร้ายแบบนี้ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะโจ๋วอันหนานจะเป็นคนทำ
“ไม่มีหลักฐาน ฉันตัดสินไม่ได้หรอกค่ะ” เวินลั่วฉิงจะทำอะไรนั้นจะต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่พึ่งการคาดเดาและความสงสัย
“ฉิงฉิง เธอหมายความว่าเธอสงสัยว่าเรื่องนี้โจ๋วอันหนานจะเป็นคนทำจริงๆใช่ไหม?” หลังจากที่ถังหลินได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว สีหน้าท่าทางก็ยิ่งดูแข็งทื่อไปอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ใหญ่ พี่เห็นเรื่องนึงไหม?” เวินลั่วฉิงมองไปยังถังหลิน ดวงตาคู่นั้นดูซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
“อะไร?” ถังหลินงุนงงไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามออกมาโดยจิตใต้สำนึก เขาเชื่อในความสามารถของฉิงฉิง ฉิงฉิงจะไม่มีทางสงสัยอะไรอย่างไม่มีเหตุไม่มีผลอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ฉิงฉิงจะพูดว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน แต่ในใจฉิงฉิงนั้นจะต้องมีการใช้เหตุผลพิจารณาอย่างแน่นอน
“ทั้งสองคนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดักฟังเมื่อวานนี้ พวกเขาก็เกิดเรื่องขึ้นวันนี้ อีกอย่างทั้งสามคนก็ล้วนนับว่า ‘ป่วย’ ล้วนแต่เกี่ยวกับทางการแพทย์ทั้งนั้นเลย” ความจริงแล้วเวินลั่วฉิงคิดถึงตรงจุดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สงสัยในตัวโจ๋วอันหนาน
“ฉิงฉิงพูดถูก หยวนหยูฉีดยาให้ตัวเองจนทำให้หัวใจเกิดปัญหา คนที่เกิดเลือดออกในสมองขึ้นมากะทันหันนั้นก็คงจะกินยาอะไรไปเช่นกัน และยังมีคนที่จู่ๆก็เกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นมา สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างลึกลับไม่มีใครรู้ได้ขนาดนี้ คนๆนั้นจะต้องไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อีกทั้งจะต้องเข้าใจในเทคนิคการรักษาเป็นอย่างดีแน่นอน” ถังหลินวิเคราะห์ตรงจุดนี้ สีหน้าท่าทางหนักแน่นและจริงจังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เขาพบว่ายิ่งวิเคราะห์ เรื่องราวก็ยิ่งน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
“อีกทั้งคนๆนี้ก็ยังเข้าใจเรื่องราวของพวกเราเป็นอย่างดี และเข้าใจตระกูลถังดีด้วย” เย่ซือเฉินเอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปัญหานี้เขาก็คิดมาตลอดในช่วงก่อนหน้านี้เช่นกัน ความจริงแล้วเขานึกถึงโจ๋วอันหนานมาก่อนแล้ว ก็คือโจ๋วอันหนานอยู่ในขอบข่ายที่เขาสงสัยมาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับที่คุณปู่เย่แสร้งได้รับบาดเจ็บ
“แต่โจ๋วอันหนานคงจะยังไม่รู้เรื่องของจื่อโม่ เรื่องของเด็กๆสองคนพวกเรายังไม่เคยเปิดเผยออกไป โจ๋วชิงคงจะไม่ได้บอกโจ๋วอันหนาน…….” แน่นอนว่าถังหลินรู้ว่าโจ๋วอันหนานเข้าใจเรื่องของตระกูลถังดี แต่ถังหลินรู้สึกว่าโจ๋วอันหนานคงจะไม่รู้เรื่องของเด็กสองคนนั้น
“ไม่ค่ะ เธอรู้” เวินลั่วฉิงขัดคำพูดของถังหลินขึ้นมา
“เธอรู้? เธอรู้ได้อย่างไร? การรักษาความลับของตระกูลถังของเราทำมาได้ดีโดยตลอดนะ เรื่องของเด็กสองคนตระกูลถังปกปิดเอาไว้มาตลอด ว่ากันตามหลักแล้วโจ๋วอันหนานไม่มีเหตุผลที่จะรู้ได้เลย เพราะถึงอย่างไรซือเฉินเองก็เพิ่งจะรู้นี่ แล้วอีกอย่างเด็กสองคนนั้นเป็นฝ่ายไปหาซือเฉินเองด้วย” ถังหลินมองไปยังเวินลั่วฉิงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าปรากฏความสงสัยขึ้นมาอย่างชัดเจน
“เธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ…..” ห้าปีก่อนโจ๋วอันหนานเป็นคนผ่าตัดให้เธอ ต่อให้ก่อนหน้านี้โจ๋วอันหนานจะไม่รู้ว่าเป็นเธอ ตอนงานเลี้ยงของตระกูลถังโจ๋วอันหนานเคยเจอเธอ โจ๋วอันหนานจะต้องจำเธอได้อย่างแน่นอน
“นานแล้วนี่คือนานขนาดไหน คงจะไม่ได้นานไปกว่าพวกเราหรอกนะ?” ถังหลินทำเสียงฮึดฮัดออกมา เพียงแต่จู่ๆถังหลินก็นึกอะไรขึ้นมาได้แล้วเอ่ยขึ้น : “ฉิงฉิง เธอหมายความว่าเธอรู้ว่าโจ๋วอันหนานรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างนั้นหรือ?”
“ตอนนั้นตอนที่ฉันคลอดลูกสองคนนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อยค่ะ พี่หงหลิงเป็นคนขอให้โจ๋วอันหนานมาช่วยผ่าตัดให้ฉัน ครั้งนั้นเธอช่วยฉันกับลูกทั้งสองคนเอาไว้ และก็เป็นเพราะครั้งนั้นที่ทำให้ฉันไม่สามารถมีลูกได้อีก ตอนงานเลี้ยงของตระกูลถังฉันก็เคยเจอกับโจ๋วอันหนานแล้ว โจ๋วอันหนานจะต้องจำฉันได้แน่ๆ” เกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนเวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่พูดผ่านๆไป อีกทั้งยังพูดว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น
แต่หลังจากที่เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเธอแล้วสีหน้ากลับเปลี่ยนไปทันที ถ้าหากเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้โจ๋วอันหนานมาทำการผ่าตัดให้ จำเป็นต้องให้โจ๋วอันหนานออกหน้ามา เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก กลัวว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งเรื่องราวครั้งนั้นก็ทำให้ต่อไปเธอไม่สามารถมีลูกได้อีกด้วย เห็นได้ว่าเรื่องราวนั้นร้ายแรงขนาดไหน
“ขอโทษนะครับ” เย่ซือเฉินนึกถึงตอนนั้นที่เธอทำเพื่อคลอดลูกเขาจนเกือบจะทิ้งชีวิตไปแล้วนั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด ล้วนแต่เป็นเพราะเขาทั้งสิ้น และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่ข้างๆเธออีกด้วย
สีหน้าของถังหลินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เกี่ยวกับเรื่องนี้เวินลั่วฉิงไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลย พวกเขาไม่รู้เรื่อง ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นี้ฉิงฉิงจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดประเด็นสำคัญแล้วพูดผ่านๆไป แต่ถังหลินก็สามารถนึกถึงความอันตรายในตอนนั้นได้
“คุณไม่ได้ทำผิดต่อฉันเลยค่ะ ในตอนนั้นฉันเป็นคนตัดสินใจที่จะเอาลูกไว้เอง อีกทั้งฉันก็ไม่เคยมาเสียใจทีหลังเลยด้วย” เวินลั่วฉิงไม่อยากให้เย่ซือเฉินต้องมารู้สึกผิดเพราะเรื่องนี้ จริงๆแล้วเรื่องราวในตอนนั้นเย่ซือเฉินก็ไม่ได้มีส่วนผิดเลยเสียด้วยซ้ำ
เดิมทีเธอพลาดบุกเข้าไปในห้องของเย่ซือเฉิน หลังจากนั้นเธอก็ยังหนีไปอีก ให้เย่ซือเฉินหาเธอไม่เจอ ดังนั้นเย่ซือเฉินไม่ได้ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขอบคุณนะครับ” เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดเธอแล้ว ร่างของเขานั้นก็แข็งทื่อไปอย่างชัดเจน คำว่าขอบคุณอาจจะเป็นประโยคที่ง่ายที่สุดและธรรมดาที่สุด แต่เวลานี้ตอนที่เย่ซือเฉินเอ่ยพูดออกมานั้น ความรู้สึกกลับรู้สึกซับซ้อนมากเป็นพิเศษ
ขอบคุณเธอ ขอบคุณเธอในปีนั้นที่คลอดลูกทั้งสองคนออกมาเพื่อเขา ขอบคุณเธอที่สามารถทำให้เขาเป็นพ่อคนได้ ขอบคุณเธอที่ทำทุกอย่างเพื่อเขา มีเธอ ชีวิตนี้เขาก็ไม่เสียดายแล้ว
“เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า” เวินลั่วฉิงคิดได้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ถังหลินก็ยังยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่ง
“ฉิงฉิง คุณบอกว่าเป็นเพราะตอนที่คลอดลูกสองคนนี้เมื่อห้าปีก่อนทำให้คุณไม่สามารถมีลูกได้อีก ตอนนั้นโจ๋วอันหนานเป็นคนผ่าตัดให้คุณ ถ้าอย่างนั้นโจ๋วอันหนานก็จะต้องรู้อย่างแน่นอน” ดวงตาของเย่ซือเฉินมีแสงวาบขึ้นมา จู่ๆเขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ก็คือครั้งแรกที่เขาเจอกับถังจื่อซี หลังจากนั้นก็ไปสืบเรื่องราวที่เกี่ยวกับถังจื่อซีและเวินลั่วฉิง
ตอนนั้นเลขาหลิวสืบเจอว่าเวินลั่วฉิงเคยได้รับบาดเจ็บเมื่อเจ็ดปีก่อน และเลขาหลิวก็ยังสืบเจอถึงโรงพยาบาลที่เวินลั่วฉิงเข้าไปรักษาหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย