ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1340 ความโกรธกริ้วของคุณชายสามเย่(2)
“โอเค ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อ ผมจะเป็นคนไปบอกกับเธอเอง”แววตาของคุณชายสองโจ๋วมีแสงแวบวับเพิ่มมากขึ้น เขากับหยวนหยูจากกันแปดปี จากกันแปดปีเพราะความเข้าใจผิด เขากับเธอทรมานมาแปดปี เขาควรจะเป็นคนไปบอกเรื่องพวกนี้กับเธอเองจริงๆ
กู้หวูที่ว่องไวที่สุดและมีปฏิกิริยาว่องไวที่สุดถูกยิงเข้าอีกนัดนึง กู้หวูแค่ตัวแข็งทื่อไปครู่นึง จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างกับคนไม่เป็นอะไรต่อ แน่นอนว่าเขาก็คอยคุ้มอยู่ที่ตรงหน้าของเวินลั่วฉิงไว้อย่างแน่นหนาตลอดเช่นกัน
“ไปตายให้หมดซะ”การซุ่มยิงได้หยุดไปครู่นึง จากนั้นคนๆนั้นได้เปลี่ยนปืนกระบอกใหม่
“เย็ดเข้”กู้หวูเห็นอาวุธที่คนๆนั้นเอาออกมาแล้วตะลึงค้างไปเลย:“เย็ดแม่งดิ เป็นบ้ากันหมดแล้ว โจ๋วอันหนานเป็นบ้า คนที่เธอหามาก็เป็นคนบ้า คนๆนี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ อยู่ที่บ้านเมืองเราฆ่าคนนี่ไม่ผิดกฎหมายเลยรึไง?”
กู้หวูในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลองค์กรยมบาล ถึงแม้เรื่องที่พวกเขาทำค่อนข้างซับซ้อน แต่ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายเลย ฆ่าคนอะไรพวกนั้นองค์กรยมบาลยิ่งไม่มีทางไปทำ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะเจอคนบ้าอย่างนี้
สีหน้าของโจ๋วชิงเย็นชา ริมฝีปากได้เม้มเอาไว้ เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าโจ๋วอันหนานจะบ้าคลั่งได้ถึงขั้นนี้ ระเบิดพวกเขาไม่ตาย โจ๋วอันหนานยังถึงขั้นให้คนมาฆ่าพวกเขาอีก
แน่นอน เห็นได้ชัดว่าโจ๋วอันหนานไม่มีเยื่อใยกับน้องชายแท้ๆของเธอเลยสักนิด
“อาวุธชนิดนี้ยิงมานัดเดียว พวกเราก็จะจบเห่กันหมดเลย”เห็นได้ชัดว่ากู้หวูรู้จักอาวุธชนิดนี้ และรู้อานุภาพของอาวุธแบบนี้ดี เขารู้ว่าคนๆนั้นใช้อาวุธชนิดนี้แค่นัดเดียว พวกเขาก็จะจบเห่กันหมด ถึงพวกเขาสามคนคุ้มกันอยู่ที่ตรงหน้าของคุณหญิงก็ไม่มีประโยชน์
อีกอย่างในใจกู้หวูรู้ดี ถึงพวกเขาวิ่งไปถึงที่หลบซ่อนของข้างหน้า แต่อานุภาพของอาวุธชิ้นนั้น สิ่งบดบังนั้นก็ไม่เกิดผลประโยชน์เท่าไหร่
ถ้ารู้ว่าคนๆนี้ยังมีอาวุธแบบนี้อยู่ พวกเขาไม่ควรจะอยู่รวมตัวกันจริงๆ นี่ไม่ใช่ให้โอกาสคนอื่นได้กำจัดทิ้งให้จบทีเดียวเหรอ?
กู้หวูเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน แต่นาทีนี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ในใจเขามีอยู่ความคิดเดียว ถ้าเขาคุ้มกันคุณหญิงไม่ได้ งั้นลูกพี่จะทำยังไง?
สีหน้าของไอ้หัวโตก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน:“หัวหน้ากู้ ผมไปขัดขวางมันเองครับ”
นาทีนี้ไอ้หัวโตก็ทุ่มสุดตัวแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ไม่ทันหรอก”กู้หวูดูระยะห่างของพวกเขากับคนๆนั้น อีกอย่างคนๆนั้นยังอยู่ในรถด้วย กู้หวูรู้ว่าวิธีของไอ้หัวโตใช้ไม่ได้เลย
“แต่ก็ดีกว่าพวกเรามานั่งรอความตายอยู่ที่นี่นะครับ อีกอย่างผมไปตอนนี้ก็สามารถดึงดูดความสนใจของมัน ไม่แน่อาจจะสามารถล่อแรงกระสุนของมันไปด้วยครับ”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวโตคิดจะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย อยากใช้การเสียสละของตัวเองสร้างโอกาสให้ทุกคน
“ไม่มีทาง”กู้หวูกลับส่งเสียงห้ามปรามอีกครั้ง:“นายพุ่งไปตอนนี้ นอกจากไปตายฟรีแล้ว ไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลยสักนิด”
กู้หวูไม่ใช่คนที่นั่งรอความตาย แต่สถานการณ์ของตอนนี้ เหมือนพวกเขาก็มีแค่นั่งรอความตายอย่างเดียว ไม่มีโอกาสสักนิดเลยจริงๆ
“อย่าดิ้นรนอีกเลย ฉันจะส่งพวกแกเที่ยวสุดท้ายเอง”คนในรถอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเลย เห็นได้ชัดว่าก็ได้ยินคำสนทนาของกู้หวูกับไอ้หัวโต มุมปากของคนๆนั้นประดับด้วยรอยยิ้ม สำหรับเรื่องฆ่าคน ดูเหมือนเขาไม่เป็นไรเลยสักนิด แถมดูแล้วยังตื่นเต้นสนุกสนานมากด้วย
“บ้าจริงๆ”กู้หวูตะคอกด้วยความโกรธ แต่เห็นคนๆนั้นได้เหนี่ยวไกแล้ว หัวใจของกู้หวูได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอย่างรวดเร็ว ดูท่าวันนี้คงหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ จนปัญญาแล้วจริงๆ
เขาน่ะไม่เป็นไร แต่คุณหญิง……
แน่นอน ถึงกู้หวูรู้อานุภาพของอาวุธชิ้นนั้น รู้ว่าสิ่งบดบังของข้างหน้าต้านอานุภาพของอาวุธนี้ไม่อยู่ แต่ความเร็วของพวกเขากลับไม่ช้าลงเลย ยังคงพุ่งไปหาสิ่งบดบังที่อยู่ข้างหน้า มีสิ่งบดบังอย่างนึงบังไว้อย่างน้อยก็ดีกว่าหน่อยนึง
แต่เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นไม่ให้โอกาสพวกเขาเลย คนๆนั้นได้เล็งพวกเขาไว้แล้ว มือกำลังเหนี่ยวไก มองดูวินาทีต่อมาแรงนั้นก็จะพุ่งมาที่พวกเขาแล้ว
จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว จบเห่แล้วจริงๆ
กู้หวูคร่ำครวญอยู่ในใจ ดูท่าวันนี้คงไม่สามารถคุ้มกันคุณหญิงให้ปลอดภัยแล้ว ลูกพี่ ขอโทษด้วยครับ!!
ถึงแม้นาทีนี้กู้หวูไม่ได้พูดอะไรเลย แต่แค่มองสีหน้าแววตาของกู้หวูทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าสถานการณ์ของนาทีนี้ร้ายแรงมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น เวินลั่วฉิงก็รู้จักอาวุธนั้นเป็นอย่างดี และรู้อานุภาพของอาวุธชิ้นนั้นด้วย
เวินลั่วฉิงกลัวตายมั้ย?กลัว กลัวมาก ตอนนี้เธอกลัวตายจริงๆ เพราะเธออาลัยลูกรักทั้งสองของเธอ และอาลัยเย่ซือเฉินด้วย ถ้าเธอตายไป ลูกทั้งสองของเธอจะทำยังไง?เย่ซือเฉินจะทำยังไง?
คิดถึงพวกนี้แล้วเวินลั่วฉิงรู้สึกกลัวจริงๆ หัวใจเจ็บเหมือนถูกมีดกรีด แต่เวินลั่วฉิงรู้ว่าสถานการณ์ของนาทีนี้คือหมดหนทางแล้วจริงๆ
กู้หวูจนปัญญา เธอยิ่งจนปัญญา เพราะยังไงซะเธอก็เป็นแค่นักจิตวิทยาถึงแม้เมื่อก่อนเธอเคยผ่านการฝึกฝนมา แต่ก็แค่รับมือภายใต้สถานการณ์ที่คับขันเท่านั้น สำหรับสถานการณ์แบบนี้ไม่มีประโยชน์เลย
แม้แต่กู้หวูก็ยังหมดหนทางเลย เธอยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“คิดไม่ถึงเลยว่าหนีออกมาจากวิลล่า สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นโชคชะตาที่จะถูกระเบิดให้เละเป็นเถ้าถ่านอีก”ไอ้หัวโตถอนหายใจแรงๆทีนึง สถานการณ์แบบนี้ทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ เขาก็แค่ทอดถอนใจเป็นครั้งสุดท้ายมั้ง
คนในรถมองดูพวกเขา เหมือนรู้สึกสนุกมาก คนๆนั้นได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาโดยตรง เสียงหัวเราะของเขาได้ก้องมาโดยตรง
“บ้าไปแล้ว”กู้หวูโมโห:“นี่มันคนอะไรกันวะ?โจ๋วอันหนานไปหาไอ้บ้าแบบนี้มาจากไหนเนี่ย?”
ฆ่าคนแล้วยังตื่นเต้นมีความสุขขนาดนี้อีก จิตวิปริตชัดๆ
“ดูหน้าตาแบบนี้ของพวกมึงแล้วสนุกจริงๆ แต่เวลาของฉันมีจำกัด ไม่มีเวลามาเล่นกับพวกมึงแล้ว ตอนนี้ได้เวลาส่งพวกมึงไปตายแล้ว”คนๆนั้นหัวเราะอย่างได้ใจ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป คนๆนั้นได้หยุดไปครู่นึง จากนั้นได้เหนี่ยวไกต่อ
ดูออกว่าครั้งนี้เขาจะส่งพวกเขาไปตายจริงๆแล้ว
เวินลั่วฉิงถอนหายใจอย่างแรงทีนึง ขอโทษด้วยลูกรัก ขอโทษด้วยเย่ซือเฉิน ฉันคงอยู่เคียงข้างพวกคุณไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อก่อน ลูกรักสองคนเป็นทุกอย่างของเธอ เธอรักพวกเขา คอยปกป้องพวกเขา แต่ตอนนี้ยังมีเย่ซือเฉินเพิ่มมาอีกคน สำหรับลูกๆทั้งสอง เวินลั่วฉิงยังรู้สึกละอายใจน้อยหน่อย เพราะตอนที่ควรจะทุ่มเทเธอล้วนทุ่มเทหมดแล้ว
แต่กับเย่ซือเฉินเธอรู้สึกละอายใจจริงๆ ห้าปีก่อน เธอบุกเข้าไปในห้อง หลังจากข่มขืนเขาแล้วก็ได้จากไปอย่างเงียบๆ ให้เขาหาเธอไม่เจอ
ห้าปีต่อมา เธอแต่งงานกับเขา แต่เธอในตอนนั้นนึกแค่ว่าเขาแต่งงานกับเธอเพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่น เธอเลยไม่เคยใช้ใจกับชีวิตคู่ช่วงนั้นเลย เธอคิดอยู่ตลอดว่าจะจากไปยังไง สุดท้ายเธอก็ได้จากไปสำเร็จ
ต่อมา เธอกลับมาที่ตระกูลถัง เพราะสาเหตุต่างๆนาๆ เวลาที่เธอได้อยู่กับเย่ซือเฉินก็น้อยมาก เธอถึงขั้นยังปิดบังเรื่องลูกทั้งสองคนไว้ จนกระทั่งช่วงนี้เย่ซือเฉินถึงได้รู้จักกับลูกรักทั้งสอง
ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ เมื่อก่อนเธอน่าจะตอบรับเขาดีๆหน่อย หาเวลาว่างอยู่กับเขาให้มากๆหน่อย
เธอน่าจะบอกเรื่องของลูกสองคนให้กับเขา จากนั้นพวกเขาสี่คนก็อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว และรับรู้ความสุขโดยเร็ว
แต่ตอนนี้ล้วนสายไปแล้ว ครอบครัวเขาทั้งสี่คนยังไม่เคยได้อยู่ด้วยกันจริงๆเลย เรื่องพวกนี้ล้วนกลายเป็นเรื่องที่เธอเสียใจ
เวินลั่วฉิงเจ็บแน่นหน้าอกจนแทบจะหายใจไม่ออก แน่นอนว่าความคิดพวกนี้แค่แว๊บผ่านในหัวของเธอชั่วณะเฉยๆ
สายตาของเวินลั่วฉิงหันไปทางผู้ชายที่อยู่ในรถ มองหัวปืนที่กำลังเล็งพวกเขาไว้ เวินลั่วฉิงรู้อานุภาพของอาวุธชิ้นนั้น เธอรู้ดีว่าถึงพวกเขาวิ่งเร็วแค่ไหน ถึงพวกเขาหาที่หลบซ่อนเจอก็ไม่มีประโยชน์เลย ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ถึงแม้นิสัยของเวินลั่วฉิงได้เป็นตัวกำหนดว่าเธอไม่เคยนั่งรอความตาย เธอบอกตัวเองตลอดไม่ว่าข้างหน้าจะยากลำบากมากแค่ไหน เธอจะต้องคิดหาวิธีแก้ไข
แต่เวินลั่วฉิงรู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันจริงๆ
ถึงความสามารถของคนๆนึงแข็งแกร่งมากแค่ไหน เก่งแค่ไหน แต่ก็ต้านทานอาวุธที่ล้ำหน้าไม่ได้ อยู่ตรงหน้าของอาวุธที่แข็งแกร่งพวกนั้น ร่างกายของพวกเขาทนต่อการโจมตีไม่ไหวจริงๆ
จุดนี้ เวินลั่วฉิงต้องยอมรับ
กู้หวูก็ต้องยอมรับเหมือนกัน
เพระฉะนั้นทั้งสี่คนต่างก็รู้ดีว่าหลังจากนี้สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คืออะไร
“ฮ่าๆๆ ไปตายซะ ไปตายให้หมดเลย”ผู้ชายที่อยู่ในรถหัวเราะเสียงดังลั่น ดูออกว่าเขาได้ใจมากและตื่นเต้นมาก แน่นอนก็ดูออกเช่นกันว่าเขาโหดเหี้ยมมาก ไม่ถือสากับเรื่องฆ่าคนเลยสักนิด และไม่มีทีท่าว่าจะเมตตาปราณีเลยสักนิด
อยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังลั่น ในที่สุดผู้ชายคนนั้นก็ได้เหนี่ยวไก เสี้ยววินาทีนั้นหัวใจของเวินลั่วฉิงได้หดตัวโดยตรง นาทีนั้นตรงหน้าเธอมีหน้าตาของลูกสองคนแว๊บผ่าน มีใบหน้าของเย่ซือเฉินแว๊บผ่าน ดูท่าสุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ครั้งนี้ จนปัญญาแล้วจริงๆ!!