ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1355 คุณชายถังน้อยใจ (1)
เธอพยายามบอกตัวเองว่าต้องใจเย็นๆ ต้องใจเย็นๆ ห้ามร้อนตัวเด็ดขาด ขอแค่ถังหลินไม่โทรหาเจ้าชายใหญ่ คืนนี้เธอก็จะรอดพ้นความยุ่งยากนี้ และเธอจะได้เดินทางออกไปจากที่นี่
ความคิดของหลินเป้ยดีมาก แต่ว่า……
หากเป็นเมื่อก่อนความเย็นชานิ่งสงบของหลินเป้ยอาจจะพอตบตาถังหลินไปได้ แต่ตอนนี้แม้หลินเป้ยพยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่งไร้อารมณ์กลับทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือถังหลิน
คนทั่วๆ ไป เรื่องราวทั่วๆ ไป ไม่มีทางตบตาถังหลินได้
ถังหลินมองไปที่หลินเป้ย ริมฝีปากยังคงหยักยิ้ม จากนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายโทรออก
ถังหลินหันจอมือถือเข้าหาตัวเอง แล้วหันด้านหลังให้หลินเป้ย หลินเป้ยจึงไม่มีทางมองเห็นเบอร์ที่เขาโทรออก
เธอได้ยินเพียงเสียงรอสายที่ดังออกมาจากมือถือเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ปลายสายจึงยังไม่มีคนรับ จึงได้แต่ฟังเสียงรอสายที่ดังขึ้นหลายครั้งต่อหลายครั้ง
เสียงนั้นทำให้หลินเป้ยรู้สึกทรมานใจเป็นพิเศษ ถ้าหากถังหลินโทรเจ้าชายใหญ่จริงๆ ขึ้นมาล่ะ
เธอยังรู้ด้วยว่าถังหลินเป็นคนไม่ชอบทำอะไรโปร่งใส ส่วนเจ้าชายใหญ่ก็เคยบอกว่าจะเตรียมการต้อนรับถังหลิน ดังนั้นจึงไม่แปลกมากนักหากถังหลินจะโทรหาเจ้าชายหลังจากที่ตนมาถึงสนามบินแล้ว
เมื่อเสียงรอสายดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่ หลินเป้ยก็หมดความอดทน เธอจึงคว้ามือถือของถังหลินเอาไว้ “โทรปลุกคนกลางดึก ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว”
ระหว่างพูด หลินเป้ยก็แย่งมือถือของเขามาหวังจะวางสายที่ถังหลินกำลังโทรไป
แต่เมื่อแย่งมือถือของถังหลินมาแล้ว หลินเป้ยจึงเห็นว่าเบอร์ที่ถังหลินโทรไป ไม่ใช่เบอร์ของเจ้าชายใหญ่ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเบอร์ที่ถังหลินโทรไปไม่ใช่เบอร์ในประเทศของพวกเขาด้วยซ้ำ น่าจะเป็นเบอร์โทรภายในประเทศของถังหลินเอง
“คุณหลอกฉัน……” หลินเป้ยพบว่าตัวเองโดนหลอกอย่างจัง อารมณ์ของเธอจึงพุ่งปรี๊ด หน้าอกของเธอที่รัดเอาไว้แน่นกระเพื่อมขึ้นลงด้วยอารมณ์ยั๊วะจัด
เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินสรรพคุณความน่ารังเกียจของถังหลินมาบ้าง เธอน่าคิดได้แต่แรก ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้
ทำไมเธอถึงติดกับดักของถังหลินได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
ถังหลินมองเธอด้วยรอยยิ้ม “ฉันหลอกเธอ? ฉันหลอกเรื่องอะไร หลอกทางกายหรือหลอกทางใจ?”
ที่ผ่านมาคุณชายถังเป็นคนเคร่งขรึม ในสายตาของคนอื่นภาพลักษณ์ของคุณชายถังคือคนที่ระแวดระวังตัวอยู่เสมอ
คำพูดเช่นนี้ คุณชายถังไม่มีทางพูดกับคนอื่นอย่างแน่นอน คุณชายถังไม่มีทางพูดกับคนนอก แต่ตอนนี้กลับพูดกับหลินเป้ยอย่างไม่รู้สึกรู้สา
เหยียนหยูแม้ยืนอยู่ด้านหลังแต่ประสาทการได้ยินของเขาดีมาก เขาไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยของถังหลินเท่านั้น แต่ยังรับหน้าที่บอดี้การ์ดอีกด้วย คนที่มีวิชาการต่อสู้ติดตัวย่อมหูดีเป็นธรรมดา
แม้ว่าถังหลินจะพยายามกดเสียงต่ำมากแค่ไหน เหยียนหยูก็ยังพอได้ยินอยู่บ้างและพอรู้ว่าคุณชายถังกำลังพูดเรื่องอะไร และยังได้ยินประโยคที่ว่าหลอกทางกายหรือหลอกทางใจนั่นด้วย
ตอนนี้เหยียนหยูรู้สึกราวกับว่าโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง ผ่าออกมาจากด้านในร่างกายของเขา
คุณชายถังพูดกับผู้ชายคนหนึ่งว่าหลอกทางกายหรือหลอกทางใจ?
หลินเป้ยได้ยินถังหลินพูดเช่นนี้ก็ตกใจตัวแข็งทื่อไปเช่นกัน เธอรู้ถึงความร้ายกาจน่าหวาดกลัวของถังหลินดี และรู้ด้วยว่าถังหลินไม่อายใคร แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่อายใครถึงขั้นพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้
ตอนนี้เธอกำลังแต่งกายเป็นผู้ชายอยู่นะ!
ถังหลินไม่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดหรือไง
“ประสาท” หลินเป้ยพยายามอดทนอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต่อว่าเขาออกไป
“เรื่องที่เธอออกมาปรากฏตัวอยู่ที่สนามบินกลางดึกแบบนี้ เธอยังไม่มีคำอธิบายดีๆ ให้ฉันเลยนะ” ถังหลินกลับไม่โกรธ การได้เห็นเธอเดือดปุดๆ แบบนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นอีก
เขามาที่ญี่ปุ่นคราวนี้คิดว่าจะต้องได้พบหลินเป้ยแน่ๆ เขาคิดเอาไว้มากมายว่าพวกเขาจะได้เจอกันในสถานการณ์แบบไหน เขาคิดว่าเธออาจจะมีทีท่าเย็นชากับเขาเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว
เขาคิดว่าเธอจะพยายามอยู่ห่างจากเขาให้ไกลที่สุดเหมือนอย่างในครั้งที่แล้ว
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเธอภายในสถานการณ์เช่นนี้
เธอเห็นเขาแล้วแต่พยายามจะหนี
เธอรู้สึกประหม่าและกังวลเมื่อต้องเจอเขา
เธอถึงขั้นตะคอกใส่เขาและต่อว่าเขา
หากเป็นเมื่อก่อนนี้ เธอไม่มีทางทำอย่างนี้แน่นอน และเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดความรู้สึกนี้ราวกับเขาโดนอ้อน ราวกับเธอกำลังงอนเขา น่ารักและเข้าถึงได้ง่าย
ใช่แล้ว รู้สึกว่าเข้าถึงได้ง่าย หลินเป้ยในตอนนี้ดูเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ถังหลินยิ่งรู้สึกอยากจะแกล้งเธอ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลินเป้ยหงุดหงิดใจ โกรธจนแทบจะทนไม่ได้ โกรธจนอยากจะตบไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของถังหลินสักทีหนึ่ง
“ไม่บอกเหรอ อย่างนั้นผมจะโทรหาเจ้าชายใหญ่ เจ้าชายใหญ่บอกผมเอาไว้แล้วว่าจะส่งคนมารับฉัน ตอนนี้ยังไม่เห็นใครสักคน ฉันควรโทรไปถามสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” ถังหลินได้ยินเธอตอบแบบนั้น ริมฝีปากของเขาจึงหยักยิ้มขึ้นอีกครั้ง ว่ากันตามตรงแล้วเวลาที่เธอเดือดปุดๆ แบบนี้ดูน่ารักมากจริงๆ น่ารักจนเขาอยากจะกัดเธอ
แต่ถังหลินต้องควบคุมความอยากนี้ของตนเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากทำอะไรเลยเถิดเกินไป ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าทำให้เธอโมโหขึ้นมาจริงๆ คงไม่ดีแน่
“ฮึ” คราวนี้หลินเป้ยพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่เชื่อใจเขา คิดจะหลอกเธออีกแล้วหรือ เธอดูโง่ขนาดนั้นเลยใช่ไหม
คราวนี้เธอไม่ยอมติดกับดักของเขาแน่
ถังหลินค้นหาเบอร์โทรศัพท์ก่อนจะต่อสาย
ยังคงมีเสียงรอสายดังขึ้นตามเคย เสียงดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลินเป้ยช้อนตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากของเธอเม้มไว้เบาๆ ถังหลินใช้ลูกไม้เดิมๆ กับเธอสองครั้ง ถังหลินคิดว่าเธอโง่ถึงขั้นไหนกัน
“ฮัลโหล” สุดท้ายปลายสายก็รับโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายที่ถูกปลุกขึ้นมากำลังรู้สึกรำคาญ
“เจ้าชายใหญ่ผมถังหลินเองครับ ตอนนี้ผมถึงญี่ปุ่นแล้วนะครับ” ถังหลินเหล่มองหลินเป้ย รอยยิ้มของเขาที่อยู่ท่ามกลางแสงสลัวของโคมไฟดูพร่ามัว
ในน้ำเสียงของถังหลินยังเจือไปด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่
พอหลินเป้ยได้ยินคำพูดของถังหลินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ไม่นานนักสีหน้าของเธอก็กลับมานิ่งสงบเช่นเดิม เธอคิดว่าถังหลินต้องกำลังหลอกเธออยู่แน่นอน
เสียงทักทายที่ดังออกมาจากปลายสายเมื่อครู่นี้เธอได้ยินแล้ว แต่เธอคิดว่าเสียงไม่คล้ายเจ้าชายใหญ่เท่าไหร่
แต่มันก็แค่คำๆ เดียว แถมยังเป็นเสียงที่ตื่นนอนขึ้นมากลางดึกอีก อันที่จริงเธอก็ฟังไม่ถนัดนัก
“ถังหลิน……เอ่อ ถึงแล้วเหรอ” ในที่สุดเจ้าชายใหญ่ก็ได้สติขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างสับสนเพราะคิดไม่ถึงว่าถังหลินจะมาถึงเช้าขนาดนี้หรืออาจจะเป็นเพราะไม่คิดว่าเขาจะโทรหาเขา
ถังหลินยืนอยู่ห่างจากหลินเป้ยไม่ไกลมากอยู่แล้ว ตอนนี้เขายิ่งพยายามเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น มือถือของถังหลินจึงอยู่ระหว่างหูของคนทั้งสอง ดังนั้นหลินเป้ยจึงได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ชัดเจน
คราวนี้หลินเป้ยได้ยินถนัดแล้วว่า นั่นคือเสียงของเจ้าชายใหญ่
ถังหลินโทรไปหาเจ้าชายใหญ่จริงๆ ค่อนคืนขนาดนี้ ถังหลินยังกล้า!
“คุณลงเครื่องมาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปรับคุณนะ” เจ้าชายใหญ่รีบตอบกลับทันที ถังหลินมาถึงญี่ปุ่นตอนนี้แถมยังโทรหาเขา แน่นอนว่าเขาต้องส่งคนไปรับ
“เจ้าชายใหญ่ส่งให้เจ้าชายน้อยมารับผมแล้วไม่ใช่หรือครับ ผมเจอเจ้าชายน้อยแล้ว” ระหว่างที่ถังหลินกล่าวเช่นนี้ สายตาของเขาก็จ้องไปที่หลินเป้ย ตอนนี้สองคนนี้ยืนอยู่ใกล้กันมาก เขาจึงเห็นสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
หลินเป้ยชะงักงัน เธอพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ามารับเขา?
ทำไมเธอต้องมารับเขาด้วย
คนคนนี้โกหกอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ
“หลินเป้ย? หลินเป้ยไปรับคุณหรือ……อ้อๆ หลินเป้ยจัดการได้รอบคอบตลอด ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้าชายใหญ่รู้สึกประหลาดใจ เพราะเมื่อตอนกลางวันหลินเป้ยยังบอกอยู่เลยว่าเธออยากพักผ่อน ตอนนี้กลับออกไปต้อนรับถังหลินเสียแล้ว?
ทว่าเจ้าชายใหญ่ไม่มีทางแคลงใจในคำพูดของถังหลิน เจ้าชายใหญ่คิดว่าหลินเป้ยคงกลับไปคิดทบทวนดูแล้ว ถึงเป็นฝ่ายออกไปต้อนรับถังหลินเอง ในอดีตหลินเป้ยก็จัดการเรื่องราวหลายๆ เรื่องอย่างรอบคอบเสมอ
เจ้าชายใหญ่ไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่สงสัย เขากลับชื่นชมอยู่ในใจด้วยซ้ำ
“ครับ ตอนนี้เจ้าชายน้อยอยู่กับผม เจ้าชายใหญ่อยากพูดอะไรกับเจ้าชายน้อยหน่อยหรือไม่” ถังหลินพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่พบความผิดปกติใดๆ แอบแฝง
หลินเป้ยได้ยินเขากล่าวดังนี้ ดวงตาของเธอพลันเบิกกว้าง ถังหลินจะให้เขารับสายของเจ้าชายใหญ่ตอนนี้น่ะเหรอ
หากเธอรับสายหมายความว่าเธอจะไม่เหลือทางให้ถอยอีกต่อไป เธอจะหนีไปไหนไม่ได้อีก คนคนนี้อันตรายเกินไปและชั่วช้ามาก
“ได้ๆ อย่างนั้นรบกวนส่งโทรศัพท์ให้หลินเป้ยหน่อย” เจ้าชายใหญ่ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าถังหลินพูดมีเหตุมีผล
หลินเป้ยอยู่ใกล้กับถังหลินมาก แน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียงของเจ้าชายใหญ่ อีกอย่างตอนนี้ถังหลินเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหูของเธอ หลินเป้ยไม่อยากรับแต่ก็เลี่ยงไม่ได้