ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1368 แบบนี้เรียกว่าขอโทษหรือ (2)
เมื่อผู้ดูแลได้ยินคำว่าขอโทษ สีหน้าของเขาจึงอ่อนลง แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องเมื่อเข้า เขาจึงตัดสินใจว่าไม่สามารถปล่อยพวกเขาเข้าไปได้ “อย่างนั้นพวกคุณรอก่อนนะครับ ผมจะไปถามนายท่าน”
“ดี ดี” เวลานี้ท่าทางของคุณพ่อโจว๋ดีมากเป็นพิเศษ เขาไม่กล้าแสดงอาการไม่พอใจอะไรออกมา คราวนี้เขามาเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกอย่างถ้าเขาไม่ทำตัวดี คงไม่มีโอกาสได้เข้าไปด้านใน
“ท่านปู่ ท่านย่าครับ คนสองคนจากตระกูลโจ๋วกลับมาอีกแล้วครับ” ผู้ดูแลเดินเข้าไปในห้องโถงจึงเห็นท่านปู่ถังกับท่านย่าถังกำลังอยู่ในนั้นพอดี
“พวกเขากลับมาทำอะไรอีก เมื่อเช้าพวกเขายังอาละวาดกันไม่พออีกเหรอ” ท่านย่าถังเพิ่งจะอารมณ์เย็นลง ตอนนี้พอได้ยินว่าคุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋กลับมาอีก อารมณ์ก็เดือดพล่านขึ้นมาอีก “เรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ โจ๋วอันหนานก็ถูกส่งตัวเข้าไปในคุกแล้วนี่”
“พวกเขาบอกว่าคราวนี้พวกเขามาเพื่อขอโทษ พวกเขารู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว”ผู้ดูแลรู้ว่าท่านย่าถังจะต้องโกรธ เพราะอันที่จริงแล้วเขาก็โกรธเช่นกัน แต่เห็นแก่พวกเขาที่บอกว่าจะมาขอโทษ แถมท่าทางยังดูเป็นมิตร เขาคงไม่สามารถไล่พวกเขาไปได้ทันที
“พวกเขาได้เจอโจ๋วอันหนานแล้วหรือ ได้ถามเธอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมถึงเข้าใจว่ามองพวกเราผิดไป”ท่านปู่ถังชะงักงัน อารมณ์หัวเสียค่อยๆ บรรเทาลง “เอาล่ะ ไปบอกพวกเขาว่าไม่ต้องมาขอโทษ ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกเขา”
ท่านย่าถังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่คุณแม่โจว๋เข้ามาต่อว่าและตัดสินผิดให้เป็นถูกแล้ว แต่พวกเขายิ่งโวยวายก็ยิ่งบานปลาย เธอจึงไม่อยากพบพวกเขาและถึงขั้นไม่อยากรับคำขอโทษจากพวกเขา
“ครับ งั้นตอนนี้ผมจะกลับไปถามพวกเขา” เมื่อผู้ดูแลได้รับคำสั่งจากท่านย่าถังก็เดินกลับออกไปข้างนอกอีกโดยไม่ลังเล จากท่าทีของเขาเองก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่อยากให้คนอย่างคุณพ่อโจว๋คุณแม่โจว๋กลับเข้ามาอีกเช่นกัน
สิ่งที่คุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋ ทำเอาไว้น่าเกลียดเกินไป
แต่เมื่อผู้ดูแลอธิบายเหตุการณ์ให้ฟัง คุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋กลับไม่ยอมกลับไป
“พวกเรามาขอโทษจากใจจริงๆ” คุณพ่อโจว๋อ้ำอึ้ง เขาไม่คิดว่าแม้แต่จะมาขอโทษยังคงไม่ได้รับอนุญาตเข้าไป
“ท่านย่าของพวกเราบอกว่าไม่ต้องขอโทษ พวกเราเป็นคนใจกว้างมีเมตตา ไม่คิดแค้นกับพวกคุณ”
“ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราทำผิด ผมทำให้ท่านปู่ถังกับท่านย่าถังโกรธ ผมเลยอยากจะมาขอโทษต่อหน้าท่านปู่ถังกับท่านย่าถังเอง ไม่อย่างนั้นผมคงไม่สบายใจ” คุณพ่อโจว๋ตระหนักดีว่าหากต้องการให้ตระกูลถังถอนฟ้อง ต้องทำให้ท่านปู่ถังตอบตกลงให้ได้ ดังนั้นเขาต้องพบท่านปู่ถังให้ได้
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอโทษ ท่านปู่กับท่านย่าไม่ได้คิดแค้นอะไรกับพวกคุณ พวกคุณกลับไปเถะ” ผู้ดูแลเริ่มรู้สึกลำบากใจ หากต้องการจะมาขอโทษด้วยใจจริงก็ไม่ควรจะมีท่าทีดื้อรั้นขนาดนี้
อารมณ์ของคุณแม่โจว๋เดือดปุดๆ เตรียมจะต่อว่าแต่คุณพ่อโจว๋รีบห้ามเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงดึงเธอให้นั่งคุกเข่าไปด้วยกัน “ผู้ดูแล ช่วยไปบอกอีกสักครั้งเถอะนะ พวกเรามาขอโทษด้วยใจจริง ถ้าท่านปู่ถังกับท่านย่าถังไม่ให้อภัยพวกเรา พวกเราจะไม่ลุกขึ้นมา”
ผู้ดูแลตกใจที่เห็นทั้งสองทำแบบนี้ เขาไม่คิดว่าคุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋จะนั่งคุกเข่าลง แม้ว่าการกระทำแบบนี้จะดูจริงใจดี แต่การคุกเข่าทำให้พ่อบ้านรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะนี่เท่ากับเป็นการบังคับท่านปู่ถังให้ยอมพบพวกเขา
แม้ว่าคุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋จะคุกเข่ารออยู่ด้านนอกก็ยังไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร ผู้ดูแลคิดทบทวนแล้วจึงกลับเข้าไปห้องโถงด้านในอีก “ท่านปู่ ท่านย่าครับ พวกเขาคุกเข่ารออยู่ด้านนอกไม่ยอมกลับครับ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอโทษ ทำไมพวกเขายังไม่ยอมไปอีก เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ คุกเข่าอยู่ด้านนอก?” ท่านย่าถังตะลึง “เกิดขึ้นได้ยังไง”
“พวกเขาบอกว่าต้องการขอโทษต่อหน้าท่านปู่ท่านย่า ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่สบายใจ ผมบอกไปแล้วว่าท่านปู่ ท่านย่าไม่ต้องการให้เขามาขอโทษ และไม่ได้คิดแค้นกับพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคุกเข่าลง” ผู้ดูแลหมดคำพูด พวกเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่
“นี่พวกเขาคิดจะทำอะไร มีอะไรต้องขอโทษ ถ้าคิดจะมาขอโทษกันจริงๆ ก็น่าจะนึกถึงความรู้สึกของพวกเราบ้าง บอกว่าไม่อยากเจอยังจะรั้นอยู่ต่อ? พวกเขามาขอโทษจริงๆ หรือ หรือว่ามีเจตนาอย่างอื่น”
ท่านย่าถังตกใจ พวกนี้เป็นอะไรกันแน่ แต่จะว่าท่านย่าถังไม่ได้ที่คิดไปในแง่ร้าย เพราะพฤติกรรมของคุณแม่โจว๋เมื่อเช้าน่ารังเกียจเกินไป
“พวกเขาอยากคุกเข่าก็ปล่อยพวกเขาไป ไม่ต้องไปสนใจ” ท่านย่าถังรู้สึกขยะแขยง มีที่ไหนมาขอโทษแบบนี้
“นั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกแบบนี้ถ้ามีคนผ่านมาเห็นเข้า ไม่รู้จะพูดว่ายังไงกันอีกบ้าง ให้พวกเขาเข้ามา ลองดูว่าพวกเขาจะพูดว่าอย่างไร” ท่านปู่ถังเองก็ไม่ชอบใจ แต่เขากลัวว่าหากปล่อยให้สองคนคุกเข่าอยู่ข้างนอกจะส่งผลเสียมากกว่า ช่วงนี้เกิดเรื่องราวมากมายกับตระกูลถัง ท่านปู่ถังไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
“คุณคิดว่าพวกเขามาขอโทษจริงๆ หรือ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” ท่านย่าถังดูไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“เมื่อครู่พวกเขาต้องไปที่สถานีตำรวจมาแน่นอนและคงจะได้พบโจ๋วอันหนานแล้ว คงจะคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้วว่าความจริงเป็นอย่างไร ก็มีความเป็นไปได้ที่อยากจะมาขอโทษพวกเรา” ท่านปู่ถังเป็นคนใจกว้างมาตลอด จึงมองหลายเหตุการณ์ไปในทางที่ดีเสมอ
“พวกเราคงปล่อยให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ด้านนนอกแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอก ให้พวกเขาดข้ามา ลองดูว่าพวกเขาจะพูดว่ายังไงบ้าง จะได้รู้ๆ กันไปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ท่านปู่ถังมองเหตุการณ์จากหลายๆ ด้าน จึงไม่อยากปล่อยให้เรื่องราวออกมาเลวร้ายเกินไป
“ก็ได้ อย่างนั้นก็ตามใจคุณ ให้พวกเขาเข้ามา ดูซิว่าจะขอโทษยังไง นี่ถึงขั้นคุกเข่าแล้วก็คงจะมีความจริงใจอยู่บ้าง ลองฟังดูว่าพวกเขาจะพูดว่ายังไง” ท่านย่าถังก็คิดเช่นกันว่าหากปล่อยให้ทั้งสองคุกเข่าอยู่ด้านนอกคงไม่ดีนัก เธอเองก็อยากรู้เช่นกันว่าทั้งสองคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่
ไม่นานนักผู้ดูแลก็รีบพาคุณพ่อโจว๋คุณแม่โจว๋เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ท่านปู่ถัง ท่านย่าถัง เรื่องเมื่อเช้าพวกเราทำไม่ถูกต้อง เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเราตั้งใจมาเพื่อขอโทษ” เมื่อคุณพ่อโจว๋เข้ามาในห้องก็รีบขอโทษด้วยท่าทีที่ดูจริงใจ
“ใช่ พวกเราผิดเอง พวกเราขอโทษ” คุณแม่โจว๋ที่ถูกคุณพ่อโจว๋ลากตัวเข้ามาก็เอ่ยปากขอโทษเช่นกัน แม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อนึกลูกสาวเธอจำเป็นต้องทำ
“เอาล่ะ พวกเรารับคำขอโทษจากพวกคุณแล้ว เรื่องเมื่อเช้าพวกเราจะไม่เก็บมาใส่ใจ พวกคุณกลับไปเถอะ” ท่านย่าถังเหลือบไปมองพวกเขา ในเมื่อสองคนนี้อยากจะขอโทษต่อหน้า พวกเขาก็ยอมรับแล้วและแสดงเจตนาไปแล้วว่าไม่ถือโทษอะไร ดังนั้นพวกเขาก็ควรกลับไปได้แล้ว
การมาของคุณพ่อโจว๋กับคุณแม่โจว๋ ครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อขอโทษเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าไม่ยอมกลับไปแต่โดยดี
“ท่านปู่ถัง เรื่องราวเมื่อเช้าพวกเราผิดไปแล้วจริงๆ ขอท่านได้โปรดให้อภัยพวกเรา” คุณพ่อโจว๋ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเข้าหาท่านปู่ถัง ดังนั้นจึงก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวเพื่อไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าท่านปู่ถัง
“ภรรยาของฉันพูดชัดเจนแล้ว เรื่องนี้จบไปแล้ว หากพวกคุณไม่มีเรื่องอื่นก็กลับไปได้แล้ว” เมื่อท่านปู่ถังได้ยินคำพูดของคุณพ่อโจว๋ก็เริ่มขมวดคิ้ว ดูท่าทางแล้วภรรยาของเขาจะเดาถูก สองคนนี้ไม่ได้มาเพื่อขอโทษ
อีกอย่างคุณพ่อโจว๋ยังวางแผนจะเข้าหาตนอีก ท่านปู่ถังแอบยิ้มเย้ยในใจ ทำไมหรือ เห็นว่าเขาเป็นคนที่จะหลอกได้ง่ายๆ งั้นหรือ
ท่านปู่ถังกับท่านย่าถังเอ่ยปากไล่พวกเขาแล้ว แต่คุณพ่อโจว๋ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
คุณพ่อโจว๋หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้ามองท่านปู่ถัง “ท่านปู่ พวกเรามาวันนี้มีอีกเรื่องอยากจะขอร้อง”
คุณพ่อโจว๋เองก็รู้ว่าท่านปู่ถังไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ จึงตัดสินใจพูดออกไปตามตรง
“หึ” ท่านย่าถังโกรธจนหัวเราะ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าสองคนนี้มีเจตนาไม่ดี แถมยังมีเรื่องจะมาขอร้อง สิ่งที่โจ๋วอันหนานทำกับฉิงฉิง ไหนจะท่าทางเมื่อเช้าของพวกเขาอีก พวกเขายังมีหน้ากล้ามาขอร้อง
คุณแม่โจว๋ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของท่านย่าถังก็รู้สึกเดือดดาล แต่ยังพยายามอดทนเอาไว้ ตอนนี้เธอจะทำพฤติกรรมเอะอะโวยวายเหมือนอย่างเมื่อเช้าไม่ได้
สีหน้าของท่านปู่ถังตอนนี้เครียดขึ้นอย่างชัดเจน เขาเหลือบตาขึ้นมองคุณพ่อโจว๋ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “หากคุณจะมาขอโทษขอให้พวกเราอภัยให้ พวกเรายอมรับ ส่วนเรื่องอื่นพวกเราคงช่วยอะไรไม่ได้”
ความหมายในคำพูดนี้ของท่านปู่ถังชัดเจน ท่านปู่ถังเป็นคนฉลาด แน่นอนว่าย่อมเดาออกว่าคุณพ่อโจว๋คิดจะขอร้องอะไร
ในคำพูดของท่านปู่ถังนี้แสดงการตักเตือนอย่างชัดเจน ท่านปู่ถังคิดว่าถ้าคุณพ่อโจว๋เป็นคนฉลาดย่อมรู้ตัวว่าควรจะหยุดแต่เพียงเท่านี้
“ท่านปู่ ผมรู้ว่าคราวนี้เป็นความผิดของหนานหนาน แต่หนานหนานยังเด็ก พวกเราทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอติดคุกไปตลอดชีวิต” คุณพ่อโจว๋เข้าใจความหมายของท่านปู่ แต่เขาจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ