ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1376 หมดอาลัยตายอยาก(2)
“ไม่รีบ พอถึงเวลาก็จะพากลับไปเอง” มุมปากของถังหลินยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ครั้งนี้ เขามาที่ประเทศR ท่าทีของหลินเป้ยเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกว่าเส้นทางไล่ตามภรรยาของเขาได้มองเห็นแสงสว่างแล้ว อย่างน้อยปัญหาของทางหลินเป้ยเขาจะต้องช่วยหลินเป้ยจัดการให้เรียบร้อยทั้งหมดอย่างแน่นอน
“ได้ ได้ ฉันจะรอนะคะ” เวินลั่วฉิงหัวเราะเสียงดังออกมา ระยะนี้ได้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย อยากนักที่จะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ เป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ
เดิมทีเวินลั่วฉิงจะออกไปข้างนอก เมื่อนึกถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อก่อนหน้านี้ของท่านปู่ถังและท่านย่าถัง เลยตัดสินใจที่จะบอกเรื่องนี้กับพวกเขา ให้พวกเขาได้ดีใจด้วย
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งสองท่านถึงได้เป็นแบบนั้น แต่เวินลั่วฉิงคิดว่าเมื่อทั้งสองท่านได้ทราบข่าวนี้จะต้องดีใจมากแน่ ไม่แน่อาจจะลืมเรื่องเศร้าใจเมื่อก่อนหน้านี้ไปเลยก็ได้
เวินลั่วฉิงกลับไปที่ห้องโถง เห็นว่าท่านปู่ถังและท่านย่าถังยังคงนั่งอยู่ที่ห้องโถงเหมือนเดิม ยังคงมีท่าทางเหม่อลอย หมดอาลัยตายอยากเหมือนเดิม เวินลั่วฉิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกท่านได้เผชิญกับเรื่องอะไรกันแน่ เวินลั่วฉิงเดินเข้าไป และกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณตาคะ คุณยายคะ พี่ชายมีแฟนแล้วค่ะ พี่บอกว่าอีกสักระยะก็จะพาพี่สะใภ้กลับมาบ้านด้วย”
เดิมทีเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก เวินลั่วฉิงนึกว่าหลังจากที่ทั้งสองท่านได้ยินข่าวนี้จะต้องดีใจมาก แต่ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความหมดอาลัยตายอยากของทั้งสองท่านกลับถลำลึกขึ้นมากว่าเดิม ถึงขั้นมีความสิ้นหวังอยู่เล็กน้อย
ทั้งสองคนคิดว่าถังหลินถึงขั้นตัดสินใจที่จะพาคนกลับมาบ้านแล้ว เช่นนั้นจะต้องจริงจังแน่ จะต้องตกลงปลงใจแล้วว่าเป็นผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว
ท่านปู่ถังพิงอยู่บนโซฟา หดตัวลง และทอดถอนใจอย่างไร้เรี่ยวแรง
ริมฝีปากของท่านย่าถังสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จู่ ๆ ดวงตาก็แดงขึ้นมา ดูแล้วเหมือนกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง
เวินลั่วฉิงงงงัน นี่มันอะไรกัน? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเมื่อได้ยินข่าวที่ว่าถังหลินมีแฟน ทั้งสองท่านไม่ดีใจเลยสักนิด?
ไม่เพียงไม่ดีใจ แล้วยังทอดถอนใจอีก แถมยังหนักกว่าเดิม ถึงขั้นที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่
“คุณตาคะ คุณยายคะ” เวินลั่วฉิงลองถามเบา ๆ : “พี่ชายของหนูมีแฟนแล้วพวกท่านไม่ดีใจเหรอคะ?”
“มีอะไร……” ท่านย่าถังเงยหน้าขึ้นมา มองดูเวินลั่วฉิง พึ่งพูดออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลงอีกครั้ง: “ยายปวดหัว ยายนอนพักสักหน่อย”
ท่านย่าถังกล่าวไป ก็ค่อย ๆ นอนลงไปบนโซฟา ขดตัวเล็กน้อย ดูแล้ว ค่อนข้าง……น่าสงสาร
“คุณตาคะ นี่มันอะไรกันเหรอคะ?” ตอนนี้เวินลั่วฉิงงงงันจนหาทิศทางไม่เจอ นี่มันปฏิกิริยาอะไรกัน? มีปฏิกิริยาแบบนี้ปกติไหม?
เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ
“แล้วแต่เขาเถอะ?” ท่านปู่ถังถอนหายใจอีกครั้ง แล้วโบกมือ ดูแล้วทั้งจนปัญญาทั้งหมดแรง
“เดี๋ยวนะคะ พี่ชายหนูมีแฟนแล้ว พี่ชายหนูจะพาพี่สะใภ้กลับมา พวกท่านควรที่จะต้อนรับด้วยความดีอกดีใจไม่ใช่เหรอคะ? หนูก็ควรที่จะจัดเตรียมงานแต่งด้วยความดีอกดีใจไม่ใช่เหรอ?” เวินลั่วฉิงดูท่าทางของท่านปู่ถัง ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาดมากเป็นพิเศษ
จากนั้น เวินลั่วฉิงก็เห็นว่าท่านย่าถังที่นอนอยู่บนโซฟามองเธอด้วยความขุ่นเคือง จริง ๆ นะ สายตานั่นขุ่นเคืองมากจริง ๆ
เวินลั่วฉิงเผชิญหน้ากับสายตาขุ่นเคืองแบบนั้นของท่านย่าถัง ก็ตะลึงไปทันที เดี๋ยวนะ เธอพูดอะไรผิด? เธอทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมคุณยายถึงต้องมองเธอแบบนี้?
“ฉิงฉิง ยายเหนื่อยแล้ว หนูให้ยายพักสักหน่อยนะ” ท่านย่าถังสูดลมหายใจเข้าเงียบ ๆ จากนั้นคิดไม่ถึงว่าเธอจะออกปากขับไล่ตรง ๆ
การขับไล่ของคุณย่าถังนั้นแจ่มแจ้งชัดเจนเกินไป เวินลั่วฉิงอยากจะละเลยก็ละเลยไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นปฏิกิริยาก็ตอบรับของเวินลั่วฉิงเร็วมาแต่ไหนแต่ไร เป็นธรรมดาที่เธอจะฟังออก
“อ่อ ก็ได้ค่ะ” เวินลั่วฉิงถูกไล่ ความรู้สึกนั้นซับซ้อนมาก คุณยายรำคาญที่เธอเพูดมากเหรอ?
เมื่อสักครู่เธอพูดมากไปจริง ๆ แต่ที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่น่ายินดีนี่นา เดิมที่เธออยากจะทำให้ทั้งสองท่านดีใจ ดังนั้นกลับถูกรำคาญงั้นเหรอ?
คนฉลาดอย่างเวินลั่วฉิง ยังคงไม่เข้าใจความคิดของทั้งสองท่านอยู่ดี
แต่ในเมื่อท่านย่าถังพูดถึงขนาดนี้แล้ว เวินลั่วฉิงก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก จึงทำได้เพียงก้าวเท้าเดินจากไป ในตอนที่เธอออกมาจากห้องโถง เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ห้องโถงอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ท่านย่าถังนอนอยู่บนโซฟาเลยมองไม่เห็น
เวินลั่วฉิงมองเห็นเพียงแผ่นหลังของท่านปู่ถัง เธอพบว่าแผ่นหลังที่เหยียดตรงของคุณตาตอนนี้ได้งอลงอย่างเห็นได้ชัด แผ่นหลังนั้นดูแล้วเหมือนกับคุณยาย……ดูน่าสงสาร
เวินลั่วฉิงยังเห็นอีกว่าเส้นผมสีขาวของท่านปู่ถังได้ค่อย ๆ ลอยร่วงหล่นลงมาหลายเส้น
เวินลั่วฉิงสับสนมึนงงไปหมด นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ทั้งสองท่านได้เผชิญกับการกระทบกระเทือนทางจิตใจแบบไหนกันนะ?
แม้กระทั่งเรื่องที่น่ายินดีอย่างเรื่องที่ถังหลินมีแฟนจะแต่งงาน ยังไม่สามารถดึงทั้งสองท่านออกมาจากความกระทบกระเทือนทางจิตใจได้เลยงั้นเหรอ?
แต่ว่าที่บ้านก็ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรนี่นา!!
เวินลั่วฉิงคิดไปว่าจะเรียกเด็ก ๆ สองคนลงมาเล่นกับชายหญิงชราทั้งสองคนหน่อยดีไหม ปกติแล้วชายหญิงชราทั้งสองชอบพวกเด็ก ๆ มาก และเด็ก ๆ ทั้งสองก็สามารถทำให้คนมีความสุขได้ดีมากเลยด้วย
เวินลั่วฉิงกำลังครุ่นคิดอยู่ ก็เห็นถังจื่อซีกระโดดโลดเต้นลงมาจากด้านบน
“ปู่ทวด ย่าทวด” ถังจื่อซีเห็นชายหญิงชราทั้งสองนั่งอยู่ที่ห้องโถง หลังจากที่ลงมาจากบันไดก็วิ่งกระโจนไปทันที
เวินลั่วฉิงหยุดฝีเท้าลง ยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู ไม่ได้รีบจากไป
“หนูจื่อซี” ร่างของท่านปู่ถังเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือออกมา และลูบหัวของถังจื่อซีเบา ๆ : “คุณย่าน้อยซื้อของเล่นใหม่มาให้หนู หนูไปเล่นเถอะ”
“อืม ครับ” ยังไงซะถังจื่อซีก็ยังเด็กอยู่ เมื่อได้ยินว่ามีของเล่นก็รีบไปเล่นทันที
เมื่อท่านย่าถังมองเห็นจื่อซี อาจอยากจะลุกขึ้นมา เพียงแต่ว่าเธอพึ่งลุกขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็เห็นจื่อซีวิ่งออกไปแล้ว ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็นอนกลับลงไปเหมือนเดิม
เวินลั่วฉิงที่ยืนอยู่ตรงประตูกลับตะลึงงันไม่ขยับเขยื้อนอยู่ครึ่งค่อนวัน
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แม้กระทั่งตัวสร้างความสุขของบ้านอย่างจื่อซีก็ยังรักษาไม่ได้?
จื่อซีมองไม่เห็นความผิดปกติอะไร เวินลั่วฉิงกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปกติแล้วเวลาที่ท่านปู่ถังและท่านย่าถังเห็นจื่อซีล้วนแทบอยากจะกอดจื่อซีเอาไว้ไม่ปล่อย แทบอยากจะติดจื่อซีเอาไว้ที่ข้างกายของพวกเขาตลอดเวลา วันนี้กลับให้จื่อซีไปเล่นของเล่นคนเดียวแบบนี้
ท่านย่าถังไม่พูดกับจื่อซีเลยสักคำ!!
เวินลั่วฉิงคิดว่าจะต้องมีปัญหาอะไรแน่ แถมยังเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก
แต่ท่านปู่ถังและท่านย่าถังไม่พูดเลยสักนิด ครั้งนี้เธอเองก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เวินลั่วฉิงรู้ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องของเธออย่างแน่นอน เพราะยังไงตอนนี้เรื่องของเธอก็ได้คลี่คลายจนหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นเมื่อวานในตอนที่ท่านปู่ถังและท่านย่าถัง รู้เรื่องที่โจ๋วอันหนานทำกับเธอ ถึงแม้จะโกรธมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างในตอนนี้แน่
เวินลั่วฉิงอยู่แสนนาน ท่านปู่ถังที่อยู่ในห้องกลับนั่งอยู่บนโซฟาโดยรักษาท่าเดิมเอาไว้ไม่ ขยับเขยื้อนเลยสักนิด และนอกจากนี้ท่านย่าถังก็นอนอยู่ที่บนโซฟาไม่ได้ลุกขึ้นมา
เวินลั่วฉิงคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
ณ เมือง A ตอนนี้สาขาองค์กรโกสต์ซิตี้เต็มไปด้วยความสุขความปลื้มปีติยินดี
เจิ้งฉงได้รับข่าวมาว่า ทางประเทศ R องค์กรโกสต์ซิตี้โจมตีเย่ซือเฉินและถังหลินอย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้น หัวหน้ายังคงปกป้องเจ้าหญิงมาก เพียงแต่ว่าทางประเทศ Z มีการควบคุมอย่างเข้มงวด จะทำอะไรโดยพลการไม่ได้ ดังนั้นหัวหน้าเลยสั่งให้คนที่อยู่ประเทศ R ลงมือกับเย่ซือเฉินและถังหลิน เห็นได้ชัดว่าหัวหน้ากำลังระบายอารมณ์ให้เจ้าหญิงอยู่” หลังจากที่เจิ้งฉงได้รับข่าวนี้ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกเขาหาตัวเฉิงโหรวโหรวพบ หัวหน้าก็เย็นชากับเฉิงโหรวโหรวเสมอมา หัวหน้าไม่เคยไปพบเฉิงโหรวโหรว แถมยังไม่ไปสนใจเฉิงโหรวโหรวเลยสักครั้ง เจิ้งฉงยังคิดเลยว่าตัวเองเดิมพันผิดไปซะแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้รับข่าวดีแบบนี้
“ถ้าเป็นแบบนี้ หลังจากนี้เรื่องของพวกเราก็จะดำเนินการได้ง่ายขึ้น” ไป๋หยิงยิ่งดีใจเป็นพิเศษ: “ขอเพียงหัวหน้าปกป้องเจ้าหญิง พวกเราก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวตระกูลถัง ยิ่งไม่ต้องกลัวคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอีกแล้ว”
“แน่นอน ก็แค่ตระกูลถัง ก็แค่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเป็นคู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้ยังไง แค่คำพูดประโยคเดียวของหัวหน้า องค์กรโกสต์ซิตี้ทำลายล้างตระกูลถัง กำจัดคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่ามดเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง” เจิ้งฉงหัวเราออกมาอย่างอดไม่ได้ บนใบหน้าเต้มไปด้วยความได้ใจ
“ในเมื่อหัวหน้าปกป้องเจ้าหญิงแบบนี้ งั้นงานแต่งระหว่างเจ้าหญิงกับเย่ซือเฉินจะต้องเป็นไปได้แน่ ตอนนี้ฉันมีแผนการที่ดีมากอย่างหนึ่ง” ไป๋หยิงหรี่ตาลง ขอเพียงจัดการเวินลั่วฉิงได้ เธอก็จะดีใจเป็นพิเศษ