ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1382 อย่าคิดปิดบังผม (2)
“ฉันไม่ได้เครียด ฉันแค่ไม่อยากกิน คุณปล่อยฉัน” หลินเป้ยรู้สึกร้อนรน จึงอดแสดงอาการหงุดหงิดไม่ได้ เสียงที่ดังขึ้นสื่อถึงการปฏิเสธอย่างฉายชัด
“ได้ ไม่อยากกินก็ไม่กิน ไม่ต้องโกรธนะคนดี”ถังหลินไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธการกินข้าวด้วยกันขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกเธอตื่นตระหนกมากอีกด้วย ทว่าเมื่อเห็นท่าทีของเธอแล้วถังหลินก็ไม่ได้ฝืนบังคับ เพราะเป็นห่วงสุขภาพเธอจึงสั่งข้าวเช้ามา แต่ในเมื่อเธอไม่ชอบ ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เสียงถังหลินเบามาก ทว่ากลับมีกระแสพลังให้คนรู้สึกสบายใจขึ้น ความหงุดหงิดของหลินเป้ยจึงลดลงกว่าครึ่ง
ถึงแม้หลินเป้ยคาดไม่ถึงว่าถังหลินจะยอมจำนนง่ายเช่นนี้ ทั้งยังอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจอีกต่างหาก ดังนั้นถึงแม้ถังหลินจะปล่อยเธอออก ทว่าเธอก็ยังคงยืนไม่ขยับด้วยความอึ้งอยู่ที่เดิม
วินาทีนี้ เธอรู้สึกว่าไม่กระวนกระวายใจและไม่เคร่งเครียดแล้ว
ในใจเธอ ถังหลินเป็นคนเหี้ยมเกรียม อำมหิต และต่ำช้าเสมอมา เธอไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนหน้าถังหลินจะปลอบเธอลักษณะนี้ ซึ่งเมื่อกี้เธอเป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล ทว่าถังหลินกลับไม่โกรธ แถมยังมีความอดทนอีกต่างหาก!!
ถังหลินทำแบบนี้ทำให้เธอไม่รู้จะพรรณนาเช่นไรดี รู้แต่ว่าความหงุดหงิดในใจค่อยๆจางหายไปหมดสิ้น
หลินเป้ยมองหน้าเขา เธอรู้สึกว่าเมื่อก่อนเธอไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของถังหลินเลย
หลินเป้ยยกมุมปากขึ้น คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง และในเวลาเดียวกัน ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูลอยเข้ามา
“คุณผู้ชายครับ มาส่งอาหารที่คุณสั่งได้ครับ”ทันทีที่ถังหลินเปิดประตู เสียงบริกรก็แว่วเข้ามา
“อืม ส่งให้ผมได้เลย” ถังหลินไม่ให้บริกรเข้ามา เขาเลื่อนโต๊ะอาหารเข้าไปเอง
ถึงแม้โรงแรมนี้เป็นธุรกิจในเครือแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล จึงมีความปลอดภัยสูง ทว่าถังหลินก็ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ เพราะฐานะหลินเป้ยพิเศษ หากมีคนจำหลินเป้ยได้ มีคนรู้ว่าเจ้าชายน้อยอยู่ในห้องของเขาก็จะยุ่งกันไปใหญ่
หลินเป้ยเห็นถังหลินเข็นอาหารเช้าเข้ามาก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็รีบเดินไปยังห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แลดูคล้ายกับกำลังหลบหนีอยู่
บังเอิญที่ถังหลินหันมาเห็นท่าทางของเธอพอดี เขาขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่อยากกินข้าวกับเขาขนาดนี้เลยหรือ?
แค่กินข้าวหนึ่งมื้อ จำเป็นต้องตกใจขนาดนี้ไหม?
เธอกลัวอะไรกันแน่?
ณ ตอนนี้ถังหลินนึกไม่ออก เห็นเธอรีบเดินเข้าห้องน้ำ เขาก็เรียกขึ้นมาว่า “ไม่กินจริงๆเหรอ?มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย กลิ่นหอมมากด้วย”
หลินเป้ยได้ยินก็หยุดเดิน วินาทีต่อมาเธอก้าวเท้าเพื่อจะเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำ เธอคิดว่าเวลาได้กลิ่นตอนอยู่ในห้องน้ำ ถึงจะอาเจียน ถังหลินก็คงไม่รู้
ทว่าวินาทีที่เธอเข้าไปถึงในห้องน้ำ เธอได้กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก มันหอมมาก เป็นกลิ่นของขนมปัง โจ๊ก และเนื้อ
หลินเป้ยชะงัก เธอคิดว่าจะอ้วกเหมือนเมื่อก่อน ทว่าสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ เธอไม่มีความรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนเลยสักนิด ทางกลับกัน กลับรู้สึกหิวมาก อยากกินมาก
หลังจากที่รู้ตัวว่าตั้งท้อง เธอก็มีอาการแพ้ท้องเลย ตอนเริ่มแรกยังดีอยู่ แต่ต่อมาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคือแค่ได้กลิ่นก็คลื่นไส้อยากอ้วกขึ้นมา เธอไม่รู้สึกหัวและอยากกินของขนาดนี้ตั้งนานแล้ว
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอยากอ้วกอีกต่อไป!!
หลินเป้ยงุนงง ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนหลังจากเจอถังหลินเธอก็ไม่ได้อ้วกเลย ตอนนั้นเธอยังคิดว่าเพราะไม่มีอะไรในท้องให้อ้วก เลยไม่มีอาการนั้น หรือเพราะเจอหน้าถังหลินแล้วรู้สึกเครียดเกินไป จึงเบี่ยงเบนความสนใจชั่วคราว ส่งผลให้ไม่มีอาการแพ้ท้อง
ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้เครียดเลย หลังจากถังหลินกล่อมเธอด้วยเสียงอ่อนโยนแล้ว เธอก็ไม่เครียดเลยสักนิด ตอนนี้เธอได้กลิ่นหลายอย่าง ทว่าก็ไม่รู้สึกอยากอาเจียนเลย
หลินเป้ยไม่ได้ไปที่ห้องน้ำ แต่หมุนกายยังโต๊ะที่ตั้งอาหารเช้าไว้ เมื่ออยู่ใกล้เช่นนี้ กลิ่นของอาหารยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่เธอก็ยังคงไม่รู้สึกคลื่นไส้เช่นเดิม
หลินเป้ยแอบถอนหายใจ จากนั้นก็หยิบขนมปังขึ้นมาหนึ่งแผ่น ก่อนจะเอาเข้าปากตัวเอง จากนั้นเธอก็ได้ลิ้มรสความหอมและความอร่อยที่ขาดหายไปนาน ซึ่งยังคงไม่รู้สึกอยากอ้วกเลยสักนิด
หลินเป้ยหยิบซาลาเปาลูกเล็กมากินหนึ่งชิ้น เมื่อเข้าไปก็รับรู้สึกไส้หมูที่มีความคาวเล็กน้อย ตอนเธอแพ้ท้องไม่กล้าแตะสิ่งนี้เลย แม้แต่คิดก็ไม่กล้า ทว่าตอนนี้เธอกินแล้วกลับรู้สึกถึงความหอมและความอร่อยของมัน
มุมปากหลินเป้ยยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ซาลาเปาในปากยังไม่ได้กลืนลงท้องทั้งหมด เธอก็ยื่นมือไปหยิบเพิ่มอีก
ก่อนหน้านี้ถังหลินก็งงกับการกระทำของเธอแล้ว ไม่ใช่บอกว่าไม่กินเหรอ?ปฏิเสธอย่างหนักหน่วงเลยไม่ใช่เหรอ?ทำไมจู่ๆก็วิ่งกลับมากินอย่างตะกละตะกลามเช่นนี้?
“คุณล้างมือหรือยัง?ทำไมถึงใช้มือหยิบกินล่ะ?”ถังหลินจับมือเธอที่คิดจะหยิบซาลาเปาลูกเล็กอีกครั้ง พึ่งตื่นนอน ยังไม่ได้ล้างมือเลย ใช้มือจับขนมปังกินก็แล้ว แต่ยังคิดจะจับซาลาเปาเข่งเล็กอีก ไม่รักความสะอาดเลย!!
“ฉันหิวแล้ว” หลินเป้ยไม่พอใจที่เขาขวาง เงยหน้ามองถังหลินด้วยแววตากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมหลายส่วน ตอนนี้เธอหิวมาก หิวมากจริงๆ อยากกินไปทุกอย่าง เธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เธอคิดว่าเวลานี้เธอสามารถกินวัวได้หนึ่งตัวเลยทีเดียว
ตอนนี้เธออยากกินอย่างเดียว ไม่อยากไปล้างมือ
“เมื่อกี้บอกไม่หิว ไม่อยากินนี่?”ถังหลินกระตุกมุมปาก ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงไวจัง ไม่รู้ว่าใครที่ได้ยินว่าจะกินข้าวก็จะวิ่งเข้าห้องน้ำท่าเดียว?
ไม่รู้ว่าใครที่บอกเขาเสียงดังฟังชัดว่าไม่หิว ไม่อยากกิน!!
“ตอนนี้ฉันหิวแล้ว” หลินเป้ยรู้สึกเคืองใจระคนความอึดอัดเล็กน้อย ทว่าเมื่อมีอาหารเลิศรสเย้ายวน พวกนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร ไม่ง่ายเธอกว่าจะรู้สึกอยากอาหาร เธอต้องกินให้อิ่มแเปล้ เพราะไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะอ้วกจนกินไม่ลงอีกไหม
“ใช้ตะเกียบสิ” ถังหลินไม่ได้บังคับให้เธอไปล้างมือ ยื่นตะเกียบให้เธอ เขามองออกว่าเธอหิวมากจริงๆ ไม่งั้นก็คงไม่กินสภาพนี้หรอก
เหมือนเธอจะไม่ได้กินอะไรหลายวันแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นเจ้าชายน้อยของประเทศ R ถึงจะไม่เป็นที่โปรดปรานในพระราชสำนัก แต่ก็คงไม่ตกอับจนไม่มีอันจะกินหรอกมั้ง?
เขาคิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่!!
ครั้งนี้หลินเป้ยไม่ได้ปฏิเสธ รีบรับตะเกียบจากถังหลิน จากนั้นก็นั่งลงแล้วกินต่อ
แน่นอน หลินเป้ยกลืนซาลาเปาในปากลงแล้วก็ไม่ได้รีบกินอีก ประการแรกเป็นเพราะหากรีบเกินไปจะไม่งาม ประการที่สองคือเธอรู้ตัวว่าอยู่ต่อหน้าถังหลิน เริ่มรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
หลินเป้ยไม่ได้รีบร้อนเหมือนเมื่อกี้ ทว่าก็ยังคงกินเร็ว ไม่นานอาหารก็ถูกเธอกวาดกินกว่าครึ่ง
ถังหลินไม่ได้กิน ยืนมองเธอด้วยดวงตาทอประกายรอยยิ้ม ดูออกว่าเธอหิวมากจริงๆ!!
ดูออกว่าเธอคล้ายกับไม่ได้กินข้าวนานแล้ว!!
เพราะไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ดังนั้นเขาจึงสั่งในปริมาณที่เพียงพอต่อคนรับประทานสามถึงสี่คน ทว่าตอนนี้เธอคนเดียวก็กินครึ่งหนึ่งแล้ว แถมยังไม่มีทีท่าจะหยุดกินอีกด้วย
“ทำไมคุณไม่กินล่ะ?”หลินเป้ยรู้สึกว่ากินพอสมควรแล้ว ตอนนี้จึงจะรับรู้ว่าถังหลินยืนมองเธออยู่ด้านข้างโดยที่ยังไมได้กินอะไรเลย
“ผมจะดูคุณกิน” มุมปากถังหลินยกโค้งขึ้น เสียงอันแผ่วเบาคละเคล้าเสียงหัวเราะไปด้วย ฟังแล้วรู้สึกสบายยิ่งนัก
หลินเป้ยรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย“ฉันอิ่มแล้ว คุณกินเถอะ”
ระหว่างที่หลินเป้ยพูดก็เลื่อนโต๊ะอาหารไปให้เขา ทว่าสายตายังคงมองที่อาหารเช้าอย่างอาลัยอาวรณ์
“ราชวังประเทศRไม่มีอาหารแล้วเหรอ?แม้แต่เจ้าชายน้อยก็ไม่ได้กินข้าวเลย?จนทำให้คุณหิวขนาดนี้?”ถังหลินนั่งตรงข้ามเธอ ประโยคนี้ของถังหลินยังคงเป็นน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแช่มช้า หากฟังดีๆ จะรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ผสมปนเปกับความอันตรายเล็กน้อย
เขารู้ว่าเธอไม่เป็นที่โปรดปรานในราชวงศ์ เขารู้ว่าเธออยู่ในพระราชวังอย่างยากเข็ญ เขาจินตนาการออกว่าเขาคงโดนกลั่นแกล้งไม่น้อย
ทว่านั้นมันเมื่อก่อน นับจากตอนนี้ เขาจะไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมารังแกเธออีก แม้แต่เชื้อกษัตริย์ก็ไม่ได้
หลินเป้ยได้ยินเขาพูด ร่างกายพลันแข็งทื่อ เพราะความเครียดและว้าวุ่นใจ ตะเกียบในมือจึงคลายออกเล็กน้อย ซาลาเปาเข่งเล็กที่คีบขึ้นมาจึงตก ……