ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1392 ความสามารถของเขา (2)
“ความเป็นไปได้ในการร่วมงานด้วยไม่ได้สูง” หลินเป้ยพูดความจริง ตอนนี้ถังหลินไปพบคารูแล้ว หากถังหลินไปจัดการเรื่องให้จบเลย ใครจะยังต้องการความช่วยเหลือจากราชวงศ์อีก!
“นายทดสอบในตอนที่ช่วยจัดการเรื่องให้ถังหลินเมื่อวาน?” เจ้าชายใหญ่รู้จักความสามารถของหลินเป้ยดี ดังนั้นหลินเป้ยพูดเช่นนี้ เจ้าชายใหญ่ไม่ได้สงสัยอะไร
หลินเป้ยเม้มปากเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร เมื่อคืนเธอหลับตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว ถังหลินอุ้มเธอขึ้นรถเธอก็ยังไม่ตื่น เธอจะมีโอกาสไปทดสอบ?
ทว่าวันนี้ถังหลินไม่ได้มีการปกปิดใดๆ กับเธอ การรับโทรศัพท์ การออกคำสั่งต่างก็ทำต่อหน้าเธอเลย เธอเข้าใจท่าทีของถังหลินอยู่แล้ว
“หลินเป้ย คืนนี้นายสามารถมาได้ไหม? หรือไม่นายมาคุยกับถังหลินเถอะ ฉันเชื่อใจนาย อีกอย่างครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่ประเทศZนายยังเคยช่วยเขาไว้ด้วย ฉันคิดว่านายออกหน้าคงจะเหมาะสมกว่า” เจ้าชายใหญ่ไม่ตายใจ ยังอยากจะคว้าโอกาสเอาไว้
นัยน์ตาของหลินเป้ยเปล่งประกายขึ้นทันที เรื่องที่ประเทศZนอกจากเธอกับถังหลินแล้วไม่มีคนรู้ เจ้าชายใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง
เรื่องนั้น เธออยากจะลืมไปด้วยซ้ำ เธออยากให้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น ให้เธอใช้เรื่องนั้นมาทำให้ถังหลินออมมือ นอกจากว่าเธอจะบ้าไปแล้ว
“หลินเป้ย คืนนี้นายจะมาไหม?” เจ้าชายใหญ่ไม่ได้ยินเสียงของเขา ถามต่ออีกประโยคหนึ่ง
“เมื่อวานนายบอกว่าจะพักผ่อน ฉันเองก็ตอบตกลงนายแล้ว ไม่ควรจะบังคับให้นายว่า แต่ว่าเรื่องนี้……” เจ้าชายใหญ่ก็มีความลำบากใจเล็กน้อย
“คืนนี้ฉันจะไป” หลินเป้ยพูดแทรกคำพูดของเจ้าชายใหญ่ ให้คำตอบที่ชัดเจนออกมา แต่ว่า เธอไม่ได้ตอบตกลงเจ้าชายใหญ่ แต่เป็นเพราะว่าเธอตกลงกับถังหลินก่อนหน้านี้แล้ว
ถังหลินให้เธอไปที่งานเลี้ยงในคืนนี้เลย ให้เธอรอเขาที่งานเลี้ยง
เธอหวังว่าถังหลินจะปลอดภัย เธอหวังว่าจะสามารถพบเจอกับถังหลินที่งานเลี้ยงในวันนี้!!
“นายมาฉันก็วางใจแล้ว นายมาแล้วงั้นเรื่องนี้นายก็ช่วยฉันพูดกับถังหลิน นายมาพูดน่าจะมีความสำเร็จสูงกว่า” ตลอดหลายปีมานี้หลินเป้ยช่วยเจ้าชายใหญ่ออกความเห็นต่างๆ ไม่น้อยเลย เจ้าชายใหญ่มั่นใจในตัวหลินเป้ยมาก
“เรื่องนี้ฉันจะไม่แทรกแซง” หลินเป้ยจะไปงานเลี้ยงในวันนี้เป็นเพราะว่าตกลงกับถังหลินไว้ก่อนแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะจะช่วยเจ้าชายใหญ่พูดคุยเงื่อนไขกับถังหลิน
ในทางกลับกันหลินเป้ยไม่หวังว่าถังหลินจะมีการร่วมงานอะไรกับราชวงศ์ นิสัยการทำงานของพระราชาคนนั้นเธอรู้ดี สามารถเอาเปรียบได้ก็จะเอา หลังจากได้เปรียบแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนใจอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าหลินเป้ยก็รู้ ถังหลินไปพบคารูในครั้งนี้ ขอแค่ราบรื่น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร่วมงานกับราชวงศ์แล้ว
“คำ? คำพูดนี้นายไหมความว่าอะไร?!” เจ้าชายใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ตะลึงงันไปเลย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเป้ยจะพูดประโยคแบบนี้ออกมา
“นายไม่เห็นด้วยกับวิธีการของฉัน?” เจ้าชายใหญ่ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันยอมรับว่าฉันทำแบบนี้เพราะอยากใช้เรื่องนี้ ใช้ความคิดของถังหลินเป็นเครื่องมือ ทว่าฉันเองก็อยากจะช่วยพวกเขาจากใจจริง ไม่ว่ายังไงแล้วความสัมพันธ์ของฉันกับเย่ซือเฉินก็ไม่ได้แย่”
“แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากนาย” หลินเป้ยพูดออกจากปากตรงๆ เลย เมื่อก่อนเธอคงจะคิดนึกอีกมากมาย ไม่มีทางพูดแบบนี้ออกมาแน่นอน
ทว่าหลังจากที่เธอรู้ความจริงของเรื่องนี้แล้ว ในใจรู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นไม่อยากไว้หน้าใครแล้ว!!
“ความหมายของนายคือถังหลินมีวิธีจัดการเรื่องนี้เอง?” นัยน์ตาของเจ้าชายใหญ่เปล่งประกายขึ้น คำพูดนี้ดูไม่ค่อยชัดเจน “หากครั้งนี้คนที่มาคือเย่ซือเฉิน ฉันจะเชื่อว่าเย่ซือเฉินสามารถจัดการเองได้ แต่ว่าถังหลิน ฉันมีความสงสัยจริงๆ ถังหลินมาประเทศRครั้งแรก อีกอย่างถังหลินไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ในประเทศRเลย”
“ถังหลินไม่ได้แย่ไปกว่าเย่ซือเฉิน” ได้ยินคำพูดของเจ้าชายใหญ่แล้ว นัยน์ตาของหลินเป้ยก็ไม่สามารถปกปิดได้อีก “ในทางกลับกันของเรื่องบางเรื่อง ถังหลินอาจจะชนะเย่ซือเฉิน”
“นายมั่นใจในตัวถังหลินมากเลยนะ ถังหลินพูดอะไรกับนายหรือเปล่า?” นี่เป็นครั้งที่สามที่เจ้าชายใหญ่ถามคำถามแบบนี้ เจ้าชายใหญ่คือคนฉลาด เขารู้สึกได้ถึงว่าท่าทีของหลินเป้ยผิดปกติ เขารู้สึกว่าหลินเป้ยน่าจะรู้เรื่องภายในเล็กน้อย
“เปล่า” หลินเป้ยไม่มีการลังเลใดๆ ปฏิเสธตรงๆ ไปเลย ฟังไม่ออกถึงความกลัวจากน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย และฟังไม่ออกถึงความผิดปกติเลย
“งั้นคืนนี้ถังหลินจะไปร่วมงานเลี้ยงหรือเปล่า? นายได้ถามเขาหรือยัง” เจ้าชายใหญ่ไม่ได้สงสัยในคำตอบของหลินเป้ย แต่ว่าเขาก็ยังไม่ตายใจกับการพูดคุยในเรื่องร่วมงานกัน
“ไป” ครั้งนี้ หลินเป้ยตอบเร็วมาก คืนนี้ถังหลินต้องไปร่วมงานเลี้ยงแน่นอน ต้องไปแน่นอน!!
ถังหลินจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!!
หลินเป้ยตอบกลับอย่างยืนหยัดมาก ทว่ามือที่จับโทรศัพท์ของเธอในขณะนี้กลับบีบแน่นขึ้น ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ในเมื่อถังหลินตกลงจะมาร่วมงานเลี้ยง งั้นเรื่องนี้ก็มีพื้นที่ในการเจรจาแล้ว เงื่อนไขของฉันไม่ได้เกินไป ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อถังหลิน ดังนั้นฉันคิดว่าเรื่องนี้ก็ยัง……” เจ้าชายใหญ่ได้ยินว่าถังหลินจะมางานเลี้ยงก็แอบโล่งใจ “ฉันมีการตัดสินใจในใจแล้ว ฉันทำงานยังไงนายน่าจะรู้”
ในตอนที่เจ้าชายใหญ่เสนอกับพระราชา ไม่ได้พูดว่าจะคุยเงื่อนไขอะไรกับถังหลิน เจ้าชายใหญ่รู้ว่าถังหลินกับเย่ซือเฉินเป็นคนที่ฉลาดยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอก
อีกอย่างเจ้าชายใหญ่ไม่ใช่พระราชา สิ่งที่เขาต้องการคือการร่วมมือที่ยาวนาน เขาต้องการให้ประเทศRเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีขึ้นจริงๆ ดังนั้น เจ้าชายใหญ่ไม่ได้มีความคิดที่จะให้ถังหลินและเย่ซือเฉินเสียเปรียบ
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะมีเงื่อนไขที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์ต่อพวกถังหลิน เจ้าชายใหญ่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำการชดเชยให้ในด้านอื่นๆให้
เจ้าชายใหญ่เป็นคนฉลาด เขารู้ดี อยากจะให้ประเทศRมั่นคง อยากจะให้ประเทศRเจริญเติบโต ก็จำเป็นต้องหาวิธีกดทับคารู จำเป็นต้องสนับสนุนนักธุรกิจอย่างถังหลินและเย่ซือเฉิน
ถังหลินพูดแบบนี้ หลินเป้ยก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เธอรู้ว่าเจ้าชายใหญ่ไม่ใช่พระราชา เจ้าชายใหญ่น่าเชื่อถือยิ่งกว่าพระราชา เจ้าชายใหญ่อยากให้ประเทศRดีขึ้นจากใจจริง
ดังนั้นเจ้าชายใหญ่อยากร่วมมือกับถังหลินจากใจจริงแน่นอน
หลินเป้ยไม่รู้ว่าถังหลินไปพบกับคารูในครั้งนี้จะมีผลยังไง ดังนั้นเธอไม่ได้พูดให้ชัดเจน เธอจะไม่แทรกแซงในเรื่องนี้ หากเจ้าชายใหญ่มีความจริงใจจริงๆ พอถึงเวลาหากถังหลินเจรจากับคารูไม่สำเร็จ ก็ยังสามารถเจรจากับเจ้าชายใหญ่ได้
หลินเป้ยยังไม่รู้ตัวว่า เธอในขณะนี้ได้เข้าข้างไปทางถังหลินอย่างชัดเจน
อีกทางหนึ่ง ถังหลินมาถึงสถานที่ที่นัดกับคารูแล้ว
“คุณชายถัง ด้านหน้านี้เลยครับ ประธานเมิ่งก็ตามมาแล้วครับ” คนขับรถจอดรถ แล้วเห็นเมิ่งหลินที่ลงจากรถทางด้านหลัง
“คุณชายถัง ผมเตรียมอาวุธไว้แล้ว” สีหน้าของเมิ่งหลินในขณะมีความหนักแน่นเพิ่มขึ้น คุยเจรจากับคนแบบคารูจะต้องมีการป้องกันตัวไว้อยู่แล้ว
“สามารถเอาเข้าไปได้?” ถังหลินมองไปแล้วเห็นสิ่งของในมือของเมิ่งหลิน สิ่งของไม่แย่ แต่ว่าพวกคารูจะอนุญาตให้เอาเข้าไปไหม?
“คุณชายถัง ในมือของพวกเขาต่างก็จับอาวุธไว้ หากพวกเขาไม่อนุญาตให้คุณนำอาวุธเข้าไป คุณก็ห้ามเข้าไป” เมิ่งหลินไม่ไว้ใจอยู่แล้วแต่แรก สถานการณ์ที่พิเศษในตอนนี้ เขายิ่งเป็นห่วงไปใหญ่
“งั้นก็เอามาให้ฉันเถอะ” ถังหลินไม่ได้พูดอะไรมาก รับอาวุธจากมือของเมิ่งหลินมา
ถังหลินถึงขั้นไม่ได้ซ่อนไว้ หยิบไว้ในมืออย่างโจ่งแจ้ง เดินตรงไปทางข้างในเลย
เมิ่งหลินตะลึงงันไปเลย เข้าชายใหญ่ช่าง…ช่าง…
คุณชายใหญ่จะไม่ซ่อนไว้สักหน่อยเหรอ?
ถังหลินในขณะนี้เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ข้างนอกประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ไม่กี่คน ในมือก็จับอาวุธไว้
“คนสามารถเข้าไปได้ อาวุธต้องวางไว้” เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้ว่าถังหลินจะมา คารูกำชับไว้แล้ว
“ทำไม? นี่คือสถานที่ของพวกเขา ในมือของพวกคุณต่างก็มีอาวุธ ทำไมถึงไม่อนุญาตให้พวกเราพกอาวุธเข้าไป” ถึงแม้เมิ่งหลินจะคิดไว้แล้วว่าพวกเขาไม่อนุญาตให้คุณชายถังพกอาวุธเข้าไปแน่นอน แต่ว่าได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้แล้ว ในใจก็ยังโมโหมากเช่นกัน
“นี่คือสิ่งที่หัวหน้าของเรากำชับเอาไว้ ห้ามพกอาวุธเข้าไป ดังนั้นจะต้องค้นตัวก่อน” อาวุธที่ยามเฝ้าประตูบอกไม่ได้ไหมถึงอาวุธที่ถังหลินจับอยู่ในมืออย่างเดียว ยังรวมถึงอาวุธที่ถังหลินซ่อนอยู่ในตัวอีกด้วย
“นายอย่าเกินไปนะ พวกเรามาครั้งนี้เพื่อที่จะมาเจรจากับพวกนาย หากพวกนายไม่มีความจริงใจ งั้นก็ไม่ต้องคุยแล้ว” เมิ่งหลินโมโหจนหน้าแดงแล้ว คนนี้ก็เกินไปแล้ว
“ไม่เป็นไร ค้นเถอะ” แต่ว่าถังหลินให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก อีกอย่างบนใบหน้าของถังหลินในขณะนี้ยังมีรอยยิ้มอีกด้วย
เมื่อกี้ถังหลินรับอาวุธของเมิ่งหลินมาก็เพื่อที่จะทดลองท่าทีของคารู ตอนนี้ได้รับผลลัพธ์แล้ว
แน่นอนว่า รู้ท่าทีของคารูแล้ว เขาก็มีวิธีที่จะรับมือแล้ว ดูเหมือนว่า วันนี้จะมีละครน่าดูแล้ว!!