ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1404 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว (2)
เวลานี้น้ำเสียงของคุณย่าเย่นั้นต่ำลงมาก และมีเพียงแค่คุณปู่เย่เท่านั้นที่สามารถได้ยิน คำพูดของเธอในเวลานี้พูดออกมาแบบนี้ แต่ในใจของเธอนั้นความจริงแล้วมีความมั่นใจมาก เธอรู้ว่าเรื่องราวจะต้องเป็นไปตามแผนที่เธอวางเอาไว้
ช่วงหลายปีมานี้เย่โป๋เหวินใช้ชีวิตอยู่กับความทุกข์มาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เย่โป๋เหวินรู้สึกตายไปยังจะดีกว่าอยู่เสียอีก และตอนนั้นเองเย่โป๋เหวินก็เคยจะฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน เพียงแต่พบเจอได้เร็ว จึงช่วยชีวิตเอาไว้ได้
ตอนนั้นคุณปู่เย่ก็ด่าว่าเย่โป๋เหวินอย่างรุนแรง และต่อมาเย่โป๋เหวินก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นอีก
แต่ตอนนี้เย่โป๋เหวินก็มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลและดีมากเหตุผลหนึ่ง และคำพูดเมื่อครู่นี้คุณย่าเย่เองก็มองออกถึงความคิดของเย่โป๋เหวินเช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะเกินความคาดหมายมากเกินไป
คุณปู่เย่มีใบหน้าที่ดูหนักหน่วง มุมปากเม้มเข้าหากัน ไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอีก
คุณย่าเย่เองก็ไม่พูดออกมาด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนยืนอยู่เงียบๆแบบนั้นตรงด้านนอกประตูห้องของเย่โป๋เหวิน
เย่โป๋เหวินที่อยู่ภายในห้องหยิบเอาขวดยาขวดเล็กๆออกมาจากใต้หมอน ในขวดนั้นมียาบรรจุอยู่เต็มขวด
พวกนี้เป็นยานอนหลับ เป็นยาที่เย่โป๋เหวินมักจะบอกว่าตัวเองนอนไม่หลับและให้คุณหมอสั่งจ่ายยาให้
คุณหมอเองก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ทุกครั้งจึงจ่ายยาให้เพียงแค่1-2เม็ด
เย่โป๋เหวินนอนไม่หลับจริงๆ แต่ยาที่เขาให้คุณหมอจ่ายมาให้นั้นกลับไม่ได้กิน เก็บเอาไว้มาโดยตลอด
เรื่องในตอนนั้นเป็นการโจมตีเขาหนักมาก หลังจากที่เมิ่งหยูเยียนจากไปแล้ว เขาก็ยิ่งตกอยู่ในความทุกข์และการโทษตัวเอง ตอนนั้นเขารู้สึกท้อแท้ใจ ใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆเท่านั้น
ใช้ชีวิตไปแบบนี้ก็เป็นสิบกว่าปี ต่อมา เขาก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขารู้สึกว่านี่ก็คงจะเป็นบทลงโทษที่สวรรค์ทำกับเขา
เขารู้สึกว่าการใช้ชีวิตไม่ได้มีความหมายอะไรมาตั้งนานแล้ว เขาใช้ชีวิตพอแล้ว หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ เขาก็กลายเป็นคนพิการ และยิ่งรู้สึกหมดหนทางและจนปัญญา ในตอนนั้นเขายิ่งอยากจะฆ่าตัวตาย
เพียงแต่หลังจากที่เขาถูกช่วยให้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ได้ยินเสียงด่าว่าของพ่อ ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ เขาจึงทำได้เพียงเลือกที่ยังมีชีวิตอยู่
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลุดพ้นได้แล้ว
เย่โป๋เหวินหยิบขวดยานอนหลับขึ้นมา แล้วเทยาเข้าไปในปาก เขาไม่สนใจว่าจะมากหรือน้อย ก็เทลงไปทั้งหมดแบบนั้น หลังจากนั้นก็หยิบน้ำที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วกรอกลงไป
จากนั้น เขาวางแก้วน้ำลงอย่างเงียบๆ แล้ววางขวดยานอนหลับลงบนโต๊ะด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมา อาศัยช่วงที่ยังมีสติอยู่นี้ เขารีบเขียนคำสั่งเสียเอาไว้สองสามประโยคอย่างรวดเร็ว
เย่โป๋เหวินเขียนเอาไว้ไม่มาก ดังนั้นเขียนคำสั่งเสียเอาไว้เสร็จแล้ว ยังไม่ได้นอนหลับตายไปนั้น เขาใช้แรงเคาะลงที่โต๊ะ หลังจากนั้นก็ตะโกนออกไปทางด้านนอก
คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ยืนอยู่ข้างนอกตลอด ฟังความเคลื่อนไหวภายในอย่างเงียบๆ ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเย่โป๋เหวินแล้ว ทั้งสองคนก็รู้สึกตกตะลึงไป เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้
แต่คุณย่าเย่ก็ยังมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว จากนั้นก็ผลักประตูห้องแล้วเดินเข้าไป
คุณย่าเย่มองไปยังเย่โป๋เหวิน ยิ้มด้วยความรักใคร่ : “โป๋เหวิน แกคิดดีแล้ว ตอนนี้กลับไปกับพวกฉันได้แล้วใช่ไหม?”
ตอนที่คุณย่าเย่เอ่ยถามออกมานั้นก็แอบสำรวจสถานการณ์ของเย่โป๋เหวินไปด้วย คุณย่าเย่เห็นดวงตาที่กึ่งๆจะปิดลงของเย่โป๋เหวิน ดวงตาดูเหมือนจะลืมไม่ขึ้นแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“แม่ เมื่อกี้ผมกินยานอนหลับไปขวดนึง” เย่โป๋เหวินฝืน พยายามลืมตา เขาหยิบขวดยานอนหลับเมื่อครู่นี้ให้กับคุณย่าเย่ดู : “ทั้งขวด”
“โป๋เหวิน ทำไมแก? ทำไมแกทำแบบนี้?” คุณย่าเย่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ แล้วรีบเข้ามาอยู่ข้างๆเย่โป๋เหวิน ความรู้สึกดูแล้วตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ในใจของคุณย่าเย่นั้นกลับแอบหายใจออกมา
“แม่ ถ้าหากจำเป็นจะต้องมีคนเสียสละจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมไปเถอะ สุขภาพร่างกายของแม่กับพ่อดีมาตลอด ส่วนผมก็เป็นคนพิการคนนึง ความจริงแล้วผมเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่ผมไม่อยากจะให้พ่อกับแม่เสียใจเกินไปเท่านั้น” เย่โป๋เหวินยังเหลือความมีสติเพียงน้อยนิดสุดท้ายนี้ แล้วกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย
“โป๋เหวิน ทำไมแกโง่แบบนี้? แบบนี้แกจะให้พวกฉันทำยังไง?” คุณย่าเย่คว่ำหน้าลงบนร่างของเย่โป๋เหวินร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจ แต่เสียงของคุณย่าเย่ไม่ดัง ทางด้านนอกไม่สามารถได้ยินความผิดปกติใดๆได้
คุณย่าเย่กับคุณปู่เย่ก็ไม่ได้ตะโกนเรียกให้คุณหมอมาช่วยชีวิตเย่โป๋เหวินด้วยเช่นกัน
เย่โป๋เหวินกินยานอนหลับ แต่นี่ผ่านไปเพิ่งจะไม่กี่นาที ถ้าหากช่วยชีวิตก็สามารถที่จะช่วยกลับมาได้อยู่แล้ว
แต่คุณย่าเย่กับคุณปู่เย่กลับไม่ทำแบบนั้น
เวลานี้สมองของเย่โป๋เหวินนั้นทำงานช้ามาก ไม่ได้ระมัดระวังสิ่งเหล่านี้ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็สามารถหลุดพ้นได้แล้ว อีกทั้งการตายของตัวเองยังเป็นประโยชน์กับตระกูลเย่ และซือเฉินอีกด้วย
เขารู้สึกว่าตายแบบนี้ก็คุ้มค่าแล้ว!!
“ในเมื่อมีเพียงวิธีนี้ที่จะสามารถทำให้ซือเฉินกลับมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมได้เสียสละก็แล้วกัน ผมตายไปซือเฉินจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพ่อกับแม่ก็รั้งซือเฉินเอาไว้ เรื่องทั้งหมดก็จะแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์แล้ว” เวลานี้เย่โป๋เหวินอาจจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาก
“หลายปีมานี้ ผมไม่ได้สนใจดูแลซือเฉินมาตลอด ไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อเลย สุดท้ายนี้ผมสามารถทำเพื่อเขาได้แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็สามารถจะชดเชยกับความละอายใจของผมได้บ้าง และผมเองก็สามารถหลุดพ้นได้ในที่สุดแล้วเช่นกัน” ดวงตาของเย่โป๋เหวินลืมไม่ขึ้นแล้ว น้ำเสียงก็เบาลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่ได้ยินแล้ว
เวลานี้คุณย่าเย่ลุกขึ้นมา เธอมองดวงตาที่ปิดลงแล้วของเย่โป๋เหวิน ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แล้วก็ไม่ได้ร้องเรียกเย่โป๋เหวินอีกเช่นกัน และแน่นอนว่ายิ่งไม่ได้ตะโกนเรียกคุณหมออีกด้วย
ใบหน้าของคุณปู่เย่อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกเสียใจ หรือเป็นเพราะความละอายใจ อดที่จะด่าว่าออกมาไม่ได้ : “แกมันลูกเลว ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว”
คุณย่าเย่มองคุณปู่เย่ พลางขมวดคิ้วขึ้น
เดิมทีเย่โป๋เหวินที่หลับตาลงแล้วนั้นนิ้วมือขยับ เปลือกตายกขึ้นมา หลังจากนั้นก็เอ่ยพึมพำขึ้น : “พ่อ ขอโทษครับ ผมทำให้พ่อผิดหวังแล้ว!!”
คุณปู่เย่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ร่างกายก็แข็งทื่อไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่นั้นก็ดูหนักหน่วงขึ้นมาทันที
ลูกชายพูดขอโทษกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ลูกชายของเขากลับไม่รู้เลย ว่าทั้งหมดนี้ ความจริงแล้วเป็นแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้
คุณย่าเย่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเย่โป๋เหวินจะพูดแบบนี้ออกมาตอนสุดท้าย ร่างของคุณย่าเย่แข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“โป๋เหวิน โป๋เหวิน……” คุณย่าเย่ตะโกนเรียกเย่โป๋เหวินด้วยเสียงทุ้มต่ำและเจ็บปวด ครั้งนี้ดูแล้วคงจะไม่เหมือนกับการแสร้งทำแล้ว
แต่ครั้งนี้เย่โป๋เหวินไม่ได้ตอบรับอีก หลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โป๋เหวิน แม่ต้องขอโทษแกต่างหาก” ต่อให้คุณย่าเย่จะใจแข็ง ก็ยังอดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ครั้งนี้ร้องไห้ออกมาจริงๆแล้ว
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว” คุณปู่เย่มองไปยังคุณย่าเย่ น้ำเสียงทุ้มต่ำได้ยินถึงความขุ่นเคืองอยู่บ้าง
เรื่องราวเป็นแบบนี้แล้ว มีอะไรให้ต้องมาร้องไห้อีก แล้วอีกว่าร้องไห้แบบนี้ ถ้าหากคนอื่นได้ยินแล้ว ก็จะยิ่งทำให้เกิดความสงสัยได้ง่าย ถึงตอนนั้นแล้วเกรงว่าจะเกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นขึ้นมาเสียก่อน
“เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะไม่เสียใจได้อย่างไรกัน” ใบหน้าของคุณย่าเย่ยังคงมีน้ำตา แต่เธอหยุดร้องไห้แล้ว
“เดิมทีนี่ก็เป็นความคิดที่คุณเป็นคนคิดขึ้นมา ตอนนี้ก็จะมาเป็นผู้หญิงใจอ่อนอีก” คุณปู่เย่ขมวดคิ้วขึ้น ดูแล้วรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง และแน่นอนว่ายังรู้สึกละอายใจอยู่นิดหน่อยด้วยเช่นกัน
อย่างที่คุณย่าเย่พูดไว้เมื่อครู่นี้ ถึงอย่างไรเขาก็คือลูกชายของเขา ลูกชายแท้ๆ อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วย จะบอกว่าไม่เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาเสียใจ ยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า
“ตอนนี้มาโทษฉันใช่ไหม? ความคิดฉันเป็นคนเสนอ คุณเองก็ตอบตกลงนี่ ตอนนี้คุณกลับมาโทษฉัน” คุณย่าเย่เองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเสียใจภายในใจ หรือเป็นเพราะความละอายใจ ที่ทำให้ตอนนี้คุณย่าเย่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ได้ยินคุณปู่เย่ตำหนิ พรุ่งนี้ก็รู้สึกโมโหอยู่บ้าง
“เอาล่ะ อย่าไปพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย ตอนนี้เริ่มจัดการเรื่องราวหลังจากนี้ดีกว่า” แต่เวลานี้คุณย่าเย่ยังคงมีสติอยู่ เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโห
พวกเขาวางแผนเรื่องราวเอาไว้ดีแล้ว เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ ก็ทำได้เพียงจะต้องเดินต่อ
ส่วนลูกชาย ถึงแม้เธอจะอาลัยอาวรณ์ ถึงแม้จะรู้สึกละอายใจ แต่กลับไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน
ถ้าหากทำได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
มีเพียงแบบนี้ที่จะสามารถทำให้เย่ซือเฉินกลับมาตระกูลเย่ได้ ถึงอย่างไรเย่โป๋เหวินก็เป็นพ่อของเย่ซือเฉิน พ่อแท้ๆเสียชีวิต เป็นไปไม่ได้เลยที่เย่ซือเฉินจะไม่กลับมา เพียงแต่เย่ซือเฉินกลับมา พวกเขาก็มีวิธีแล้ว
แม้กระทั่งคุณปู่เย่คิดแผนการดีๆอีกวิธีหนึ่งได้ แผนนั้นไม่เพียงแค่สามารถทำให้เย่ซือเฉินกลับมาที่ตระกูลเย่ได้ใหม่อีกครั้งเท่านั้น และยังสามารถทำให้เย่ซือเฉินรับปากที่จะแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้อีกด้วย
ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างล้วนจะเป็นไปตามที่ต้องการ! เป็นที่ถูกอกถูกใจแล้ว!!