ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1429 อยากจะหนีหรือ ไม่มีทางหรอก(1)
พระราชินีไม่มีทางทำอะไรแม่อีก ยังไงก็อย่างที่แม่เพิ่งพูด สำหรับพวกเขาแล้วแม่ไม่มีอะไรให้ข่มขู่!!แต่เธอไม่เหมือนกัน!!
ก่อนหน้านี้ที่พระราชินีเรียกแม่ไปทำอัปยศต่อแม่ได้ก็เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ ตอนนี้เจ้าชายใหญ่รู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ให้เรื่องอย่างวันนี้เกิดขึ้นอีกแน่
และพระราชินีจะทำให้เจ้าชายใหญ่ขุ่นเคืองเพราะเรื่องเล็กๆไม่ได้
ดังนั้นพระราชินีจะมาหาก็ต้องสร้างปัญหาให้เธอ
ดังนั้นแม่อยู่ต่อไปก็ไม่อันตราย กลับกันถ้าทั้งสองคนไปด้วยกันก็มีแต่จะให้พระราชินีและคนอื่นสงสัย
แต่หลินเป้ยก็ยังไม่วางใจ:“แม่ งั้นแม่ไปเที่ยวกับฉันที่ต่างประเทศสักสองสามวันไหม แม่ไม่เคยไปต่างประเทศนี่”
หลินเป้ยคิดว่าสองคนไปต่างประเทศเหตุผลนี้ พระราชินีน่าจะหาความผิดไม่ได้ ก็แค่ถ้าอยากหลีกเลี่ยงถังหลินต้องยากแน่ๆ
“ไม่ แม่ไม่ไปต่างประเทศ พรุ่งนี้แม่นัดไปเดินเล่น เล่นไพ่แล้ว ไปต่างประเทศเหนื่อยไป ที่ไหนจะสบายกว่าอยู่บ้านกัน คุณไปเองเถอะ แม่ไม่ไปเหนื่อยกับลูกหรอก”เหมือนว่าคุณแม่หลินจะทนไม่ค่อยได้ โบกมือให้หลินเป้ยทันที
หลินเป้ยมองไปที่เธอ สายตานั้นซับซ้อนหน่อยๆ กับคำพูดที่ออกมาเมื่อกี๊
“โอเค ลูกอย่ายืนนิ่งอยู่นี่เลย ที่จริงแม่คิดว่าตัวตนของลูกจะถูกพระราชินีจับได้ ดังนั้นจึงเป็นห่วง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม่ก็วางใจ มืดแล้ว แม่ไปนอนแล้ว ลูกจะนอนนี่หรือจะกลับไป?”คุณแม่หลินกลับตัดบทของหลินเป้ยที่ยังไม่พูด เธอพูดจบ ก็ไม่สนหลินเป้ยอีก ตัวเองนั้นกลับไปที่ห้อง
หลินเป้ยยืนอยู่ที่ห้องโถง มองแผ่นหลังของแม่ สายตานั้นงุนงงหน่อยๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไร
ผ่านไปสักพัก ในห้องคุณแม่หลินก็ไฟดับลง หลินเป้ยจึงออกไป
หนึ่งชั่วโมงถัดมา ถังหลินที่อยู่ในโรงแรมก็ได้รับสาย
“คุณชายถัง เจ้าชายน้อยจองตั๋วไปประเทศQ”พอโทรติด คนนั้นก็รายงานทันที ชัดเจนว่าเป็นคนนั้นที่ถังหลินให้เย่ซือเฉินส่งมาไปสืบเรื่องของหลินเป้ย แต่เมื่อก่อนคนที่เขาให้ไปติดตามเจ้าชายน้อยก็ยังอยู่ มีเรื่องอะไรก็จะรายงานถังหลินทันที
ถังหลินจับโทรศัพท์ไว้ ตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ไปประเทศQ?
เธอไปประเทศQ?เธอเพิ่งกลับไปไม่นานก็จองตั๋วแล้ว?
นี่เธอคิดจะหนีเขา?
คำพูดของเขาก่อนหน้านี้ก็พูดชัดเจนแล้ว เธอกลับไม่ฟังเลยสักคำ
ก็แค่เธอฉลาดมาก ทำอะไรก็ระวังตัวเสมอ ทำไมถึงจองตั๋วในเว็บได้?!
จู่ๆถังหลินก็หัวเราะ กลัวว่าจงใจทำให้เขาดูน่ะสิ
“ตอนนี้เจ้าชายน้อยอยู่ไหน?”ถังหลินคิดว่าเรื่องตั๋วเครื่องบินนั้นเขาไม่จำเป็นต้องสนใจ
“เจ้าชายน้อยกลับคฤหาสน์ไม่นานก็ออกไป จากนั้นคนที่พวกเราตามไปก็ถูกเจ้าชายน้อยสลัดทิ้ง จากนั้นจึงสืบเรื่องที่เจ้าชายน้อยจองตั๋วได้ ตั๋วที่เจ้าชายน้อยจองเหลืออีกสามชั่วโมง เวลานี้เจ้าชายน้อยน่าจะรีบไปสนามบินสินะ?”
มุมปากของถังหลินยกขึ้นเล็กน้อย รีบไปสนามบิน?ถ้ารีบไปสนามบินจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องสลัดคนของเขาทิ้ง
แต่ว่า ถังหลินกลับอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร?
จะหนีเขา?หนีอย่างไร?จะหนีไปไหน?
“คุณชายถัง พวกเราจะไปคุ้มกันที่สนามบินไหม?”คนๆนั้นไม่ได้ยินเสียงของถังหลิน ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ไปเถอะ”เสียงของถังหลินนั้นนิ่ง ฟังอารมณ์ไม่ออก ในเมื่อคลาดกับเธอแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ไปคุ้มกันที่สนามบินก็ได้
ถึงเขามั่นใจแล้วว่านี่คือของกลยุทธ์ล่อศัตรูของหลินเป้ย เขาแน่ใจว่าหลินเป้ยไม่มีทางไปสนามบินแน่ แต่ถ้าเธอไปจริงล่ะ?!
ให้คนไปปกป้องที่สนามบินเขาถึงวางใจ
ส่วนเขาแล้ว ต้องหาเธอให้เจอก่อนถึงจะถูก เรื่องที่องค์กรโกสต์ซิตี้เขาก็จัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นต่อไป ที่เขาต้องจัดการก็มีแค่เรื่องนี้
ดังนั้น ไม่ว่าเธอหลบไปไหน เขาก็ต้องหาเธอเจอ
อยากหนีเหรอ?!นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย!!
ที่เมือง A เย่โป๋เหวินตาย ห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายวางอยู่ในบ้านของตระกูลเย่ ที่จริงตอนนี้หลายคนต่างเลือกทำห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายที่สถานที่จัดงานศพเลย คนอย่างเย่โป๋เหวินที่เดิมทีอยู่สถานพยาบาลมาโดยตลอด ตายไปแล้วยังเอากลับมาบ้านดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะ แต่คุณปู่เย่ก็จะทำแบบนี้
และการเคลื่อนไหวก็มากด้วย ทั้งที่ควรรู้ และไม่น่าจะรู้ ต่างรู้เรื่องที่เย่โป๋เหวินเสีย
เรื่องเสียไปแบบนี้ ไม่มีทางเชิญคนอื่นได้ โดยทั่วไปแล้วคนที่ได้รับข่าวที่มีมิตรภาพอยู่ก็จะมาเอง
คุณปู่เย่ทำมากมายขนาดนี้ หลายคนต่างรู้ ดังนั้นแขกในงานจึงเยอะเป็นพิเศษ
ถึงแม้หลายปีนี้เย่โป๋เหวินไม่ยุ่งเรื่องของตระกูลเย่เลย และไม่เคยปรากฏหน้าเลย แต่จากอิทธิพลของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปในเมือง Aแล้ว คนที่อยากประจบประแจงตระกูลเย่มีนับไม่ถ้วน โอกาสเช่นนี้ไม่พลาดอยู่แล้ว
ในบ้านของตระกูลเย่ แขกที่มาถึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้จักกัน และเลี่ยงไม่ได้ที่จะทักทายกันสองสามคำ
“ประธานหลิวก็มาแล้ว นี่ประธานหลิวได้ข่าวมาจากไหนเหรอ?”ชายวัยกลางคนทักทายคนข้างๆด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ต้องไปถามข่าวคราวโดยเฉพาะด้วยเหรอ?ตอนนี้เมือง Aใครไม่รู้เรื่องนี้บ้างล่ะ ปกติคุณไม่เข้าเน็ต ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าเป็นสถานการณ์เช่นไร”ประธานหลิวมองไปที่ชายวัยกลางคน สายตาซับซ้อนหน่อยๆ:“คุณดูสิ คนที่ควรมาในเมือง Aก็มาพอประมาณแล้ว”
ชายวัยกลางคนงงหน่อยๆ:“เรื่องนี้แพร่กระจายในเน็ตแล้วเหรอ?”
สายตาชายวัยกลางคนเหลือบมองคนที่ไปๆมาๆในนี้ คิ้วขมวดเล็กน้อย:“ไม่น่าล่ะผมเห็นคนแปลกหน้าตั้งเยอะ ปกติคนพวกนั้นก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลเย่นัก”
“แพร่ออกไปอย่างบ้าระห่ำ เกือบจะทั้งหมดที่มีโทรศัพท์แล้วเข้าเน็ตเป็นก็จะเห็น พอรู้ข่าวก็ต้องมา”ที่จริงประธานหลิวก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปเท่าไหร่ เขาบอกว่าหลังจากเห็นข่าวพวกนั้นเลยมาเอง
“เรื่องแบบนี้ทำไมต้องโพสต์ในเน็ตขนาดนั้น?”ชายวัยกลางคนไม่ค่อยเข้าใจ คิ้วขมวดแน่นขึ้น:“ใครที่แพร่กระจาย?”
ถึงแม้อิทธิพลของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปในเมือง Aจะมาก แต่เย่โป๋เหวินไม่มีตำแหน่งใดๆในบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปเลย และหลายปีนี้เย่โป๋เหวินก็ไม่เคยปรากฏตัว เขาตายไปทำไมต้องทำให้ใหญ่โตขนาดนี้?
และวันนี้เย่โป๋เหวินก็แค่สี่สิบกว่าปี การจากไปในอายุเท่านี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ว่าตามเหตุผลแล้วข่าวรายงานอะไรก็ไม่ควรเขียนมั่วๆ
“คุณไม่ได้ดูข่าวจริงๆเหรอ?หลายวันก่อนเรื่องที่คุณชายเย่ประกาศว่าตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่คุณรู้ไหม?”ประธานหลิวมองไปที่ชายวัยกลางคน สายตาซับซ้อนเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนงง ชัดเจนว่าไม่รู้:“คุณชายเย่ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว?”
เขาตระหนักได้ว่าเสียงของตัวเองนั้นกะทันหันไป ดีที่ที่นี่เสียงดังมาก ไม่มีใครสังเกตเขา:“ช่วงนี้ผมพักฟื้นที่เขาเซียง ไม่ได้สนใจมากนัก คุณชายเย่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ได้ไง?”
วันนี้เรื่องที่เย่โป๋เหวินตายมีเพื่อนโทรมาหาเขา เขาจึงรีบมา
“สาเหตุของเรื่องนี้ซับซ้อนมาก และยังเกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย แต่ท่าทีของคุณชายเย่ชัดเจนมากจัดงานแถลงข่าวประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่โดยตรง และเย่ซือเฉินก็เอาหุ้นของตระกูลเย่คืนให้คุณปู่เย่ และยังสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีก”ประธานหลิวคุยสถานการณ์สั้นๆกับชายวัยกลางคน
“ไม่น่าล่ะไม่เห็นคุณชายเย่”ชายวัยกลางคนพอเดาได้คร่าวๆ สายตาเขามองไปในห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย:“แล้วไง?”
“ดังนั้น หลายๆคนต่างกำลังเดาว่า คุณปู่เย่จะใช้เรื่องที่เย่โป๋เหวินเสียชีวิตบีบบังคับให้คุณชายเย่กลับมา”ประธานหลิวลดเสียงลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ในห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายกำลังเล่นเพลงเศร้า ถึงเขาไม่ลดเสียงลงคนอื่นๆก็ไม่ได้ยิน
“คุณปู่เย่ทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง?”ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอีกครั้ง:“อยากให้คุณชายเย่กลับมา คุณปู่เย่โทรหาคุณชายเย่โดยตรงก็ได้แล้วมั้ง?”
“ชัดเจนมากว่าคุณปู่เย่ไม่คิดเช่นนั้น แน่นอนว่าคุณปู่เย่น่าจะแบกหน้าไปขอร้องหลายชายตัวเองให้กลับมาไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้”ประธานหลิวส่ายหน้าเบาๆตอนพูดคำนี้ มุมปากยกขึ้นหน่อยๆ เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม!!
“คุณปู่เย่ทำแบบนี้ไม่กลัวเรื่องราวใหญ่โตเหรอ?”ชายวัยกลางคนไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้:“และคุณชายเย่ผมก็พอเข้าใจมาบ้าง คุณชายเย่ไม่ชอบที่จะถูกคนข่มขู่ถูกคนบังคับมาเสมอ ดังนั้นผมว่าคุณปู่เย่ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!!”
ประธานหลิวมองไปที่ชายวัยกลางคน มุมปากยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย เขาเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคน พูดอีกครั้ง:“เย่โป๋เหวินตายกะทันหัน ผมได้ยินว่า เหมือนคุณปู่เย่บังคับให้เย่โป๋เหวินตาย เพื่อให้คุณชายเย่กลับมา!!