ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1431 ความจริง (1)
พวกท่านวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว ขอเพียงเย่ซือเฉินมา แผนการก็จะเริ่มขึ้นอย่างราบรื่น……
คุณย่าเย่มองดูเวลา จากนั้นก็รอต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เย่ซือเฉินก็ยังคงไม่ปรากฏตัว
คุณย่าเย่ลอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก จากนั้นก็พยักเพยิดให้กับคนที่ยืนอยู่มุมห้อง
สาวใช้เข้าใจ รีบเดินมาข้างกายนักข่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
“ทำไมคุณชายยังไม่กลับมาคะ?นายท่านกับนายหญิงรอไม่ไหวแล้ว โรคหัวใจนายท่านจะกำเริบแล้วเนี่ย”ใบหน้าสาวใช้ร้อนรน เล่นมารยาบทพูดเองเอยเอง
นักข่าวได้ยินสาวใช้บ่นพึมพำก็รีบหันไปมองทันที หน้าที่หลักของนักข่าวก็คือขุดคุ้ยหาข่าวใหม่ที่คนอื่นหาไม่เจอ
เย่ซือเฉินไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานาน ทำให้มีหลายคนแอบซุบซิบเสียงเบาไม่หยุดหย่อน ถึงแม้หลายวันก่อนคุณชายสามเย่จะประกาศตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว ทว่าเย่โป๋เหวินเป็นพ่อแท้ๆของเขา หากพ่อบังเกิดเกล้าเสียชีวิตแล้วลูกชายไม่มาก็ถือว่าอกตัญญูสุดๆ
เรื่องการส่งผู้ตายครั้งสุดท้ายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เป็นบิดาแท้ๆเลย!
นักข่าวก็สังเกตสิ่งนี้ได้ ทว่ายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว จึงไม่กล้าพูดส่งเดช เพราะทั้งตระกูลเย่กับคุณชายสามเย่ล้วนเป็นบุคคลที่พาดพิงเรื่อยเปื่อยไม่ได้
“ทำไมคุณชายสามเย่ยังไม่กลับมาครับ?คุณปู่เย่บอกคุณชายสามเย่หรือยังครับ?”ไม่ง่ายเลยกว่านักข่าวจะคว้าโอกาสได้ จึงต้องหาข่าวให้ได้มากที่สุด เป็นสาวใช้ตระกูลเย่ น่าจะรู้ไม่มากก็น้อย
“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่นายท่านจะไม่แจ้งบอกคุณชาย ฉันเห็นนายท่านโทรหาคุณชายหลายครั้งแล้ว เมื่อกี้หลังนายท่านโทรหาคุณชายเสร็จก็โกรธจนจะเป็นลมแล้วค่ะ”สาวใช้มองนักข่าวปราดหนึ่งด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจหลายส่วน ไม่รู้ว่าไม่พอใจต่อนักข่าวหรือคนอื่น!
นักข่าวฟังสาวใช้พูดแล้วดวงตาวาวโรจน์“ฟังจากคุณพูดแล้วคือคุณชายสามเย่ไม่อยากกลับมาเหรอครับ?”
หากคุณชายสามเย่ติดธุระ คุณปู่เย่คงไม่โกรธจนจะเป็นลมหรอกมั้ง
จึงมีความเป็นไปได้แค่ทางเดียว คุณชายสามเย่ไม่คิดจะกลับมา
“คุณอย่าพูดจาเหลวไหลนะ” สาวใช้ทำตาขวางใส่นักข่าว
“ถ้าคุณชายสามเย่ไม่กลับมาจริงๆ แล้วท่าทีของคุณปู่เย่หมายความว่ายังไงครับ” นักข่าวไม่ถือสาสาวใช้ ยังคงถามหยั่งเชิงหนึ่งประโยค
หากแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปคงไม่ทำลายภาพลักษณ์ของคุณชายสามเย่ ดังนั้นเขาต้องมั่นใจก่อนว่าคุณปู่เย่จะไม่ถือสาเอาความ หรือพูดอีกอย่างก็คือ อย่างน้อยเขาต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณปู่เย่ก่อน
หลายปีมานี้เขาร่วมมือกับคุณปู่เย่หลายครั้งแล้ว เขาพอจะรู้จักคุณปู่เย่พอสังเขป
“นายท่านของพวกเราคิดวิธีให้คุณชายกลับมา ตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่ดี นายท่านและนายหญิงจึงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งคะ”
นักข่าวกะพริบตาปริบๆ เขารู้ว่าเวลานี้คุณปู่เย่อยากให้คุณชายสามเย่กลับมาที่สุด เพื่อให้คุณชายสามเย่กลับมา คุณปู่เย่คงใช้เล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย และหากเขาทำข่าวนี้ คุณชายสามเย่คงถูกบีบให้กลับบ้านตระกูลเย่เป็นแน่ ถึงเวลานั้นคุณปู่เย่คงซาบซึ้งในน้ำใจเขา
“ผมมีวิธีหนึ่งให้ลอง คุณไปถามคุณปู่เย่ดูก่อนสิครับ” ทว่านักข่าวไม่กล้าทำข่าวโดยพลการ เขายังต้องคำเจตนาของคุณปู่เย่ก่อน
“นายท่านร้อนใจจะเป็นลมอยู่แล้ว จะมีเวลาเจอหน้าคุณได้ยังไงค่ะ หากคุณมีวิธีให้คุณชายกลับมาจริงๆ นายท่านต้องซาบซึ้งน้ำใจคุณแน่ค่ะ” สาวใช้ทำตามคำสั่งของคุณย่าเย่ คุณย่าเย่ทำอะไรไม่เคยทิ้งจุดอ่อนหรือพิรุธเด็ดขาด หากมีความาสืบสาวหาความก็ไม่อาจดึงท่านเข้าไปเกี่ยวข้องได้
สาวใช้พูดจบก็ไม่ได้ให้นักข่าวมีโอกาสถาม รีบเดินจากไปทันที
นักข่าวชะงัก ครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็นำกล้องออกมาเลือกรูปถ่ายที่พึ่งถ่ายก่อนหน้านี้ แล้วเผยแพร่ข่าวออกไป
‘เย่โป๋เหวินอำลาโลก คุณชายสามเย่ไม่เคยปรากฏตัวเลย’นักข่าวยังไม่กล้าเขียนแบบกำเริบเสิบสาน ดังนั้นหัวข้อพาดข่าวจึงเป็นความจริง
ทว่ารูปถ่ายที่แพร่ออกไปนั้นเขาทำตามคัดสรรเป็นอย่างดี
ในรูปถ่ายเป็นชายหนุ่มอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี กำลังคุกเข่าขอบคุณแขกในห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย
คนรู้จักชายหนุ่มคนนี้ไม่ค่อยรู้จักคนมากมายนัก ทว่าก็มีคนรู้จึกเขาไม่น้อย คนส่วนมากรู้ว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของเย่โป๋เหวิน ซึ่งถูกคุณปู่เย่รับตัวเข้าบ้านตระกูลเย่หลายปี
ทว่า คุณปู่เย่ไม่ให้เขาเข้าไปทำงานในบริษัท และไม่เคยพาออกสื่อเลยสักครั้ง
เขาคุกเข่าขอบคุณแขกในห้องเซ่นไหว้ศพเช่นนี้ ทำให้ผู้คนทายสถานะเขาง่ายมาก
เย่ซือเฉินไม่อยู่ มีเพียงลูกนอกสมรสคนนี้ บวกกับการพาดหัวข่าว จึงเป็นกระแสให้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสาย
——คุณชายสามเย่ไม่อยู่——
——คุณชายสามเย่พึ่งตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเย่ไม่นานมานี้——
——ถึงจะตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว แต่พ่อตัวเองเสียชีวิตก็น่าจะมาร่วมงานหน่อยไหม?ไร้จิตใจเกินไปหรือเปล่า?——
ไม่มีคอมเมนต์ตำหนิติเตียนเย่ซือเฉินอย่างเดียว ทว่าส่วนมากคือเน้นไปในทางไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเย่ซือเฉิน
หลังแพร่ข่าวออกไป ในเวลาเพียงสองนาทีก็มีคอมเมนต์ถล่มทลายเป็นหลักหมื่นเสียแล้ว ซึ่งแปดส่วนจะมีท่าทีตำหนิเย่ซือเฉิน
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นคอมเมนต์ของข่าวนี้ด้วย บ้างก็แอบตกใจ บ้างก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
คนที่มาร่วมแสดงความเสียใจเห็นเย่ซือฉุนนั่งคุกเข่าในห้องเซ่นไหว้ศพ ใบหน้าก็เผยความเย้ยหยันหลายส่วน
ถึงแม้ลูกนอกสมรสคนนี้จะกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลเย่แล้ว ทว่าเห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่ไม่คิดจะโอบอุ้มเขาให้เจริญก้าวหน้าแต่อย่างใด ตอนนี้กลายเป็นคนเสเพลแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่ตั้งความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวเย่ซือเฉิน เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะตัดขาดกับพวกท่าน
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ คุณปู่เย่ก็ไม่มีทีท่าจะมอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้กับลูกนอกสมรสแต่อย่างใด
จินหมิงเจินคะยั้นคะยอจะพาตัวเย่ซือฉุนกลับมา เขาไม่มีความผูกพันใดๆกับเย่โป๋เหวิน พ่อผู้ให้ชีวิตเลยสักนิด ซึ่งโทษเขาไม่ได้ เพราะเขาเคยเจอหน้าเย่โป๋เหวินเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นเย่โป๋เหวินแค่มองเขาแวบเดียว ไม่ได้พูดคุยอะไรด้วย ดังนั้นถึงเขาอยากเรียกพ่อแค่ไหนก็ไม่มีโอกาส!!
เย่โป๋เหวินไม่สนใจแม้กระทั่งเย่ซือเฉิน เย่ซือฉุนจึงไม่เพ้อฝันให้เย่โป๋เหวินสนใจเขา
ดังนั้นเย่โป๋เหวินจึงเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเขา
ทว่า เมื่อพ่อเสียชีวิตแล้ว เขาก็ควรทำหน้าที่ลูก ควรทำตามขนบธรรมเนียบเสียหน่อย
ถึงแม้จินหมิงเจินไม่เรียกเขามา เขาก็จะมา
เขาไม่ได้ทำสร้างภาพ เขารู้ว่าคนนอกกว่าครึ่งกำลังหัวเราะเยาะเขา เขารู้ว่าพวกเขาดูถูกตัวเอง ซึ่งเขาเคยชินแล้ว ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ครอบครองบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ซึ่งตัวเขาก็ไม่อยากได้เหมือนกัน เขาเจียมเนื้อเจียมตัว หากให้เขาบริหารบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจริงๆ ไม่นานก็ต้องพังพินาศแน่ และเขาก็ไม่ชอบเครียดกับเรื่องพรรค์นั้น
ตอนนี้เขาอยากใช้ชีวิตสุขสบายไปวันๆ ส่วนเรื่องอื่น ใครอยากดูแลก็แล้วแต่ความประสงค์คนนั้นเลย
ตอนแรกเย่ซือฉุนยังคุกเข่าอย่างมีมารยาท แต่ต่อมารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าสายตาคนด้านนอกนั้นเปลี่ยนไปและกำลังซุบซิบอะไรบางอย่าง
คนพวกนั้นไม่ได้คุยกับเสียงดังมากนัก และดนตรีบรรเลงความไว้อาลัยในห้องเสียงดังมาก เย่ซือฉุนจึงไม่ได้ยิน ทว่าเขาเห็นทุกคนล้วนทำท่าเดียวกัน ซึ่งก็คือกำลังดูอะไรสักอย่างในมือถืออยู่
เย่ซือฉุนก็เอามือถือออกมา ไม่นานก็ทราบสาเหตุ เมื่อเห็นเนื้อหาแล้ว แววตาขี้คร้านของเย่ซือเฉินก็ขึงขังจริงจังขึ้น
ความคิดเห็นในโลกโซเชียลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงตำหนิก็มากขึ้น ถ้อยคำบั่นทอนจิตใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เพียงไม่กี่นาทีก็มีคอนเมนต์หลายหมื่นแล้ว
เย่ซือฉุนเลิกคิ้ว พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าโศกเศร้าของคุณย่าเย่ตรงบริเวณไม่ไกลออกไปมากนัก พวกท่านแลดูอิดโรยมาก มีหลายคนช่วยพยุงตัวท่านอยู่
เย่ซือฉุนไม่รู้ว่าคุณย่าเย่รู้เรื่องในโซเชียลไหม ทว่าเขารู้ดี หากคุณปู่เย่ไม่ให้ท้าย นักข่าวจะไม่กล้าเขียนพร่ำเพรื่อเด็ดขาด
เย่ซือฉุนฉุกคิดข่าวลือขึ้นมา ได้ยินเล่ากันว่าการตายของเย่โป๋เหวินเกี่ยวข้องกับคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่!!
หลายปีมานี้ ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตระกูลเย่ ทว่าก็ไม่มีความผูกพันฉันท์ครอบครัวกับพวกท่านเลย เพราะเขารู้ว่าพวกท่านไม่ชอบเขา
และเขาก็ไม่ชอบพวกท่านเช่นกัน เขาเห็นทุกการกระทำของพวกท่านอยู่ในสายตา เขารู้ว่าพวกท่านทำได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน!!