ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1452 มั่นอกมั่นใจ(2)
ในใจของคุณย่าเย่ยังเปี่ยมไปด้วยความหวังอยู่เล็กน้อย!!
ความหวังของคุณย่าเย่ฝากไว้กับหัวหน้าน้อยที่จะตระหนักถึงผลประโยชน์ อย่ากระทำการโดยหุนหันพลันแล่น
แต่หัวหน้าน้อยไม่ใช่คนที่ชอบคำนึงถึงผลประโยชน์อะไร หัวหน้าน้อยเป็นคนที่คิดทำอะไรตามใจตัวเอง
อย่าว่าแต่ตระกูลเย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย ต่อให้ตระกูลเย่จะมีสถานะที่เท่าเทียมกันกับองค์กรโกสต์ซิตี้ หัวหน้าน้อยก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว
“แต่ว่า ฉันเคยได้ยินมาว่าหัวหน้าน้อยคนนี้เป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น ในเมื่อเขาพูดต่อหน้านักข่าวแบบนี้แล้ว ดูท่าเรื่องคงจะยุ่งวุ่นวายไม่น้อย”คุณปู่เย่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนคุณย่าเย่ ในเมื่อเขาได้ให้คนไปสืบเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้มา ก็ย่อมต้องรู้เรื่องของหัวหน้าน้อยคนนี้อยู่ไม่น้อย
“เขาอาจจะแค่อยากเตือนเรา เขาคงไม่คิดจะทำอะไรเราจริงๆก็ได้ ”คุณย่าเย่รู้สึกรับไม่ค่อยได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นก็จึงนึกหาเหตุผล เพื่อมาปลอบใจตัวเอง
คุณย่าเย่ไม่อยากจะเชื่อว่าถ้าหากคิดจะเป็นศัตรูกับองค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว ตระกูลเย่จะมีจุดจบยังไง!!
“เพราะที่นี่ในเมืองA มังกรที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถกดขี่งูประจำถิ่นได้ หากองค์กรโกสต์ซิตี้คิดที่จะลงมือกับพวกเราในเมืองA มันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ หัวหน้าน้อยเองก็น่าจะรู้หลักในข้อนี้ดี ต่อให้หัวหน้าน้อยจะเป็นคนมุทะลุ ไม่มีความเกรงกลัวอะไร คนในองค์กรโกสต์ซิตี้คนอื่นก็คงไม่มีใครนิ่งดูดาย ดังนั้น ฉันว่าเราก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากหรอก”แม้คุณย่าเย่จะคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์กับตระกูลเย่ แต่ท่าทีของคุณย่าเย่ก็เคร่งขรึมมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“เราจะมองโลกในแง่ดีเกินไปไม่ได้ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”คุณปู่เย่หลุบตาลงเล็กน้อย ใบหน้ามืดมนจนน่ากลัว เห็นชัดว่าคุณปู่เย่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้
“เฉิงโหรวโหรวคนนั้นก็ช่างน่ารังเกียจจริงๆ เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงตัวปลอม ยังคิดจะมาหลอกเราอีก เพราะเรื่องนี้ พวกเราเสียสละไปตั้งเท่าไร ตอนนี้เย่ซือเฉินตัดขาดกับตระกูลเย่ของเรา เย่โป๋เหวินก็ล่วงลับไปแล้ว ทุกอย่างเป็นฝีมือของเฉิงโหรวโหรว เราจะปล่อยเฉิงโหรวโหรวไปแบบนี้ไม่ได้”
ใบหน้าของคุณย่าเย่เปลี่ยนไปทันที เธอคิดขึ้นมาได้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเฉิงโหรวโหรว ดังนั้นความกรุ่นโกรธที่มีของคุณย่าเย่ก็จึงคิดที่จะระบายมันกับเฉิงโหรวโหรว
“เราควรจะให้คนไปตรวจสอบดูก่อน ไม่ควรเชื่อคำพูดของเฉิงโหรวโหรวง่ายๆแบบนั้น”คุณปู่เย่ในตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เดิมทีอยากจะอาศัยอำนาจและบารมีขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่คิดว่าสุดท้ายจะมาลงเอยแบบนี้
“ใครจะไปคิดว่าเธอจะเป็นตัวปลอม เพราะเธอก็เข้าไปในองค์กรโกสต์ซิตี้มากว่าสองเดือนแล้ว และตลอดสองเดือนที่ผ่านมานี้ เธอก็เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชนในฐานะของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ แม้ก่อนหน้านั้นองค์กรโกสต์ซิตี้จะไม่ได้ยอมรับตัวตนของเธอต่อโลกภายนอก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ และการกระทำที่มีต่อเธอก็เหมือนจะยอมรับมันกลายๆ และในตอนที่มาอยู่ตระกูลเย่ ก็เป็นผู้ดูแลขององค์กรโกสต์ซิตี้ในเมืองAติดตามเธอมาด้วย ”เมื่อคุณย่าเย่คิดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก็รู้สึกหงุดหงิด
แผนการที่แยบยล สุดท้ายก็เป็นเพียงความว่างเปล่า
“หากรู้ว่าเธอคือตัวปลอม เราคงไม่ปล่อยให้เธอได้เข้ามาเหยียบในตระกูลเย่ และจะทำอย่างเย่ซือเฉินคือจับเธอโยนออกจากประตู”คุณย่าเย่ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
“ในตอนนั้นที่เย่ซือเฉินกล้าที่จะจับเธอโยนออกมา หรือเพราะเย่ซือเฉินจะรู้อะไรอยู่ก่อนแล้ว?” ดวงตาของคุณปู่เย่ค่อยๆหลุบลง น้ำเสียงก็ทุ่มต่ำตามมากขึ้น
“น่าจะไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้ องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ป่าวประกาศออกมาหรอก และคนนอกไม่มีทางรู้เด็ดขาด อีกอย่างนิสัยของเย่ซือเฉินใช่ว่าคุณจะไม่รู้ เย่ซือเฉินอยากจะจับใครโยนออกนอกประตู ย่อมไม่มาคิดคำนึงว่าคนคนนั้นจะมีสถานะยังไง”คุณย่าเย่คิดว่าความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก“ตอนนั้นเย่ซือเฉินกับถังหลินก็เตรียมพร้อมรับมือกันอยู่ เห็นชัดว่าเย่ซือเฉินก็กลัวองค์กรโกสต์ซิตี้จะมาสร้างเรื่องสร้างปัญหาอะไรด้วยเช่นกัน ”
“เฉิงโหรวโหรวบอกเองไม่ใช่เหรอว่าองค์กรโกสต์ซิตี้ในประเทศRลงมือกับเย่ซือเฉิน จากนั้นเฉิงโหรวโหรวก็เป็นคนไปร้องขอแทนเย่ซือเฉิน เรื่องถึงได้เงียบสงบลงได้ ฉันให้คนไปสืบเรื่องทางฝั่งประเทศRมา เป็นไปอย่างที่เฉิงโหรวโหรวบอกจริงๆ” คุณปู่เย่เป็นถึงสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ดังนั้นเรื่องที่เฉิงโหรวโหรวพูดมาทั้งหมดเขาก็ย่อมต้องให้คนไปตามสืบมา หลังจากที่ได้รับการยืนยันก็ถึงได้เชื่อในสิ่งที่เฉิงโหรวโหรวพูด
คุณย่าเย่กะพริบตาถี่ๆ “ทางประเทศRเป็นยังไงเราแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เรื่องที่เฉิงโหรวโหรวบอกว่าไปขอร้องอ้อนวอนกับหัวหน้าแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นน่าจะเป็นเรื่องโกหก หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นคนระดับไหน จะเป็นไปได้ยังไงที่จะหลงกลเฉิงโหรวโหรวได้ ดังนั้นหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้คงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเฉิงโหรวโหรวเป็นตัวปลอม และในเมื่อหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้รู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเฉิงโหรวโหรวเป็นตัวปลอมแล้วจะฟังคำขอร้องของเธอเหรอ ? กลัวว่าแม้แต่หน้าตาของหัวหน้าแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เฉิงโหรวโหรวเองก็คงจะไม่เคยเจอเลยด้วยซ้ำ ”
“ดังนั้น เฉิงโหรวโหรวก็โกหกพวกเรามาโดยตลอด สมควรตายแล้วนังแพศยา”คุณย่าเย่ในตอนนี้กัดฟันแล้วก่นด่าออกมาอย่างแค้นเคือง
“ไม่มีใครคิดว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้กันยังไงดี ”คุณปู่เย่ก็แค้นเคือง เขาเองก็อยากจะฆ่าเฉิงโหรวโหรวให้ตายๆไปซะ แต่คุณปู่เย่รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาอันใหญ่หลวงที่มีอยู่ตรงหน้า
“เฉิงโหรวโหรวแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหญิง องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ คุณคิดว่าหากเราจัดการกับเฉิงโหรวโหรว แล้วอธิบายทุกอย่างกับหัวหน้าน้อย เพราะยังไงเราก็ถูกเฉิงโหรวโหรวหลอกมาเหมือนกัน หัวหน้าน้อยคนนั้นจะพอมีเมตตากับเราไหม……”คุณย่าเย่ก็ยังคงมีความคิดอื่นๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
“เรื่องเฉิงโหรวโหรวยังไงก็ต้องจัดการอยู่แล้ว เรื่องอธิบายกับหัวหน้าน้อยนั้นก็ต้องอธิบายเหมือนกัน แต่สุดท้ายผลมันจะออกมายังไงเราก็ไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นเราเองก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วย” คุณปู่เย่ในตอนนี้ไม่กล้าคาดหวังอะไร เขาต้องทำทุกอย่างออกมาให้ดีไร้ข้อผิดพลาดให้มากที่สุด
แม้ว่าจะต้องปะทะกับองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆเรื่องที่จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆเลยนั้นคงเป็นเรื่องยาก
“ตอนนี้เย่ซือเฉินออกจากตระกูลเย่ไปแล้ว และไม่สนใจอะไรตระกูลเย่อีก หากองค์กรโกสต์ซิตี้ลงมือกับเราในตอนนี้ พวกเรารับมือกันยากแน่ๆ ดังนั้นเราต้องหาวิธีให้เย่ซือเฉินกลับมาให้ได้ ”คุณปู่เย่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึม“เพียงแต่ว่า หากอยากจะให้เย่ซือเฉินกลับมา เกรงว่า……”
คุณปู่เย่เองก็รู้ดีว่าการที่จะให้เย่ซือเฉินกลับมาในตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฉันจะไปขอร้องเขา ขอร้องให้เขากลับมา ฉันจะลดตัว วางศักดิ์ศรีลง ไม่สนใจ และไม่พะวงอะไรอีก ฉันจะไปขอร้องเขา ขอแค่เขายอมกลับมา จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” คุณย่าเย่แสดงเจตจำนงออกมา เธอรู้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้ของเฉิงโหรวโหรวแม้คุณปู่เย่จะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเขาก็คงจะตำหนิเธออยู่มาน้อย ดังนั้นเธอจึงต้องทำความดีเพื่อไถ่โทษ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตระกูลเย่ต้องการเย่ซือเฉินอย่างมาก เพื่อตระกูลเย่ และเพื่อบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป เธอยอมที่จะไปขอร้องเย่ซือเฉิน
“ในสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าเย่ซือเฉินคงไม่คิดที่จะเจอเราแน่ คุณพอมีวิธีไหนบ้างไหม ?”เมื่อคุณปู่เย่ได้ยินที่คุณย่าเย่พูด เห็นชัดว่าสีหน้าก็ผ่อนคลายลงบ้าง
คุณปู่เย่ก็พอจะรู้นิสัยใจคอของคุณย่าเย่อยู่บ้าง เขารู้ว่าเธอพูดมาขนาดนี้ ก็คงจะคิดหาวิธีดีๆเอาไว้แล้ว !!
“คุณให้คนไปเช็กให้ทีว่าตอนนี้เย่ซือเฉินพักอยู่ที่ไหน ? หลังจากที่เช็กที่อยู่ของเย่ซือเฉินได้แล้ว ฉันจะไปหาเขา หากเขาไม่ยอมมาเจอฉัน ฉันก็จะคุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านของเขา คุกเข่าจนกว่าเขาจะยอมเจอฉัน และจะคุกเข่าจนกว่าเขาจะตอบตกลงกลับมา ฉันจะคุกเข่าอยู่ที่นั่นและจะไม่ยอมไปไหน ”
คุณย่าเย่แอบขบกรามแน่น ดวงตามีความเหี้ยมปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
คุณย่าเย่เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องแบบนี้เธอทำมันได้อยู่แล้ว
เพียงเพราะอยากจะหลอกให้เย่ซือเฉินกลับมา ลูกชายแท้ๆของตัวเองก็ยังยอมสละมาแล้ว
คุณปู่เย่ตะลึงงัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่ว่าวิธีนี้จะเหมาะสมหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
“ได้ ฉันจะให้คนไปเช็กให้”หลังจากนั้นไม่นาน คุณปู่เย่ก็ถึงได้ตอบกลับเสียงเบา
“วางใจเถอะ ฉันจะทำให้เย่ซือเฉินกลับมาให้ได้ ต่อให้เย่ซือเฉินจะใจดำแค่ไหน ก็คงไม่อาจทนมองเห็นฉันคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านได้หรอก และยิ่งปล่อยให้คนอื่นมาเห็น มันก็จะไม่เป็นผลดีกับเย่ซือเฉินแน่ เย่ซือเฉินไม่มีทางปล่อยผ่านมันไปเด็ดขาด”แผนการของคุณย่าเย่ถือว่าไม่เลว อยากจะหลอกใช้ความใจอ่อนของเย่ซือเฉิน และอยากจะใช้คำติฉินนั้นมาบังคับเอากับเย่ซือเฉิน
วิธีการแบบนี้ คุณย่าเย่นั้นถนัดที่สุด
“ครั้งนี้ของแค่เย่ซือเฉินกลับมา พวกเราต้องทำดีกับเขาให้มาก ห้ามบังคับอะไรเขาอีก”เห็นชัดว่าคุณย่าเย่นั้นมีความมั่นอกมั่นใจมาก เชื่อว่าเย่ซือเฉินจะต้องกลับมาแน่ๆ และเธอเองก็ได้เตรียมการวางแผนทุกอย่างหลังจากนี้เอาไว้หมดแล้ว !!