ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1530 เธอคิดจะรนหาที่ตายแต่มันกลับเหนือความคาดหมาย(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1530 เธอคิดจะรนหาที่ตายแต่มันกลับเหนือความคาดหมาย(1)
ดังนั้น ก่อนอื่นต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าคุณหนูใหญ่ของ ตระกูลถัง คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จริงหรือเปล่า ถ้าแน่ใจแล้วว่าเธอเป็นตัวจริงเมื่อไหร่ พอถึงเวลานั้น……
พอถึงเวลานั้นถ้าเกิดว่ามีคนรังแกคนหนูใหญ่ตระกูลถังเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะแก้แค้นตัวเอง
“หัวหน้าครับ พวกเรากลับกันไปก่อนดีกว่า จะอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้นะครับ”ผู้ดูแลจ้งตระหนักได้ว่าพวกเขายังคงยืนอยู่ที่สนามหลังบ้านของคฤหาสน์หยวน แบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดว่ามีคนเข้ามา และเจอกับพวกเขา เกรงว่าจะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดยังไม่จำเป็นได้
เพราะยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนกับเด็กน้อยจื่อซี
ซ่างกวนหงมองไปที่ห้องนั่งเล่น ในนั้นมีเสียงหัวเราะดังออกมาไม่หยุด เขาได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กน้อยจื่อซีตั้งหลายครั้ง เสียงหัวเราะที่สดใสของเธอมีอิทธิพลมาก พอได้ยินเสียงหัวเราะของเธอแล้ว อารมณ์ก็จะกลายเป็นดีขึ้นตาม
ซ่างกวนหงก็รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้ เขาควรจะไปจัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจน
ซ่างกวนหงยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ผู้ดูแลจ้ง ผู้ดูแลจ้งชะงักไป จากนั้นก็เข้าใจความหมายของหัวหน้าตัวเองในทันที หัวหน้าจะให้เขาช่วยสมัครวีแชทให้ แล้วก็แอดเพื่อนกับเด็กน้อยจื่อซี
ผู้ดูแลจ้งรับโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็สมัครวีแชทให้หัวหน้าเขาให้เรียบร้อย แล้วก็หาวีแชทของเด็กน้อยจื่อซีที่พึ่งแอดกันเมื่อกี้นี้ แล้วก็เอาวีแชทของหัวหน้าที่พึ่งสมัครใหม่สดๆ ร้อนๆ แอดเธอไป
เดิมผู้ดูแลจ้งไม่คิดว่าเด็กน้อยจื่อซีจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว ถึงยังไงเธอก็เป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ เด็กน้อยมักจะมัวแต่ห่วงเล่น ไม่เฝ้าโทรศัพท์ตลอดเวลาหรอก
และคฤหาสน์หยวนก็มีของเล่นมากมายขนาดนั้น สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กน้อยได้ง่ายดาย
แต่ว่าผู้ดูแลจ้งเพิ่งจะส่งคำขอไปได้ไม่นาน แล้วพวกเขาเพิ่งออกมาจากคฤหาสน์หยวน ยังไม่ทันจะขึ้นรถเลย เด็กน้อยจื่อซีก็ตอบรับคำขอของเขาแล้ว
“หัวหน้าครับ แอดกันเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้คุณกับเด็กน้อยจื่อซีเป็นเพื่อนกันแล้ว”ผู้ดูแลจ้งส่งโทรศัพท์คืนให้หัวหน้า เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง และก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเจ้าหญิงน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้
ซ่างกวนหงเพิ่งจะรับโทรศัพท์คืนไป ก็มีข้อความจากถังจื่อซีส่งเข้ามา เธอส่งหน้ายิ้มมาให้เขา แล้วก็ตามมาด้วยอีกข้อความหนึ่ง
‘คุณลุงสุดหล่อ ใช่คุณลุงหรือเปล่าคะ?’
ผู้ดูแลจ้งจ้องเขม็ง พอเห็นข้อความที่เด็กน้อยจื่อซีส่งมาให้ มุมปากของเขาก็กระตุกอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ คุณลุงสุดหล่องั้นเหรอ?
การเรียกว่าคุณลุงมันคงจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่มั้ง
ถ้าเกิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนี้ควรเรียกหัวหน้าว่าคุณปู่ เพราะว่าเขาคือคุณปู่แท้ๆ ดังนั้นคำเรียกจะผิดไม่ได้เด็ดขาด
ผู้ดูแลจ้งกำลังคิดจะเตือนหัวหน้าเรื่องคำเรียก แต่ว่าเขายังไม่ทันจะพูดอะไร ก็เห็นหัวหน้าส่งข้อความกลับไปว่า ‘ใช่’
ผู้ดูแลจ้งอึ้งไปเลย ปกติหัวหน้าเขาไม่มีวีแชท แล้วปกติก็ไม่ส่งข้อความด้วย แล้วทำไมหัวหน้าถึงได้พิมพ์เร็วขนาดนี้ เขายังไม่ทันจะเอ่ยปากเตือนเลย
และทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวหน้าก็รู้ว่าเด็กน้อยจื่อซีคนนี้เป็นลูกสาวของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง และเขาก็รู้ว่าเด็กน้อยจื่อซีมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหลานสาวของตัวเอง
แล้วหัวหน้ายังจะให้เด็กน้อยจื่อซีเรียกเขาว่าลุงอีกเหรอ? ไม่แก้ไขหน่อยเหรอ?
หัวหน้าคิดยังไงกันแน่?
“สวัสดีค่ะคุณลุง”ถังจื่อซีตอบข้อความกลับมาในทันที สามารถสัมผัสได้ถึงความสุขของเธอผ่านหน้าจอโทรศัพท์
“คุณลุงคะ คุณลุงต้องจำไว้นะว่าไม่ต้องทุกข์ใจอีกแล้ว บางเวลาหนูจะไปเล่นเป็นเพื่อนคุณลุงเอง”ถังจื่อซีชอบคุณลุงสุดหล่อคนนี้จริงๆ และเธอก็อยากใกล้ชิดกับเขา
“ได้สิ”ซ่างกวนหงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รอออกเสียง แล้วก็พูดคำว่าได้สิออกมา หลังจากนั้นก็คิดได้ว่าเด็กน้อยจื่อซีไม่ได้อยู่ตรงนี้ เธอไม่ได้ยิน ซ่างกวนหงก็เลยพิมพ์คำว่า‘ได้สิ’กลับไป
“หัวหน้า ในเมื่อเด็กน้อยจื่อซีบอกว่าจะมาหาคุณ ก็นัดเวลาเลยดีไหมครับ ดูว่าสามารถ……”เดิมทีผู้ดูแลจ้งคิดว่าจะสามารถตรวจ DNA ได้จากจื่อซี เขายังคิดอยู่เลยว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เจอเด็กน้อยจื่อซี ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะได้แอดวีแชทกัน เด็กน้อยจื่อซีก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อนว่าอยากเจอหัวหน้า
ซ่างกวนหงไม่ได้ตอบผู้ดูแลจ้ง แต่ว่าถังจื่อซีก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง “คุณลุงคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปเล่นกับคุณลุง”
ดังนั้น เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ซ่างกวนหงตอบ เพราะว่าถังจื่อซีตอบแทนเขาเรียบร้อยแล้ว
“ดีมาก เด็กน้อยจื่อซีบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ นั่นมันดีมากเลยจริงๆ ”พอผู้ดูแลจ้งเห็นข้อความเพื่อนตัวน้อยถังจื่อซีแล้วก็ยิ้มจนตาหยี เด็กน้อยจื่อซีนี่ช่างเข้าอกเข้าใจคนอื่นดีจริงๆ
“แต่ว่า ในสถานการณ์แบบนี้คนของตระกูลถังจะให้เธอออกนอกบ้านเหรอ? แถมเธอก็ยังเด็กมาก แน่นอนว่าตระกูลถังไม่มีทางปล่อยให้เธอออกมาคนเดียวอย่างแน่นอน”ผู้ดูแลจ้งนึกถึงปัญหาที่แท้จริง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปในทันที
“คุณลุงขา หนูคุยกับคุณย่าทวดเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปหาคุณลุงนะคะ”และในตอนนี้เอง ข้อความจากถังจื่อซีก็ส่งเข้ามาอีกครั้ง คลายความกังวลของผู้ดูแลจ้งไปได้
“ท่านย่าถังยอมให้เธอออกมาคนเดียวเหรอ?”ผู้ดูแลจ้งสับสน คนของตระกูลถังรอบคอบขนาดนั้น แล้วจะให้เด็กตัวเล็กๆ แบบนี้ออกจากบ้านมาคนเดียวในเวลาแบบนี้เหรอ?
“หัวหน้าครับ ลองถามดูหน่อยได้ไหมครับ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ความหมายของเด็กน้อยจื่อซีคือพรุ่งนี้ท่านย่าถังจะมาเป็นเพื่อนเธอด้วยหรือเปล่า?”ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่ามันต้องเคลียร์ให้ชัดเจน เพราะยังไงเด็กคนหนึ่งที่อายุแค่ห้าขวบจู่ๆ ก็จะไปหาคนแปลกหน้า ท่านย่าถังต้องมีความระมัดระวังตัวอยู่แล้ว
จนถึงตอนนั้นถ้าเกิดว่าท่านย่าถังรู้ตัวตนของหัวหน้า จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างตระกูลถังกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เกรงว่าท่านย่าถังจะสงสัยว่าพวกเขามีเป้าหมายอื่นหรือเปล่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจชัดเจน
เพราะถึงยังไงเรื่องพวกนั้นของตระกูลถัง องค์กรโกสต์ซิตี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ และเรื่องของสองครั้งก่อนนั้นมันก็เกือบจะทำลายถังหยุนเฉิงไปแล้ว ถ้าตอนนี้เขาไปบอกตระกูลถังว่าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อตระกูลถัง ใครจะไปเชื่อ?
ซ่างกวนหงคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ เมื่อก่อนซ่างกวนหงไม่เคยส่งข้อความเลย ก็เลยไม่ค่อยได้พิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ แต่ว่าตอนนี้ เขากลับพิมพ์ได้ไม่ช้าเลย พิมพ์เร็วกว่าผู้ดูแลจ้งที่ใช้วีแชทเป็นประจำอีก
ผู้ดูแลจ้งจ้องเขม็ง คนเก่งนี่ก็เก่งทุกเรื่องจริงๆ ดูจากความรวดเร็วในการพิมพ์ของหัวหน้า ใครจะไปเชื่อว่ามันเป็นครั้งแรกที่หัวหน้าใช้วีแชท แล้วก็พิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ครั้งแรก
“คุณย่าทวดยอมให้หนูออกมาด้วยเหรอ? ออกมาคนเดียวเนี่ยนะ?”ซ่างกวนหงพิมพ์ข้อความเสร็จแล้วก็กดส่งไปให้เด็กน้อยจื่อซี
“แน่นอนว่าคุณย่าทวดไม่ยอมให้หนูออกไปคนเดียว”เห็นได้ชัดว่าเพื่อนตัวน้อยถังจื่อซีก็พิมพ์ไม่ช้าเลย ใช้เวลาไม่นานในการตอบข้อความ
“ผมก็ว่าแล้ว ท่านย่าถังจะปล่อยให้เด็กน้อยจื่อซีออกมาคนเดียวได้ยังไง”ความดีอกดีใจของผู้ดูแลจ้งเมื่อกี้นี้หายไปในทันที เขารู้ตัวว่าเมื่อกี้เขารับดีใจเกินไปหน่อย