ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1532 เธอคิดจะรนหาที่ตายแต่มันกลับเหนือความคาดหมาย (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1532 เธอคิดจะรนหาที่ตายแต่มันกลับเหนือความคาดหมาย (3)
อีกอย่างน้องสาวเขาถึงแม้ว่าจะชอบคนหน้าตาดี แต่ปกติแล้วน้องสาวเขาเห็นคนหน้าตาดีแล้วอย่างมากก็จะมองให้มากหน่อยเท่านั้น จะไม่มีทางเหมือนอย่างเช่นตอนนี้เป็นอันขาด คนคนนั้นทำอะไรกับน้องสาวเขาไปกันแน่ ถึงได้ทำให้น้องสาวเขาเปลี่ยนกลายเป็นอย่างนี้ไปได้?
“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน” ถังจื่อโม่รู้ว่าตอนนี้ถามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะว่าเมื่อกี้เขาได้ถามสิ่งที่ถามได้ออกไปหมดแล้ว น้องสาวของเขาก็ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
.ไม่รู้ว่าคนคนนั้นชื่อว่าอะไร ไม่รู้ว่าคนคนนั้นมีตัวตนเป็นอะไร และก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่รู้เลยว่าคนคนนั้นอายุเท่าไหร่แล้ว
ดังนั้นแล้วตอนนี้เขาถามไปมันก็เป็นการถามไปโดยเปล่าประโยชน์ไปเสียเปล่า ๆ ไม่สู้พรุ่งนี้เขาค่อยไปถามให้มันชัดเจนด้วยตัวเองไม่ดีกว่า
เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนคนนั้นต้องการอะไรจากถังจื่อซี
ถังจื่อโม่ไม่คิดว่าเรื่องในเย็นวันนี้มันจะเป็นแค่ความบังเอิญ คฤหาสน์หยวนเป็นสถานที่อะไรเขารู้ดี การเฝ้าระวังของคฤหาสน์หยวนไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลถังเลย คนคนหนึ่งที่คิดจะแอบแฝงตัวเข้าคฤหาสน์หยวนมาโดยที่ไม่มีใครรู้เลยมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเย็นวันนี้คฤหาสน์หยวนจัดงานเลี้ยง การเฝ้าระวังมันจะต้องเข้มงวดกว่าปกติอยู่แล้ว คนคนนั้นขึ้นมาที่ชั้นสองได้ยังไง พวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองเพื่อจะทำอะไร?
เรื่องทั้งหมดมันผิดปกติทั้งนั้นเลย แน่นอนว่าในความคิดของเด็กน้อยอย่างถังจื่อโม่แล้ว สิ่งที่ผิดปกติมากที่สุดก็คือท่าทีที่คนคนนั้นมีต่อน้องสาวของเขา เขาเป็นห่วงว่าคนคนนั้นจะมีเป้าหมายอื่นต่อตัวน้องสาวของเขา ดังนั้นแล้วเรื่องนี้เขาจะต้องสืบให้ชัดเจนให้ได้
ในอีกด้านหนึ่ง ไป๋ยี่รุ่ยใช้เวลาหนึ่งวัน เอาหุ้นบริษัททั้งหมดที่อยู่ในมือเขา แล้วก็สินทรัพย์ถาวรทั้งหมดในมือเขา รวมทั้งเงินสดทั้งหมดของเขา โอนไปให้เวินลั่วฉิงทั้งหมด
ตอนแรกบริษัทนั้นได้ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาเพียงคนเดียว ในมือเขาเดิมทีก็ได้ครอบครองหุ้นไป51เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว และในมือของไป๋หยิงก็ได้ครอบครองไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
ตอนแรกไป๋หยิงได้เซ็นข้อตกลงไปว่าหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในมือของไป๋หยิง ไป๋ยี่รุ่ยมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ เมื่อตอนนั้นไป๋หยิงก็แค่ทำไปเพื่อที่จะแสดงออกถึงเจตนารมณ์ต่อไป๋ยี่รุ่ยไปก็เท่านั้น
แต่ว่าหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของไป๋หยิงไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้แตะต้องมันเลย ตอนนี้ไป๋หยิงได้ตายไปแล้ว เขาไม่อยากให้เรื่องนี้เข้าไปเกี่ยวพันกับเวินลั่วฉิง
ไป๋หยิงเขาเป็นคนฆ่าเอง รอให้เขาจัดการเรื่องทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะไปมอบตัวเอง ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต อย่างนั้นแล้วสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ในมือเขาในตอนนี้แน่นอนว่าจะต้องเก็บเอาไว้ให้เวินลั่วฉิงอยู่แล้ว
ผู้ช่วยรับไป๋ยี่รุ่ยมาถึงที่บริษัทแล้วก็ไม่ได้ไปไหนเลย รอจนถึงวันที่สองหลังจากที่ทนายมาแล้ว ผู้ช่วยเห็นท่านประธานของตัวเองโอนหุ้นทั้งหมดของบริษัทไปให้คนอื่นไปหมด และยังโอนไปให้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลเวินอีกด้วย ผู้ช่วยได้มึนงงไปหมดเลย
ผู้ช่วยในช่วงหลายปีมานี้ได้ติดตามอยู่ข้างตัวไป๋ยี่รุ่ยอยู่ตลอด ดังนั้นแล้วผู้ช่วยจึงรู้ว่าบริษัทของพวกเขามีความแค้นกับตระกูลเวิน แต่ว่าตอนนี้ท่านประธานของเขากลับโอนหุ้นทั้งหมดของบริษัทไปให้ศัตรู?
ท่านประธานหมายความว่าอะไรกันแน่?
นี่ตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?
ผู้ช่วยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป แต่ไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่ตอบกลับไป ตลอดทั้งกระบวนการไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้พูดมากมายเลยสักคำเดียว เพียงแค่เซ็นชื่อไป จัดการขั้นตอนทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ให้ทนายไปจัดการด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ผู้ช่วยคิดว่าท่านประธานของเขาเหมือนกับว่าจะรีบร้อนมากเลย ไม่ รีบร้อนเป็นพิเศษเลย ส่งของไปเสียรีบร้อนขนาดนี้ เพราะกลัวว่าจะส่งออกไปไม่ได้เหรอ?
แต่ว่า ผู้ช่วยถามไปหลายครั้งแล้ว ท่านประธานของเขาก็ไม่ตอบสักที ผู้ช่วยจึงไม่ได้ถามอีก
ไป๋ยี่รุ่ยหลังจากที่จัดการทุกอย่างไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นั่งอยู่ในห้องทำงานตามลำพัง มองเห็นแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนด้านนอกผ่านทางหน้าต่างกระจก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกไปยังไงดี
เขารู้ว่าเขาฆ่าคนตาย ดังนั้นแล้วเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตไปอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป ไม่ได้เสียใจเลยสักนิดเดียว
ถ้าให้เขาเลือกอีกครั้ง เขาก็ยังเลือกที่จะฆ่าไป๋หยิงไปอย่างไม่มีลังเลอยู่ดี
ตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวที่เขายังห่วงอยู่ก็มีเพียงแค่เวินลั่วฉิงเท่านั้น เขาไม่มีช่องทางการติดต่อของเวินลั่วฉิง
หลังจากที่เวินลั่วฉิงจากไปเมื่อตอนนั้น เบอร์โทรศัพท์ของเมื่อก่อนก็ได้เลิกใช้มันไปตั้งนานแล้ว ครั้งก่อน เวินลั่วฉิงเคยติดต่อเขามาครั้งนึง เบอร์โทรของเธอเมื่อตอนนั้นเขาเองก็จำมันได้เหมือนกัน แต่ในภายหลังโทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงก็ได้เปลี่ยนไปอีก เขาจึงติดต่อเธอไม่ได้อีก
และในช่วงเวลานี้ก็ไม่มีข่าวคราวที่เกี่ยวกับเธอเลยด้วย เขาได้ข่าวว่าคุณปู่เวินได้เข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาก็เลยให้คนไปที่โรงพยาบาล แต่เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลเลย
เวลาของเขามีไม่เยอะแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยคิด ๆ ไปแล้ว จากนั้นก็ได้หาเบอร์โทรของหลิวหยิงมา ต่อสายโทรออกไป
เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของหลิวหยิงกับเวินลั่วฉิงดีมาโดยตลอด หลิวหยิงจะต้องรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของเวินลั่วฉิงอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาก็แค่อยากรู้สถานการณ์ของเวินลั่วฉิง อยากรู้ว่าตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีหรือเปล่า
หลิวหยิงในตอนนี้กำลังกินข้าวอยู่ที่ข้างนอก ด้วยกันกับซือถูมู่หรง และทั้งสองคนได้อยู่ที่ร้านอาหารแผงลอยข้างทางที่ข้างนอก แน่นอนว่าเป็นความต้องการของหลิวหยิงนั่นเอง
แต่ที่หลิวหยิงได้เสนอว่าอยากจะไปกินข้าวที่นี่ เดิมทีเธอนึกว่าซือถูมู่หรงจะไม่ตกลงเสียอีก แต่เธอนึกไม่ถึงว่า หลังจากที่เธอได้เสนอออกไปแล้ว ซือถูมู่หรงจะตอบตกลงมาทันทีโดยที่ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย
หลิวหยิงจนถึงตอนนี้ก็ยังมึนงงอยู่เลย เธอไม่รู้ว่าหลายวันนี้ซือถูมู่หรงเป็นอะไรไป ระยะเวลาห้าปีที่พวกเขาได้กำหนดเอาไว้ได้มาถึงแล้ว แต่ว่าซือถูมู่หรงไม่ให้เธอไป
ด้วยความสามารถของซือถูมู่หรงแล้ว เขาไม่อนุญาตให้เธอไป หลิวหยิงรู้ว่าเธออยากไปมันจะต้องไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้ว ช่วงหลายวันนี้หลิวหยิงจึงต้องพยายามจงใจแสร้งลงมือทำบางอย่างไปสุดชีวิต เธออยู่ข้างกายซือถูมู่หรงมาห้าปี เธอรู้จักซือถูมู่หรงดีอยู่แล้ว เธอรู้ดีว่าซือถูมู่หรงอนุญาตให้เธอทำอะไร ไม่อนุญาตให้เธอทำอะไร
เมื่อก่อนในช่วงระยะสัญญาห้าปีของพวกเขา เรื่องที่ซือถูมู่หรงห้ามไม่ให้เธอทำเธอจะไม่ทำเลยสักอย่าง แต่ว่าตอนนี้เธอก็ได้ทำเรื่องที่ซือถูมู่หรงห้ามไม่ให้ทำ
สัญญาของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว ตอนแรกเธอขายให้กับเขาไปก็ขายไปเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น ตอนนี้ได้หมดเวลาลงแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ปล่อยเธอไป
หลิวหยิงรู้มาโดยตลอด ซือถูมู่หรงเก็บเธอไว้ข้างกาย เพื่อเป็นชู้รักลับ ๆ ที่ไม่อาจให้ใครรู้เข้าได้คนหนึ่ง ไม่อาจได้เปิดเผยออกไปตลอดไป
เมื่อก่อนซือถูมู่หรงไม่เคยจะพาเธอออกไปข้างนอกเลย จะไม่พาเธอไปในที่สาธารณะอะไรเลย และก็ไม่เคยพาเธอไปเจอกับเพื่อนเขาเลยเหมือนกัน
อ้อ ตอนที่เริ่มซือถูมู่หรงก็เคยพาเธอไปเจอเพื่อนอยู่หรอก แต่หลิวหยิงก็รู้ว่านั่นมันไม่ใช่เพื่อนที่แท้จริงของซือถูมู่หรงทั้งนั้นเลย คนพวกนั้นแม้แต่เพื่อนกินของซือถูมู่หรงก็ยังเรียกไม่ได้เลย
เมื่อตอนนั้นซือถูมู่หรงเพื่อที่จะทำให้เธออับอาย จึงจงใจพาเธอไปในที่แบบนั้น แล้วก็ยังจงใจทำอะไรบางอย่างกับเธอไปด้วย
ตอนนี้หลิวหยิงนึกเรื่องเมื่อตอนนั้นขึ้นมา ยังคงรู้สึกอัปยศอยู่ ถึงขนาดที่รู้สึกได้ถึงความสะอิดสะเอียนได้เลยทีเดียว เธอไม่รู้เลยว่าเมื่อตอนนั้นเธอทนมาได้ยังไง
เมื่อตอนนั้น ตอนที่ “เพื่อน” พวกนั้นของซือถูมู่หรงได้ทอดมองมายังเธอต่างก็พากันยิ้มกันออกมาอย่างมีความหมายลึกซึ้งอีกอย่างหนึ่งแฝงอยู่กันออกมา เมื่อตอนนั้น ในสายตาของคนพวกนั้นเกรงว่าเธอคงจะไม่ได้ดีไปกว่า “เจ้าหญิง” พวกนั้นที่คนอื่นเขาเรียกกันเมื่อตอนนั้นเลย
แต่ทว่า ต่อมาในภายหลังซือถูมู่หรงก็ไม่พาเธอไปที่พวกนั้นอีก เธอจำได้ว่าคงจะเป็นช่วงหนึ่งปีต่อจากนั้น ซือถูมู่หรงไม่พาเธอไปยังสถานที่อะไรพวกนั้นอีก ควรจะพูดว่าหนึ่งปีต่อจากนั้นซือถูมู่หรงไม่ได้พาเธอออกไปข้างนอกอีกเลยจะดีกว่า