ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1543 บ้าเกินไปแล้ว (2)
ไป๋ยี่รุ่ยคิดว่าถึงตอนนั้นจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวินลั่วฉิงก็คงจะไม่มีทางรู้เรื่องสกปรก ๆ พวกนั้นด้วยเช่นกัน
“พี่ปิดเธอไม่ได้หรอก ตอนนี้เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง เรื่องอะไรที่มันปิดเธอเอาไว้ได้บ้าง?” หลิวหยิงตะลึงงันไป เธอคิดว่าความคิดนี้ของไป๋ยี่รุ่ยมันดูไร้เดียงสาไปหน่อย
“คุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง? ตระกูลถังไหน?” ไป๋ยี่รุ่ยกลับตะลึงออกมา สีหน้าที่จากเดิมเรียบนิ่งจู่ ๆ มันก็ได้เปลี่ยนไป มีความตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ยังไม่รู้เหรอ? ก็ตระกูลถังนั่นไง ถังหยุนเฉิงคนนั้น พี่คงจะรู้ใช่มั้ย?” ครั้งนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นหลิวหยิงที่เป็นฝ่ายตกใจขึ้นมาแทน หรือว่าจนถึงตอนนี้แล้วไป๋ยี่รุ่ยยังไม่รู้เรื่องที่เวินลั่วฉิงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังงั้นเหรอ?
เพราะถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ได้ผ่านมานานมากแล้ว อีกอย่างในเน็ตมันก็มีการเผยแพร่รูปของคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังออกมารูปนึงเหมือนกัน
ไป๋ยี่รุ่ยรู้รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเวินลั่วฉิง ไป๋ยี่รุ่ยเห็นภาพนั้น ไม่มีทางที่จะไม่รู้
“ฉันไม่รู้” ดวงตาของไป๋ยี่รุ่ยวูบไหวออกมาเล็กน้อย เมื่อก่อนหน้านี้เขาได้ถูกไป๋หยิงควบคุมตัวอยู่ที่ในโรงพยาบาลอยู่ตลอด แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่มีเลย เข้าเน็ตไม่ได้ ไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเลย หลัก ๆ แล้วเมื่อตอนนั้นหลังจากที่เขาถูกเวินลั่วฉิงปฏิเสธไป ก็หมดกำลังใจอยู่บ้างเหมือนกัน ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
ต่อมา เขาได้ถูกไป๋หยิงขังไว้ในคฤหาสน์อีก เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลถังตามหาคุณหนูใหญ่เจอเรื่องนี้เขาจึงไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับภาพเพียงหนึ่งเดียวของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังภาพนั้นแน่นอนว่าเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
ดังนั้นแล้ว จนถึงตอนนี้เขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังในเรื่องนี้เลยสักนิด ไม่อย่างนั้น เขาเองก็ไม่มีทางจะรีบร้อนโอนทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้กับเวินลั่วฉิงไปอย่างนั้นหรอก
“ช่วงนี้พี่ไปอยู่ที่ไหนมา? ทำอะไรอยู่? ไปเป็นมนุษย์ถ้ำอยู่บนเขาเหรอ?” หลิวหยิงแทบจะหมดคำพูดไปเลย เขาใส่ใจเรื่องของเวินลั่วฉิงเสียขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าขนาดเรื่องมันใหญ่โตเสียขนาดนี้ก็ยังไม่รู้เลย?
“ฉันถูกไป๋หยิงควบคุมตัวมาตลอด ติดต่อกับภายนอกไม่ได้ และไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเลย” ไป๋ยี่รุ่ยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็อึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่สาเหตุที่เขาฆ่าไป๋หยิงเขาได้บอกหลิวหยิงไปหมดแล้ว เรื่องนี้มันก็ไม่นับว่าอะไรเลย
ในใจของไป๋ยี่รุ่ยได้มองหลิวหยิงเป็นน้องสาวมาโดยตลอด ดังนั้นแล้วพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าหลิวหยิงไปเขาก็ไม่ได้มีความกดดันอะไรเลยเหมือนกัน
เขาอยู่ต่อหน้าเวินลั่วฉิงพยายามปิดบังไปอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิวหยิงแล้วกลับไม่เคยคิดจะปิดบังเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย
“ไป๋หยิงควบคุมพี่?” หลิวหยิงตกใจออกมา “เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง? เธอบ้าไปแล้ว”
จู่ ๆ หลิวหยิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วตอนที่เธอไปโรงพยาบาล ไป๋ยี่รุ่ยอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง แม้แต่โทรศัพท์สักเครื่องก็ยังไม่มีเลย เมื่อตอนนั้นก็ยังเป็นเธอที่เป็นคนไปซื้อโทรศัพท์ให้ไป๋ยี่รุ่ยเอง
เมื่อตอนนั้นเธอคิดว่ามันไม่ค่อยจะถูกนัก แต่ต่อมาก็ได้ถูกซือถูมู่หรงทรมานไปรอบนึง เมื่อตอนนั้นซือถูมู่หรงยังใช้ไป๋ยี่รุ่ยมาขู่เธอด้วย เธอจึงไม่กล้าจะไปใส่ใจเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยอีก
นึกไม่ถึงว่าเมื่อตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยจะถูกควบคุมเอาไว้
“พี่ยืมโทรศัพท์ของคุณหมอโทรมาขอความช่วยเหลือก็ได้นี่” หลิวหยิงได้รู้สึกว่าเรื่องมันดูไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นักขึ้นมาอีกที เมื่อตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยอยู่ในโรงพยาบาลเลยนะ ขอเพียงแค่ไป๋ยี่รุ่ยคิด ก็สามารถมีวิธีมากมายแล้ว
“เมื่อตอนนั้นตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลเธอไม่ได้ควบคุมฉันไปโดยสมบูรณ์ ฉันติดต่อคนอื่นได้อยู่ เมื่อตอนนั้นฉันไม่คิดจะทำเองแหละ” ดวงตาของไป๋ยี่รุ่ยได้หม่นลงไปเล็กน้อย เมื่อตอนนั้นเขาถูกเวินลั่วฉิงปฏิเสธไป ได้หมดกำลังใจไปจริง ๆ คิดว่าตายไปอย่างนั้นก็ดี
เมื่อตอนนั้นพ่อเสียชีวิตไป หลายปีมานี้เขาก็แก้แค้นให้พ่อมามาโดยตลอด แต่ในตอนที่เจอเธออีกครั้ง เขาคิดว่าการแก้แค้นอะไรนั่นมันไม่สำคัญเลย เขาต้องการเพียงแค่เธอเท่านั้น อยากให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง
แต่เธอปฏิเสธเขา ปฏิเสธกันอย่างไม่มีความปรานีเลยสักนิด ไม่มีทางหนีทีไล่ให้กันเลยสักนิด ในนาทีนั้น ใจของเขามันได้ตายไปแล้วจริง ๆ
ในทันใดนั้นเขาก็คิดว่าชีวิตในช่วงหลายปีมานี้มันไม่มีความหมายเลย เขาไม่รู้เลยว่าหลายปีมานี้เขามีชีวิตอยู่ไปทำไม
หลิวหยิงทอดมองเขาไปแวบนึง นึกถึงสภาพตอนที่เจอเขาที่โรงพยาบาล ภายในใจก็เข้าใจขึ้นมา เธอจำได้ว่าเมื่อตอนนั้นเธอได้พูดถึงเรื่องฉิงฉิงขึ้นมามันถึงทำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
หลิวหยิงรู้มาโดยตลอดว่าเขารักเวินลั่วฉิงอย่างสุดซึ้ง เขานั้นเพื่อเวินลั่วฉิงแล้วไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ถึงขนาดที่สามารถละทิ้งชีวิตของตัวเองได้เลย
แต่ว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงคบอยู่กับคุณชายสามเย่ เขา…
หลิวหยิงมองเขา อดไม่ได้ที่จะเศร้าเสียใจอยู่บ้าง เขาทำตัวเองมาจนถึงขั้นนี้ได้ยังไง?
“ตอนนี้ฉิงฉิงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง งั้นฉันก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว” แต่ไป๋ยี่รุ่ยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจสถานการณ์ในตอนนี้ของเขาเลยสักนิด เขาเพียงคิดว่าเวินลั่วฉิงกลับไปที่ตระกูลถัง อย่างนั้นต่อจากนี้ไปก็จะไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก
หลิวหยิงเงยหน้าขึ้นไปมองเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาได้ปิดบังมานานขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดจะให้เขารู้มาก่อนเลย เมื่อก่อนไม่มีทางให้เขารู้ ตอนนี้เองก็จะไม่เหมือนกัน ต่อจากนี้ไปก็คงจะไม่เหมือนกัน
ความรู้สึกของเธอมันเป็นเพียงแค่เรื่องของเธอแค่คนเดียว เธอไม่มีทางจะให้ความรู้สึกของเธอส่งผลกระทบกับใครเข้า
“ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังแล้ว อย่างนั้นแล้วเรื่องหุ้นที่บริษัทของฉันก็ไม่ต้องรีบร้อนโอนให้เธอไป” ไป๋ยี่รุ่ยเดิมกังวลในสถานการณ์ของเวินลั่วฉิง ถึงได้คิดจะโอนทุกอย่างของตัวเองให้กับเวินลั่วฉิงไป
แต่ตอนนี้เวินลั่วฉิงกลับไปที่ตระกูลถังแล้ว เขาคิดว่าเรื่องหุ้นไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น เพราะว่าในใจของเขาไม่อยากให้เวินลั่วฉิงรู้เรื่องนี้ของไป๋หยิง
จะโอนหุ้นของเขาให้กับเวินลั่วฉิงไป ถึงตอนนั้นแล้วจะต้องแจ้งให้เวินลั่วฉิงได้รู้ แจ้งเวินลั่วฉิงไป เวินลั่วฉิงจะต้องรู้เรื่องนี้ของเขากับไป๋หยิงอย่างแน่นอน
แต่เรื่องมันจะลากยาวไปอีกหลายเดือน ถึงขนาดที่ลากยาวไปถึงครึ่งปีเลย ถึงตอนนั้นเรื่องของไป๋หยิงมันก็ได้ผ่านไปหมดแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วค่อยโอนหุ้นของเขาให้เวินลั่วฉิงไป เวินลั่วฉิงคงจะไม่ถามอะไรมากมายอีก
“ความคิดของพี่ฉันเข้าใจ แต่ฉิงฉิงเป็นยังไงพี่ยังไม่รู้จักดีอีกเหรอ? เธอจะรับของพวกนี้จากพี่โดยที่ไม่รู้อะไรเลยได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ เธอจะต้องสืบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน” หลิวหยิงทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ อยู่ในใจ เธอรู้จักเวินลั่วฉิงดี เธอรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยรู้จักดีกว่าเธอเสียอีก
ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เธอนึกออกได้ ไป๋ยี่รุ่ยไม่มีทางจะนึกไม่ถึง
“ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้ จะยังไงก็ช่าง” มุมปากของไป๋ยี่รุ่ยได้ฉกยิ้มออกมาเล็กน้อย เหมือนกับว่าอยากจะยิ้มออกมา แต่ยิ้มนั้นมันกลับดูขมขื่นสุด ๆ ไปเลย
“พูดบ้าอะไรกัน?” หลิวหยิงร้อนใจขึ้นมา ถลึงตาใส่เขาเขม็ง “เรื่องพวกนั้นที่ไป๋หยิงทำเดิมทีมันก็สมควรตายอยู่แล้ว และพี่ก็ไปมอบตัว แน่นอนว่าจะต้องได้รับการผ่อนปรนโทษให้…”
คำพูดของหลิวหยิงได้หยุดชะงักไปเล็กน้อย ตอนที่เอ่ยปากพูดออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงได้หม่นลงไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “ฉันเองก็จะช่วยพี่คิดหาวิธีด้วยเหมือนกัน”
เธอจะไม่มีทางมองดูอยู่เฉย ๆ ไม่สนใจอย่างแน่นอน เธอจะต้องคิดหาวิธีมาให้ได้
หลิวหยิงรู้ว่าเรื่องนี้เวินลั่วฉิงจะต้องมีวิธีมากกว่าเธอแน่ ๆ แต่ดูเหมือนว่าไป๋ยี่รุ่ยจะไม่อยากให้เวินลั่วฉิงรู้ เขาไม่อยากให้เวินลั่วฉิงเห็นสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขา หลิวหยิงก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้มันควรจะบอกเวินลั่วฉิงดีหรือเปล่า