ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1549 เรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้ว (2)
“ท่านประธาน พวกเรารอก่อนสักแป๊บนึง ให้พวกเขาไปแจ้งก่อนสักหน่อย” หลิวปิงนั้นกลัวว่าท่านประธานของเขาจะบุกเข้าไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้าจริง ๆ ดังนั้นแล้ว เขาจึงพยายามหยุดยั้งการเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างสุดความสามารถ
ซือถูมู่หรงไม่สนใจหลิวปิง และก็ไม่ได้สนใจพนักงานต้อนรับที่หน้าล็อบบี้ด้วยเช่นกัน แต่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแทน แล้วต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง
โทรศัพท์ดังอยู่แป๊บนึง ทางนั้นก็รับสาย “ไอ้หยา ท่านประธานซือถู วันนี้ลมอะไรพัดมา นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเอง?”
เสียงของทางปลายสายเห็นได้ชัดว่าได้ประดับไปด้วยความคาดไม่ถึงออกมา แน่นอนว่าสามารถฟังออกได้ถึงความประหลาดใจได้ด้วยเช่นกัน
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่คลับซิงหยุนของคุณ ฉันจะไปหาคนคนนึง ประธานไป๋ช่วยอำนวยควมสะดวกให้ด้วย” ซือถูมู่หรงไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยสักคำเดียว ได้บ่งบอกเจตนาของตัวเองออกไปให้ชัดเจนทันที
“มีคลับซิงหยุนของฉันด้วย? หาคน? ท่านประธานซือถูอยากจะไปหาใคร?” ความตกใจและความประหลาดใจของในน้ำเสียงของประธานไป๋ได้ข่มลงไป เหลือเพียงแค่ความตกตะลึงออกมา
ซือถูมู่หรงวิ่งแจ้นมาถึงคลับของเขาเพื่อมาหาคน? นี่มันแปลกมากจริง ๆ
“คืนนี้ไป๋ยี่รุ่ยจองห้องห้องหนึ่งไว้ที่นี่ ช่วยให้คนของคลับของพวกคุณพาฉันเข้าไปด้วย” ความหมายของซือถูมู่หรงชัดเจนมาก เขาต้องการจะเข้าไปเลย ไม่ใช่ว่าต้องไปถามความคิดเห็นของไป๋ยี่รุ่ยก่อน
“ท่านประธานซือถู นี่มันไม่เหมาะครับ คุณเองก็รู้กฎของคลับของพวกเรานี่ ผมเป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเองไม่มีทางจะทำลายกฎไปเองหรอกครับ ไม่อย่างนั้นแล้วใครเขาจะมาเที่ยวที่ของผมอีกกัน?” เรื่องนี้ประธานไป๋ลำบากใจมากจริง ๆ ซือถูมู่หรงโทรมาหาเขาด้วยตัวเอง ธุระที่เขาช่วยได้จะต้องช่วยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคลับของเขานี่สิ
และยิ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจเขามากเลย
“ได้ข่าวว่าประธานไป๋อยากเข้าร่วมโครงการภาคตะวันตกของเมืองกับพวกเขา” มุมปากของซือถูมู่หรงได้ยกขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่าประธานไป๋ไม่มีทางตอบรับออกมาง่าย ๆ แต่ตอนนี้ไหน ๆ เขาก็โทรไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีวิธีทำให้ประธานไป๋ตอบรับมาให้ได้อยู่แล้ว
อันที่จริงเขาเองก็รู้เหมือนกันว่าทำไมหลิวปิงถึงได้ห้ามเข้า เขาเองก็รู้ด้วยว่าเขาบุกเข้าไปคงจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นเข้า แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะทำอย่างนี้ เพราะว่าเขาอยากจะเห็นความจริง
เขาต้องการรู้ความจริง
“ท่านประธานซือถู ความหมายของคุณคือ…” ประธานไป๋ที่แต่เดิมลำบากใจเป็นอย่างมากแต่ในตอนนี้น้ำเสียงได้ขึ้นสูงออกมาทันที น้ำเสียงได้เต็มไปด้วยความตื่นตัว โครงการที่ภาคตะวันตกของเมืองอันนั้นที่ซือถูมู่หรงได้ลงทุนไปแน่นอนว่าเขาต้องอยากเข้าร่วมอยู่แล้ว โครงการที่ผ่านมือซือถูมู่หรงไม่มีการขาดทุน และโครงการที่ภาคตะวันตกของเมืองพื้นที่ที่จะได้รับผลประโยช์มันก็เยอะมาก ใคร ๆ ก็อยากจะร่วมหุ้นกันสักหน่อยทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าด้วยกำลังทรัพย์กับคุณสมบัติของเขามันยังห่างไกลความต้องการของบริษัทของซือถูมู่หรงอยู่อีกไกลเลย เขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสอะไรเลย ดังนั้นแล้วจึงทำได้แค่เพียงกัดฟันยอมแพ้ไป
แต่ตอนนี้ได้ยินความคิดของซือถูมู่หรงว่าจะให้โอกาสนี้กับเขา นั่นมันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ
ถึงแม้ว่าการพาซือถูมู่หรงเข้าไปเลยมันจะผิดกฎของคลับ และก็คงจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอยู่บ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นเมื่อเทียบกับโครงการภาคตะวันตกของเมืองแล้วมันไม่นับว่าอะไรเลย
“วันนี้ประธานไป๋ช่วยฉันสักอย่างนึง เรื่องโครงการมันก็น่าคุยกันหน่อย” การพูดจาของซือถูมู่หรงตรงไปตรงมามาก ไม่มีเยิ่นเย้อเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเขาเองก็รู้ว่าคุณสมบัติของประธานไป๋ไม่เพียงพอ แต่เพื่อเรื่องในคืนนี้แล้ว เขาสามารถยืดหยุ่นได้
“ดี ดี เดิมทีคลับก็มีกฎอยู่แล้ว แต่ว่า ถ้าท่านประธานซือถูนัดกับประธานไป๋เอาไว้เรียบร้อยแล้ว งั้นก็พาท่านประธานซือถูเข้าไปเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเหมือนกัน เพราะถึงยังไงเวลาของประธานซือถูก็มีค่ามาก ไม่อาจทำให้ประธานซือถูต้องมาเสียเวลาอยู่ได้ เชื่อว่าทางประธานไป๋เองก็จะไม่มีปัญหาด้วยเหมือนกัน” ประธานไป๋เป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์จากซือถูมู่หรงมาแล้ว เรื่องนี้เขาก็พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองต้องมีความผิดมากเกินไปด้วยเช่นกัน
ประธานไป๋ไม่รู้ว่าทำไมซือถูมู่หรงถึงจะไปหาไป๋ยี่รุ่ย ไม่เคยได้ข่าวมาก่อนเลยว่าซือถูมู่หรงกับไป๋ยี่รุ่ยมีการติดต่ออะไรกันมาก่อนเลย ถึงแม้ว่าไป๋ยี่รุ่ยเองก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกัน แต่กับซือถูมู่หรงจะต้องไม่อาจเทียบได้เลย
แน่นอนว่า ประธานไป๋ยิ่งไม่รู้สถานการณ์ทางนี้เลย ไม่รู้เลยว่าคนที่ซือถูมู่หรงจะไปหาไม่ใช่ไป๋ยี่รุ่ย แต่เป็นผู้หญิงของเขาที่อยู่กับไป๋ยี่รุ่ยต่างหาก
ถ้าประธานไป๋รู้ คงจะไม่มีทางตอบรับไปอย่างง่ายดายอย่างนี้หรอก
“อืม” แน่นอนว่าซือถูมู่หรงจะต้องเข้าใจความหมายของประธานไป๋อยู่แล้ว ประธานไป๋นั้นอยากจะให้ไม่ต้องไปผิดใจกับทั้งสองฝ่าย ทั้งยังไม่ส่งผลต่อคลับของพวกเขาด้วย
ซือถูมู่หรงไม่ได้พูดอะไรมากมายออกไป เพราะว่าตอนนี้เขาเพียงแค่อยากรีบ ๆ เข้าไปเท่านั้น เขาเพียงแค่นึกไปถึงว่าหลิวหยิงกับไป๋ยี่รุ่ยได้อยู่ข้างในมาสามชั่วโมงกว่าแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตรงช่วงอกของตัวเองมันเหมือนกับว่ามีกองเพลิงกำลังเผาไหม้อยู่เลยไม่มีผิด จะยังไงก็ไม่อาจทนเอาไว้ได้เลย
ดังนั้นแล้ว เขาก็เลยจำเป็นต้องเข้าไป จำเป็นจะต้องไปเห็นกับตาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“งั้นก็ต้องรบกวนประธานไป๋ให้คนพาผมเข้าไปแล้ว” ซือถูมู่หรงข่มกลั้นไฟที่อยู่ภายในอก พยายามที่จะให้เสียงของตัวเองสงบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ได้ ได้ครับ แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผมจะโทรหาพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย ให้พวกเขาพาประธานซือถูเข้าไปเลยครับ” แน่นอนว่าประธานไป๋ต้องตอบรับออกมาซ้ำ ๆ อยู่แล้ว เรื่องดี ๆ อย่างนี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ
ทั้งได้รับผลประโยชน์ และยังไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบอะไรอีก
ซือถูมู่หรงได้วางสายไปเลย ผ่านไปสองวิ โทรศัพท์ที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็ดังขึ้น พนักงานรับสาย ตอบรับไปหลายคำ จากนั้นก็เดินเข้ามาที่ตรงหน้าซือถูมู่หรง เอ่ยออกมาอย่างสุภาพนอบน้อม “ท่านประธานซือถู ประธานไป๋ของเราให้ดิฉันพาคุณไปค่ะ”
ซือถูมู่หรงไม่ได้ส่งเสียงพูดออกมา ได้ตามเธอเดินเข้าไปด้านในทันที
หลิวปิงตามอยู่ข้างหลัง ตกใจจนเหงื่ออาบไปทั่วทั้งร่าง ตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงภาวนาขอให้คุณหลิวกับไป๋ยี่รุ่ยที่อยู่ด้านในจะเพียงแค่คุยกันแบบบริสุทธิ์ใจเท่านั้นจริง ๆ ไม่มีอะไรอื่น
แต่ตัวหลิวปิงเองก็ไม่เชื่อความเป็นไปได้จำพวกนั้นเลย!!
หลิวปิงคิดว่ามันจะต้องจบเห่แน่เลย!!
ด้านในห้อง หลิวหยิงเห็นสีหน้าของไป๋ยี่รุ่ยซีดลงไปเรื่อย ๆ เหงื่อบนหน้าผากของเขาก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่ยี่รุ่ย พี่เป็นอะไรไป?” หลิวหยิงเดิมทีก็เป็นห่วงกับอาการของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นสภาพที่เขาเจ็บปวดทรมานเข้าไปอีกใจมันก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา “ฉันช่วยพี่เรียกหมอมา”
จู่ ๆ ไป๋ยี่รุ่ยก็ยื่นมือมาคว้าแขนของเธอเอาไว้ ริมฝีปากที่ทั้งซีดและแห้งได้อ้าปากพูดออกมาเล็กน้อย “อย่าไป อย่าไปจากผม”
เสียงของเขาเบามาก แต่คำที่พูดออกมากลับชัดเจนมาก
หลิวหยิงตะลึงงันไปเล็กน้อย หันไปมองเขา เห็นดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดแน่น ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่น คำพูดประโยคนี้คงจะพูดออกมาในระหว่างที่ไม่ได้สติ
หลิวหยิงรู้ดีว่าคำพูดนี้ของเขาไม่ได้พูดกับเธอ แต่ได้พูดกับฉิงฉิง ตอนนี้เขาคงจะเห็นเธอเป็นฉิงฉิง
แต่ทว่าในตอนนี้ สีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าของเขาได้จางหายไปเยอะเลย ดังนั้นแล้วเมื่อกี้นี้เขาคงจะไม่ได้เป็นเพราะปัญหาทางด้านร่างกาย แต่คงจะฝันร้ายอะไรจำพวกนี้ล่ะมั้ง
หลิวหยิงลอบถอนหายใจออกมา
เพียงแต่ว่า เธอเห็นว่าตอนนี้เขากำลังกุมเธอเอาไว้แน่น ท่าทางเหมือนกับว่าไม่ให้เธอไปยังไงอย่างนั้น ภายในใจมันก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมาอีก เขารักฉิงฉิงมาก รักมาก ๆ แต่ฉิงฉิงดูเหมือนว่าจะไม่มีทางจะมาคบกับเขาอีกแล้ว
รู้ว่าในฝันของเขาได้คิดว่าเธอเป็นฉิงฉิง ภายในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้เป็นทุกข์อะไรมากมายเหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าถึงแม้ว่าเธอจะชอบเขา แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะคบกับเขาจริง ๆ มาก่อนเลย
ตอนนี้เธอเห็นเขามีสภาพอย่างนี้กลับทุกข์ใจ เป็นทุกข์แทนเขา แทนที่จะเป็นทุกข์แทนตัวเองเสียอีก
“ฉิงฉิง อย่าไป” ไป๋ยี่รุ่ยยังคงไม่ตื่นขึ้นมา ดวงตาปิดแน่น มือที่กุมข้อมือเธออยู่ก็กุมแน่นขึ้นมาเหมือนกัน
หลิวหยิงได้ทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ อีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ก็ไม่ได้ใช้แรงไปดึงมือเขาออกไปด้วยเช่นกัน
หลิวหยิงไม่อยากทำให้เขาตื่น
พรุ่งนี้เขาจะต้องไปมอบตัว เขาไม่รู้เลยว่าไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดี ๆ มากี่วันแล้ว วันนี้ก็ให้เขาได้พักผ่อนให้สบายเถอะ
ไป๋ยี่รุ่ยค่อย ๆ สงบลงไปช้า ๆ สีหน้าเองก็ค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเป็นปกติขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน การหายใจเองก็ค่อย ๆ สม่ำเสมอขึ้นมาเหมือนกัน ดูท่าว่าคงจะหลับสนิทแล้ว
หลิวหยิงจึงคลายความกังวลไป ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาคงจะไม่ได้มีปัญหาอะไร คงจะแค่เหนื่อยมากไป พักผ่อนสักคืนก็คงจะไม่เป็นอะไรแล้ว
หลิวหยิงมองดูเวลา เป็นเวลาสิบโมงเย็นเข้าไปแล้ว เธอจำได้ว่าตอนที่มาเป็นเวลาประมาณเจ็ดโมง นึกไม่ถึงว่าจะผ่านไปแล้วสามชั่วโมง
หลิวหยิงนึกถึงสายที่ซือถูมู่หรงโทรหาเธอเมื่อกี้ขึ้นมา อันที่จริงปกติแล้วเขาจะโทรหาเธอน้อยมาก แต่หลัก ๆ แล้วมันก็เป็นเพราะว่าปกติแล้วเธอจะอยู่แต่ที่บ้าน ตอนที่เขากลับมาก็เจอเธอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องโทรหาเลย
ก่อนหน้านี้เธอตกใจกับท่าทางของไป๋ยี่รุ่ย ไม่สบายใจ และก็เพราะว่าพรุ่งนี้ไป๋ยี่รุ่ยจะไปมอบตัวแล้ว เรื่องนี้ดูเหมือนว่าไป๋ยี่รุ่ยจะไม่อยากให้คนที่รู้จักคนอื่นรับรู้ ดังนั้นแล้วเธอก็เลยไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาเห็นเหมือนกัน
แต่ว่าตอนนี้ดูท่าทางเขาแล้วคงจะไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าเองก็ไม่ได้ซีดเหมือนอย่างกับเมื่อกี้นี้อีกแล้ว มีสีเลือดออกมาบ้างนิดหน่อยแล้วด้วย
เธอตรวจดูอุณหภูมิร่างกายของเขาดูมันก็เป็นปกติแล้วเหมือนกัน ร่างกายก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
ถึงแม้ว่าเธอกับไป๋ยี่รุ่ยจะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังตลอดทั้งคืนอย่างนี้มันก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็คิดว่าสามารถกลับไปก่อนได้แล้ว