ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1586 เราเจอกันหน่อยเถอะ (1)
“ห๊ะ ไม่หรอกมั้ง? เธอพูดแล้วได้ เธออยากจัดการยังไงก็จัดการยังไง? ฉิงฉิง คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้จะฟังเธอ? เขา เขาจะเป็นตัวปลอมหรือเปล่า?” หลิวหยิงในตอนนี้ตกใจมาก ทันใดนั้นก็ลืมไปเลยว่าโทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงยังเปิดลำโพงไว้อยู่ พูดความในใจของตัวเองออกมาเลย
หัวหน้าน้องอีกทางหนึ่งได้ยินคำพูดของหลิวหยิงแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากอธิบายไปว่า “ผมคือมู่เฉิง หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้”
คำพูดของหัวหน้าน้อยหยุดไปชั่วครู่ อาจจะรู้สึกว่าความน่าเชื่อถือยังไม่พอ ดังนั้นพูดเสริมอีกประโยคว่า “จริงแท้แน่นอนครับ”
“จริง……ตัวจริง…….” หลิวหยิงรู้สึกได้ถึงการเสียสติของตนเองในเมื่อกี้ ทว่าได้ยินหัวหน้าน้อยแนะนำตัวแล้ว หลิวหยิงก็ยังอดที่จะไม่ได้พูดไม่ได้
เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ไหง เธอไม่ได้สงสัยในตัวตนฐานะของหัวหน้าน้อยเลย ไม่ว่ายังเธอก็เดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณชายหานในองค์กรโกสต์ซิตี้ท่านนั้นตำแหน่งไม่ต่ำ
“คุณอยากจัดการพวกเขาอย่างไร?” หัวหน้าน้อยไม่ได้สนใจหลิวหยิง แต่ว่าถามความหมายของเวินลั่วฉิงอีกครั้ง
“ความหมายของหัวหน้าน้อยคือให้ฉันมาจัดการเรื่องนี้ หรือว่าหัวหน้าน้อยจะไปจัดการ ตามความหมายที่ฉันบอก” เวินลั่วฉิงค่อนข้างรู้สึกแปลกกับท่าทีของหัวหน้าน้อยท่านนี้ ดังนั้นเธอต้องถามให้ชัดเจน
ไป๋หยิงตายแล้ว สุดท้ายแล้วใครมาจัดการเจิ้งฉงก็ไม่ได้แตกต่างกัน เวินลั่วฉิงไม่ได้มีความยืนยันที่จะจัดการกับศัตรูด้วยตนเอง
หากหัวหน้าน้อยช่วยเธอจัดการ ถือว่าลดภาระของเธอไปเลย
แน่นอนว่าเรื่องนี้หากหัวหน้าน้อยจัดการด้วยตนเอง เรื่องของไป๋ยี่รุ่ยก็ต้องพูดถึงซะหน่อย เดี๋ยวจะทำเอาเรื่องไป๋ยี่รุ่ยบานปลายไปอีก
“คุณออกความเห็น ผมมาจัดการ ดีไหมครับ?” จู่ๆ หัวหน้าน้อยก็หัวเราะ ตอนแรกน้ำเสียงของเขาน่าฟังอยู่แล้ว พอยิ้มขึ้นมาแล้วก็น่าฟังกว่าเดิม เสียงหัวเราะนั้นสามารถทำเอาสาวๆ หวั่นไหวไปหมด
และน้ำเสียงที่แฝงเสียงหัวเราะของเขาก็น่าฟังยิ่งกว่า มีเสน่ห์ที่ไม่สามารถต่อต้านได้ โดยเฉพาะคำว่าดีไหมครับ ทำเอาหลงใหลจนไม่ได้สติเลย
หลิวหยิงตกใจจนเบิกตาโต นี่เป็นเทวดาอะไรเนี่ย เตาะเก่งเกินไปแล้ว แค่เสียงหัวเราะก็สามารถเตาะสาวๆ ได้นับไม่ถ้วน
และคำพูดที่หัวหน้าน้อยพูดยิ่งทำให้หลิวหยิงตกใจตาค้างไปเลย ความหมายของหัวหน้าน้อยท่านนี้คือให้ฉิงฉิงออกคำสั่ง แล้วเขาไปจัดการคน?
คือความหมายนี้ใช่ไหม?
สรุปแล้วสิ่งที่เธอเข้าใจก็คือความหมายนี้ ฉิงฉิงบ้านเธอสุดยอดมากจริงๆ
เวินลั่วฉิงเองก็รู้สึกว่าคำพูดที่หัวหน้าน้อยท่านนี้พูดน่าสนใจ หัวหน้าน้อยท่านนี้ถามความหมายของเธอติดต่อกันหลายรอบมาก ชัดเจนเลยว่าไม่ได้ถามเล่นๆ เพราะเกรงใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เวินลั่วฉิงก็ไม่ถ่อมตนแล้ว พูดจริงๆ เลย “ไป๋หยิงตายแล้ว คนตายแล้วก็ให้เขาอยู่ในดินอย่างสงบสุขเถอะ สำหรับเจิ้งฉงก็จัดการตามกฎระเบียบในองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกนายละกัน”
ถึงแม้หัวหน้าน้อยจะถามความหมายของเธอหลายรอบ เวินลั่วฉิงก็ไม่มีทางพูดตรงๆ ว่าเธออยากจัดการยังไง วิธีที่ดีที่สุดก็คือตามกฎระเบียบขององค์กรโกสต์ซิตี้ เวินลั่วฉิงรู้ว่ากฎระเบียบขององค์กรโกสต์ซิตี้เข้มงวดมาก หากทำตามกฎขององค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแค่เรื่องของเจ้าหยิงตัวปลอมเจิ้งฉงก็สามารถตายสิบรอบแล้ว
เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย ห้ามให้เจิ้งฉงวุ่นวายอยู่ข้างนอกต่อ ดังนั้นจึงพูดเสริมอีกว่า “หัวหน้าน้อยรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนได้ไหม ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นเพราะเจิ้งฉง”
นี่คือเป้าหมายที่เวินลั่วฉิงโทรมา แน่นอนว่าตอนแรกเวินลั่วฉิงไม่ได้จะพูดแบบนี้อยู่แล้ว ทว่าหัวหน้าน้อยถามความหมายของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงอดไม่ไหวเพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค
“โอเค ฟังคุณครับ” ในน้ำเสียงของมู่เฉิงมีเสียงหัวเราะเพิ่มขึ้น เสียงหัวเราะนั้นทำเอาแตกสลายไปหมด ถึงแม้ว่าจะมีโทรศัพท์กั้นก็ละลายไม่ไหว
ยังดีที่เวินลั่วฉิงมีสติที่ยืนหยัด และตอนนี้เวินลั่วฉิงก็มีเจ้าของหัวใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่หลงใหล
ถึงแม้ว่าเวินลั่วฉิงจะไม่หลงใหล ทว่าฟังคำพูดว่า ‘ฟังคุณครับ’ ที่แฝงเสียงหัวเราะของหัวหน้าน้อย ในใจก็ละลายไปเล็กน้อย เสียงหัวเราะนี้ น้ำเสียงนี้ คำพูดนี้ ทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้จริงๆ เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีพิษ มีพิษแน่นอน
“พระเจ้า นี่เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ เหรอ? เสียงหัวเราะช่างน่าฟังมาก อีกอย่างคำพูดนี้ก็ดูเอ็นดูมาก ฉิงฉิง เขาเอ็นดูเธอมาก เอ็นดูเธอมากจริงๆ!” หลิวหยิงรู้สึกว่าหัวใจสาวของตัวเองละลายจนไม่รู้จะไปไหนแล้ว
ครั้งนี้หลิวหยิงได้ระวังอยู่ กดเสียงให้ต่ำ เธอพูดอยู่ข้างหูของเวินลั่วฉิง ดังนั้นมีแต่เวินลั่วฉิงที่ได้ยิน
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของหลิวหยิงแล้วก็อึ้งไปเลย เมื่อกี้เธอเกือยบะหลงใหลในเสียงหัวเราะของหัวหน้าน้อย ละเลยเรื่องเรื่องหนึ่งไป
เรื่องที่เธอละเลยไปเมื่อกี้สำคัญมาก ทำไมหัวหน้าน้อยท่านนี้จึงได้ถามเธอครั้งแล้วครั้งเล่า อีกอย่างทำไมถึงต้องฟังเธอ
ถึงแม้ว่าในน้ำเสียงของหัวหน้าน้อยจะมีเสียงหัวเราะแฝงอยู่ ทว่าเวินลั่วฉิงฟังไม่ออกว่าเขากำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า เขาพูดได้ทำได้แน่นอน ทว่าทำไมล่ะ?
ทำไมเขาถึงต้องฟังเธอ อีกอย่างยังมีน้ำเสียงเช่นนี้ด้วย?
เขาเป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้เลยนะ และเธอก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้เลย
เวินลั่วฉิงเดาออกว่าเรื่องที่เกิดในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเพราะพวกเขาสงสัยว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าพวกเขา ทว่าตอนนั้นเธอละเลยจุดนี้ไป ผมที่พวกเขาเอาไม่ใช่ของเธอ
ครั้งที่ผมที่พวกเขาเอาไปคือเส้นผมของพยาบาลในโรงพยาบาล หากเธอเดาไม่ผิด หลังจากที่พวกเขาได้เส้นผมแล้วก็ไปตรวจดีเอ็นเอกับหัวหน้าพวกเขา
เส้นผมของพยาบาลน่าจะไม่ตรงกับหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้หรอกมั้ง?
ทว่าท่าทีที่เคารพของชายหนุ่มคนนั้นบวกกับท่าทีที่เชื่อฟังเธอทั้งหมดของหัวหน้าน้อย ไม่เหมือนว่าผลตรวจจะไม่ตรงกันเลย
หรือว่า ผลตรวจดีเอ็นเอจะตรงกัน?!
หรือว่า พยาบาลคนนั้นในโรงพยาบาลคือลูกสาวของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้พอดี?
ถึงแม้ฟังแล้วจะดูแปลกๆ ถึงขั้นดูเหมือนเป็นเรื่องจินตนาการ ทว่าสิ่งที่เวินลั่วฉิงคิดได้มีเพียงแต่ความเป็นไปได้นี้
ไม่เช่นนั้นชายหนุ่มที่มีตำแหน่งไม่ธรรมดาในองค์กรโกสต์ซิตี้ ทำไมถึงต้องให้ความเคารพเธอขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นทำไมหัวหน้าน้อยถึงต้องเชื่อฟังเธอ
ดังนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าผลการตรวจดีเอ็นเอตรงกันแล้ว!!
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่ามีเพียงแต่ผลตรงกัน ชายหนุ่มคนนั้นจึงจะให้ความเคารพเธอขนาดนี้ และการตอบสนองที่หัวหน้าน้อยเชื่อฟังเธอ
งั้นเธอถือว่าได้ช่วยองค์กรโกสต์ซิตี้ไว้หรือเปล่า หากผลตรวจดีเอ็นเอตรงกันแล้ว งั้นเธอจะต้องบอกความจริงกับพวกเขา ห้ามให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเธอคือลูกสาวของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้พวกเขา
“อันนั้น ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกกับพวกนาย เส้นผมที่พวกนายเอาไปวันนั้นไม่ใช่ของฉัน” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่านี่คือเรื่องใหญ่ ต้องพูดให้ชัดเจน หากผลตรวจดีเอ็นเอไม่ตรงกันก็ช่างเถอะ หากไม่ตรงกันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตามหาลูกสาวขององค์กรโกสต์ซิตี้
ดูเหมือนว่าน่าจะตรงกันแล้ว งั้นเธอก็ไม่สามารถปิดบังได้ ห้ามให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นลูกสาวขององค์กรโกสต์ซิตี้
เธอไม่สามารถเข้าครอบครองบ้านหรือที่ดินของผู้อื่นโดยพลการ ได้รับการปฏิบัติดีๆ แบบฟรีๆ เช่นนี้
อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ มู่เฉิงอึ้งไปเลย จากนั้นริมฝีปากก็อดยิ้มโค้งไม่ไหว “ผมรู้”
ในตอนที่หัวหน้าน้อยพูดประโยคนี้ น้ำเสียงมีความภาพภูมิใจแฝงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือความยืนหยัด และมีความตื้นตันด้วย
เขารู้อยู่แล้วนั่นไม่ใช่ผมของเธอ เขาไม่มีทางผิดแน่นอน
เธอคือเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้พวกเขา นอกจากเธอแล้วจะไม่มีคนอื่นๆ อีก!!
ทว่ามู่เฉิงไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงบอกเขา ตอนนั้นเธอใช้แผนการ ให้พวกเขาได้รับเส้นผมปลอม ตอนนี้ทำไมถึงต้องบอกเขา?
ในตอนนี้คุณชายหานก็ขยับเข้ามาใกล้ ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงพอดี คุณชายหานก็อึ้งไปเลย จากนั้นก็เบิกตาโต สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เกือบจะตะโกนร้องออกด้วยความตกใจ เส้นผมนั้นกลับไม่ใช่ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
หัวหน้าน้อยถูกจริงๆ ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อหัวหน้าน้อย ตามหัวหน้าน้อยมาสืบ ทว่าในใจของเขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจมาก ตอนนี้พอได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังบอกเองว่านั่นไม่ใช่ผมของเธอ อารมณ์ของคุณชายหานก็เบิกบานเลย
แน่นอนว่า คุณชายหานเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูใหญ่ตระกูลถังถึงต้องบอกเรื่องนี้กับพวกเขา
“พวกนายรู้แล้ว?” เวินลั่วฉิงที่เงียบสงบมาโดยตลอด ขณะนี้น้ำเสียงของเธอก็มีความตกใจแฝงอยู่ ประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรโกสต์ซิตี้สูงเกินไปแล้วจริงๆ
ตอนนั้นเธอก็แค่หาพยาบาลคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอสามารถปิดบังทุกคนได้ คิดไม่ถึงว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้จะสืบความจริงเจอเร็วขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอต้องนับถือเลย!