ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1596 คุณชายสามเย่กำลังโมโห (1)
ยิ่งไปกว่านั้นบอสกับคุณผู้หญิงก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทั้งสองคนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะอยู่กับใครก็เหมือนกันทั้งนั้น และมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมายเลยด้วย บอสไม่มีความจำเป็นจะต้องคิดเล็กคิดน้อยเลย
อีกอย่างเมื่อกี้เลขาหลิวมองออกว่าที่จริงแล้วคุณผู้หญิงก็แค่พูดเล่นกับเขาเท่านั้นเอง ไม่ได้จะฉกเขาไปจริง ๆ
“บอสครับ อันที่จริงคำพูดนั้นคุณผู้หญิงพูดเล่นนะครับ” เลขาหลิวคิดว่าจำเป็นจะต้องอธิบายออกไปให้คุณผู้หญิงสักหน่อย อย่าให้บอสเข้าใจคุณผู้หญิงผิดไป
แต่ว่าคำอธิบายนี้ของเลขาหลิวหลังจากที่ได้พูดออกไปแล้ว กลับเห็นสีหน้าบอสของเขาขรึมลงกว่าเดิมเสียอีก
ภายในใจของเลขาหลิวตกใจนิ่งค้างไป เมื่อกี้เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ?
ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นสิ? คำพูดเมื่อกี้ของเขาทั้ง ๆ ที่อธิบายแทนคุณผู้หญิงไปแท้ ๆ ไม่มีทางจะมีความผิดไปได้แน่
ทำไมบอสถึงโกรธกันล่ะ?
บอสไม่เชื่อคำพูดของเขางั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าบอสจะไม่เชื่อคำพูดของเขา สีหน้าก็ไม่ถึงขนาดจะต้องเปลี่ยนมาแย่ขนาดนี้เลยนี่นา
เลขาหลิวคิดไปว่าต้องอธิบายออกไปอีกสักหน่อยหรือเปล่า แต่ในตอนที่เลขาหลิวกำลังคิดจะเอ่ยปากพูดออกไปนั้นเอง จู่ ๆ เย่ซือเฉินก็ยื่นมือออกมา ดึงข้อมือของเวินลั่วฉิงเอาไว้ แล้วดึงเธอออกจากลิฟต์ไป จากนั้นก็ลากเธอตรงไปยังห้องทำงาน
สีหน้าของเย่ซือเฉินมืดครึ้มอยู่ตลอด ทั้งยังไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว
ดวงตาที่ตื่นตกใจของเลขาหลิวแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะเห็นกับตาตัวเอง เลขาหลิวไม่กล้าจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าบอสของเขาจะปฏิบัติอย่างนี้กับคุณผู้หญิง
เลขาหลิวรู้ความรู้สึกที่บอสของเขามีต่อคุณผู้หญิงดี เย่ซือเฉินในตอนนี้ประคบประหงมคุณผู้หญิงอย่างดีเลยจริง ๆ
แต่ว่าตอนนี้บอสมีท่าทีอย่างนี้กับคุณผู้หญิง?
มองออกว่าตอนนี้บอสของเขาโกรธมาก โมโหมากเลย
แต่เรื่องมันก็ได้ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ต้องบอกว่าบอสควรจะใจเย็นลงได้แล้ว บวกกับที่ตอนนี้คุณผู้หญิงได้มาหาบอสด้วยตัวเองแล้ว บอสไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกรธขนาดนี้ โมโหขนาดนี้เลย
ไม่ถูกต้อง มันจะต้องมีเรื่องสำคัญมากอะไรที่ถูกเขามองข้ามไปแน่ ๆ เลย
ดวงตาของเลขาหลิวเป็นประกายออกมา จู่ ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว คำพูดล้อเล่นคำสุดท้ายที่คุณผู้หญิงจะฉกเขาไป บอสคงจะไม่ได้คิดว่าคุณผู้หญิงจะฉกเขาไปเพื่อช่วยไป๋ยี่รุ่ยหรอกนะ?
ดังนั้นแล้ว บอสถึงได้โกรธขนาดนั้น?
เลขาหลิวคิดว่าตัวเองได้รู้สัจธรรมความเป็นจริงขึ้นมาแล้ว !!
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ๆ ตอนนี้บอสจะต้องโกรธมากแน่ ๆ เลย อย่างนั้นแล้วคุณผู้หญิงจะเป็นอะไรหรือเปล่า?
ภายในใจของเลขาหลิวรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา แต่ตอนที่เขาได้ตามออกไปนั้น กลับเห็นว่าบอสได้ลากคุณผู้หญิงเข้าห้องทำงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เลขาหลิวมองประตูห้องทำงานที่ถูกบอสของเขาปิดกระแทกลงไปอย่างแรก ร่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นออกมาเล็กน้อย เขาไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยคุณผู้หญิง แต่เขามีใจอยากจะทำแต่ก็ไร้ซึ่งกำลังจริง ๆ ถ้าตอนนี้เขาตามเข้าห้องทำงานไปจะต้องทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิมแน่ ๆ เลย บอสจะต้องยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ
เลขาหลิวลอบถอนหายใจออกมา คุณผู้หญิงเก่งเสียขนาดนั้น จะต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างบอสรักคุณผู้หญิงเสียขนาดนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้บอสจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางจะทำร้ายคุณผู้หญิงได้หรอก
ตอนนี้ที่ในห้องทำงาน หลังจากที่เย่ซือเฉินได้ปิดประตูลงไปอย่างแรงแล้ว ก็ได้กดร่างของเวินลั่วฉิงลงบนประตูห้องไปทันที ไม่รอให้เวินลั่วฉิงตอบสนองอะไรออกมา ร่างของเขาก็ได้กดเข้ามา ทำให้เวินลั่วฉิงไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย
และต่อมา เขาก็ได้ก้มหน้าลงมาจูบเธอเอาไว้
ตอนนี้ จูบของเขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนกับปกติ ทั้งดุเดือดและทั้งร้อนแรง และยังประดับไปด้วยความรุนแรงด้วยเล็กน้อย
แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติไปของเขา คิ้วของเธอได้ขมวดออกมาเล็กน้อย ได้ยื่นมือไปดันเขาทันที
เพียงแต่ว่า ต่อจากนั้น เย่ซือเฉินกลับคว้ามือเธอเอาไว้แล้วดึงขึ้นไปเลย จากนั้นก็ดึงมือเธอขึ้นไปที่สูง ยึดเอาไว้อยู่ที่ตรงเหนือศีรษะของเธอ และจูบของเขาก็ไม่มีหยุดเลย ถึงขนาดที่ดุเดือดกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิมเสียอีก
เวินลั่วฉิงถึงแม้ว่าฝีมือจะนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของเย่ซือเฉินเลย อีกอย่างความแตกต่างระหว่างสมรรถภาพของผู้หญิงกับผู้ชายเดิมทีแล้วมันก็ต่างกันอยู่มากโขอยู่แล้ว ตอนนี้เย่ซือเฉินก็ยังได้ตัดสินใจแบบเด็ดขาดไปแล้วอีก ดังนั้นแล้วเวินลั่วฉิงจึงทำอะไรไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะขัดขืนออกไปก็ขัดขืนออกไปไม่ได้เลยเหมือนกัน
เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินเป็นอะไรไป ทั้ง ๆ ที่ตอนที่โทรศัพท์กันเมื่อก่อนหน้านี้ยังดี ๆ อยู่เลย ต่อมาเขายังตั้งใจจะส่งข้อความบอกให้เธอมาเป็นพิเศษอีก หรือว่าที่เขาให้เธอมาก็เพราะแบบนี้?
แน่นอนว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงมองออกว่าเย่ซือเฉินกำลังโกรธอยู่ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินทำไมถึงได้โกรธ
ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนหน้านี้ทั้งหมดมันก็ยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โกรธขึ้นมาล่ะ?
คงไม่ได้เป็นเพราะคำพูดล้อเล่นที่เธอพูดกับเลขาหลิวที่ในลิฟต์เมื่อกี้นี้คำนั้นหรอกนะ?
แต่จากที่เธอได้รู้จักเย่ซือเฉินมา เธอคิดว่ามันคงไม่ถึงขนาดนั้น
การกระทำของเย่ซือเฉินยิ่งดุดันและยิ่งรุนแรงขึ้น เหมือนกับว่าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไปเลยทีเดียว ไม่เหลือช่องว่างให้เธอเลยสักนิดเดียว เวินลั่วฉิงรู้สึกได้แค่เพียงว่าการหายใจมันลำบากขึ้นเล็กน้อยไปชั่วขณะนึง
เขาคิดจะเอาชีวิตเธอหรือไง?
มือของเวินลั่วฉิงได้ถูกเขากุมเอาไว้แน่น ขยับไม่ได้เลย ดิ้นไม่หลุดเลยเหมือนกัน เวินลั่วฉิงทำได้แค่เพียงยกเท้าขึ้นมาเตะเขา ให้เขาปล่อยเธอ
ขาของเย่ซือเฉินถูกเธอเตะไปทีนึง แรงที่เธอเตะไปมันไม่ได้แรงนัก เย่ซือเฉินจึงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรออกมา เพียงแต่ในตอนที่เวินลั่วฉิงได้ยกขาขึ้นไปเตะเขาอีกครั้ง ขาของเขาก็ได้กดลงไปตามแรงของเธอ ควบคุมขาทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ด้วย
และในขณะเดียวกันที่ทำทั้งหมดนี้ไป จูบของเย่ซือเฉินก็ไม่หยุดลงไปเลย อีกทั้งแรงก็เหมือนว่าดุเดือดขึ้น รุนแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เวินลั่วฉิงรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเธอเหมือนกับถูกเขาไม่รู้ว่าบดขยี้จนเจ็บหรือว่ากัดจนเจ็บไปหมดเลย
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเขากำลังโกรธ แต่เขาโกรธก็ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย มีเรื่องอะไรพูดกันให้ดี ๆ ไม่ได้เลย?
ในที่สุดเวินลั่วฉิงก็เจอโอกาสเสียที หลบเลี่ยงออกจากริมฝีปากเขาไปได้ชั่วคราว ในที่สุดก็สามารถสูดหายใจเข้าไปแรง ๆ ได้เสียที
เห็นริมฝีปากของเย่ซือเฉินได้จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เวินลั่วฉิงรีบร้อนขึ้นมา ก้มหน้าลงไป ใช้หน้าผากดันริมฝีปากเขาเอาไว้ ตอนนี้มือกับเท้าของเธอถูกเขาควบคุมเอาไว้หมดแล้ว เธอทำได้แค่เพียงใช้วิธีอย่างนี้เท่านั้นแล้ว
“ไม่ใช่ว่าคุณมีเรื่องจะคุยหรือไง?” เวินลั่วฉิงถือโอกาสที่ได้มาไม่ง่ายเลยนี้พูดออกไปด้วยความรวดเร็ว
ดวงตาของเย่ซือเฉินได้นิ่งขรึมไปเล็กน้อย เธอพูดขึ้นมาว่าจะคุยธุระกัน เขาจึงนึกถึงไป๋ยี่รุ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่คุย” ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่อยากคุย ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะจูบเธอเท่านั้น ต้องการเพียงแค่เธอเท่านั้น เย่ซือเฉินได้ปฏิเสธไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่คุยสองคำยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ได้เข้ามาจูบริมฝีปากเธออีกครั้ง
“เย่ซือเฉิน คุณเป็นอะไรไป?” เวินลั่วฉิงโกรธเคืองอยู่บ้าง แต่ก็จนใจอยู่บ้างเหมือนกัน เธอมองออกว่าเขากำลังโกรธ และก็มองออกว่าเขากำลังเง้างอนเธออยู่
“บ้าแล้ว” ดวงตาของเย่ซือเฉินได้หรี่ลงเล็กน้อยครั้งนึง พูดเสียงเข้มกลับไปสองคำ เขารู้สึกว่าเขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถูกทำให้โมโหจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
พอไป๋ยี่รุ่ยเกิดเรื่องขึ้น เธอก็รีบร้อนวิ่งวุ่นไปทั่วแทนไป๋ยี่รุ่ย ไม่เพียงแต่คิดอยากจะช่วยไป๋ยี่รุ่ยเท่านั้น ยังคิดจะช่วยบริษัทของไป๋ยี่รุ่ยด้วย เธอไม่เคยจะใส่ใจเขาขนาดนี้มาก่อนเลย
ช่วงหลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะมาก การแต่งงานที่แต่เดิมพวกเขาได้วางแผนไว้ก็ได้ปิ๋วไปแล้วเหมือนกัน หลายวันนี้พวกเขาเอาแต่จัดการเรื่องบางอย่างกันอยู่ตลอด ไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วยกันนัก
เมื่อเช้าเขาโทรหาเธอบอกว่าไปจัดการงานที่บริษัทสักหน่อย เธอเพียงแค่ตอบเขากลับมานิ่ง ๆ คำเดียวว่า “อืม” เท่านั้น
แต่เดิมเขาก็ยังอยากจะคุยอยู่ แต่เพราะคำว่า “อืม” คำนั้นของเธอคำพูดทั้งหมดมันก็ได้กลืนลงไปหมด จากเดิมที่คิดจะบอกเรื่องMYไปก็ไม่ได้พูดไปเหมือนกัน
เมื่อตอนนั้นเขาเงียบไม่ได้พูดอะไร เดิมทีเขานึกว่าอย่างน้อยเธอคงจะถามเขาสักหน่อย แต่เธอกลับวางสายไปเลยทันที
เขานึกว่าเมื่อตอนนั้นเธอกำลังยุ่งเรื่องอื่นอยู่เสียอีก แต่นึกไม่ถึงว่าเธอวางสายเขาไป แล้วหันไปยุ่งเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยเสียอย่างนั้น
ไป๋ยี่รุ่ยฆ่าคนมันเจ๋งมากเลยเหรอ? ไป๋ยี่รุ่ยเข้าคุกมันสุดยอดมากเลยเหรอ?
เธอต้องร้อนใจขนาดนั้น? กังวลขนาดนั้น?
เธอถึงขนาดที่แม้แต่บริษัทของไป๋ยี่รุ่ยก็ยังอยากจะดูแลแทนไป๋ยี่รุ่ยอีกด้วย?
ชื่อบริษัทของไป๋ยี่รุ่ยคือฉิงรุ่ย ก็คือเอาชื่อของเธอกับไป๋ยี่รุ่ยมารวมเข้าด้วยกัน
เย่ซือเฉินรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยเป็นรักแรกของเธอ รักแรกของผู้หญิงต่างก็ยากที่จะลืมกันทั้งนั้น ก่อนหน้านี้เลขาหลิวพูดว่ารักแรกสำหรับผู้หญิงนั้นมันสลักลึกอยู่ในใจไม่มีวันลืมกันออกมา
ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินได้ให้เลขาหลิวไปสืบเรื่องไป๋ยี่รุ่ยมาบ้างแล้ว สืบไปถึงเรื่องมากมายของเธอกับไป๋ยี่รุ่ยเมื่อตอนนั้น เขารู้ว่าเมื่อตอนนั้นเธอนั้นรักไป๋ยี่รุ่ยมาก ไป๋ยี่รุ่ยเองก็รักเธอด้วยใจจริงเช่นกัน
เมื่อตอนนั้นเธอกับไป๋ยี่รุ่ยเลิกกันอันที่จริงแล้วมันเป็นเพราะไป๋หยิงได้เล่นกลอุบายลงไป
เย่ซือเฉินรู้ว่าช่วงนี้เธอกำลังตรวจสอบคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่ได้จัดการกับตระกูลถัง เย่ซือเฉินรู้ว่าเธอสืบพบเรื่องพวกนั้นที่ไป๋หยิงได้ทำกับไป๋ยี่รุ่ยลงไปเมื่อตอนนั้นแล้ว
ดังนั้นแล้ว ตอนนี้เธอก็ได้รู้ความจริงเมื่อตอนนั้นแล้ว รู้แล้วว่าเมื่อตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้เป็นคนทอดทิ้งเธอไป แต่เป็นไป๋หยิงที่เมื่อตอนนั้นได้ใช้ยากับไป๋ยี่รุ่ยไป ให้ไป๋ยี่รุ่ยอยู่ในอาการกึ่งไม่ได้สติ กึ่งมีสติ ดังนั้นแล้วก็เลยไม่สามารถที่จะมาหาเธอได้
อย่างนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอจะยิ่งไม่อาจลืมไป๋ยี่รุ่ยไปได้อีกหรือไง?
เย่ซือเฉินก็เลยถือสาเรื่องที่ตอนนี้เธอไปช่วยไป๋ยี่รุ่ยมากเป็นพิเศษ เธอช่วยไป๋ยี่รุ่ยก็แล้วไป แต่ยังช่วยไป๋ยี่รุ่ยดูแลบริษัทอีก เขาจะไม่โกรธได้เหรอ?
เย่ซือเฉินคิดว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้บ้า ก็ใกล้จะเป็นบ้าเข้าเต็มทีแล้วเหมือนกัน
“ยังดี ๆ อยู่จะบ้าอะไรกัน?” คิ้วของเวินลั่วฉิงได้ขมวดออกมาเล็กน้อย ไม่เข้าใจอยู่บ้าง เธอมองออกว่าเขาเสียสติไปบ้าง แต่ทำไมกันล่ะ?!