ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1613 สมควรช่วยอยู่แล้ว
ชายคนนี้ใจแคบมาก หัวใจของเธอสามารถมีเขาได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่านี่มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ว่าก็ต้องการการเอาใจใส่ตลอด แล้วถ้าเกิดว่าวันไหนมันสูญเสียการควบคุมไปจะทำยังไง? เวินลั่วฉิงได้แต่คิด แล้วก็ประคองใบหน้าของเย่ซือเฉินขึ้นมา ……
“เจ้าโง่ นี่นายจะคิดมากทำไมกัน? ไป๋ยี่รุ่ยโตขึ้นมาพร้อมกับฉัน พวกเราไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน ความรู้สึกมันยังคงมีอยู่เสมอ ถ้าเกิดจะบอกว่าไม่มีระหว่างพวกเราสองคนไม่มีความรู้สึกต่อกันนั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเกิดฉันบอกนายว่าไม่รู้สึกอะไร แล้วก็แคร์ ไม่สนใจอะไรกับเขาเลย นายจะเชื่อไหม? ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขานั้นอย่างมากก็แค่เห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเกินเลย ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับเขา ถ้าเกิดว่าช่วยได้ฉันก็ต้องช่วยอยู่แล้ว แต่ฉันรับประกันเลย ว่าฉันไม่มีความรู้สึกอื่นต่อเขาเลยจริงๆ นะ” เวินลั่วฉิงพูดอย่างจริงจัง เธอไม่ใช่แค่อยากให้เย่ซือเฉินสบายใจเท่านั้น แต่ยังอยากทำให้เขาค่อยๆ เชื่อมั่นในตัวเธอเอง เชื่อมั่นในตัวเธอ ถึงแม้ว่าต่อไปเธอจะไปสนิทสนมกับผู้ชายคนไหน เขาก็จะได้ไม่ต้องโกรธ อย่างน้อยก็ไม่ต้องพาลโกรธ แล้วก็สงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน เวินลั่วฉิงคิดถึงระยะยาว นิสัยของเย่ซือเฉินก็เป็นแบบนี้แหละ เอาแต่ใจและมีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสูงมาก เรื่องพวกนี้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืนหรอก และแน่นอนว่า เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้อยากให้เขาเปลี่ยนแปลงด้วย เธอชอบผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเธอก็ชอบ แต่ว่าความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นบางอย่าง ถ้าเลี่ยงได้เธอก็อยากจะเลี่ยง แล้วอีกอย่างพวกเธอทั้งสองคนก็ต่างเป็นคนที่ยืนอยู่ด้วยตัวของตัวเอง แล้วจะไม่สามารถสนิทกับคนอื่นได้เลยเหรอ? ถ้าเกิดว่าไปคบค้าสมาคมกับคนนอกครั้งหนึ่งแล้วจะโกรธครั้งหนึ่ง แล้วต้องอธิบายครั้งหนึ่ง มันจะไม่เหนื่อยตายเหรอ?
ดังนั้น ตอนนี้เธอเลยพยายามจะสร้างความไว้วางใจให้กับพวกเขาทั้งสองคน ทำให้เย่ซือเฉินเชื่อใจเธอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน เป้าหมายนี้มันเป็นภารกิจที่หนักหน่วงและยาวไกล แต่เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า ถ้ามันสามารถทำได้จริง ต่อไป ระหว่างพวกเขาคงจะปรองดองกันมากเลย
เย่ซือเฉินใจสั่นเพราะความอ่อนโยนของเวินลั่วฉิง อดไม่ได้ที่จะจมลงไปภายใต้ความอ่อนโยนของเธอ เขาไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของเธอนั้นไม่น่าฟังเลย แต่กลับรู้สึกว่ามันมีเหตุผลมาก ระหว่างไป๋ยี่รุ่ยกับเธอมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะไม่มีความรู้สึกต่อกัน ถ้าเกิดว่าเวินลั่วฉิงยอมขัดข้องกับตัวเองแล้วพูดว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมกัน เขาต้องสงสัยและไปสืบหาอย่างแน่นอน ตอนนี้ฉิงฉิงกำลังบอกกับเขาอย่างตรงไปตรงมา ว่าเธอเห็นไป๋ยี่รุ่ยเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ความช่วยเหลือที่ได้รับเป็นสิ่งที่เพื่อทำให้กันเท่านั้น แบบนี้ดีมาก! ไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แต่มันเป็นแค่การช่วยเหลือธรรมดาๆ ระหว่างเพื่อนกันเท่านั้น เย่ซือเฉินแม้แต่นึกถึงตอนที่เขากับเพื่อนคบกัน ถึงแม้ว่าปกติเขาจะไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่ แต่ว่าพอคนพวกนั้นเกิดเรื่องขึ้น เขาก็ต้องให้ความใส่ใจเหมือนกัน และมอบความช่วยเหลือที่จำเป็น การที่เวินลั่วฉิงทำแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าไม่ช่วยอะไรเลยสิถึงจะแปลก
พอเย่ซือเฉินคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าสามารถยอมรับได้อย่างง่ายดาย แล้วอีกอย่างพอได้ยินสิ่งที่เวินลั่วฉิงพูด ว่าตัวเขาเองต่างหากคือคนที่สำคัญที่สุด คนอื่นๆ ไม่มีพื้นที่ในหัวใจของเธอ การปฏิบัติที่แตกต่างแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ดังนั้น ไม่ต้องคิดมากแล้วโอเคไหม? ”เวินลั่วฉิงมองเย่ซือเฉินอย่างงุนงง แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่หลงงมงายในความรัก แต่ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าเป็นตอนปกติ เย่ซือเฉินไม่มีทางเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ และถูกเธอพูดเกลี้ยกล่อมจนได้หรอก แต่ว่าตอนนี้ เย่ซือเฉินไม่ใช่แค่ไม่แสดงท่าทีต่อต้าน แถมยังดูค่อนข้างจะเห็นด้วยอีกต่างหาก นี่มัน……น่ารักมากเลย!
“เข้าใจแล้ว ถ้าเกิดว่าต้องการความช่วยเหลือก็บอกฉันนะ” เย่ซือเฉินไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มได้ เขาจ้องไปที่เวินลั่วฉิงอย่างมีความสุข ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขารู้สึกว่าหลังจากที่เวินลั่วฉิงสารภาพรัก เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ลอยขึ้นมา มีความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง แต่คำพูดของเวินลั่วฉิงในวันนี้ ก็ทำให้เขาตกงมาอีกครั้ง เรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ใช่อารมณ์แค่ชั่วครั้งชั่วคราวของเวินลั่วฉิง เธอคิดมาอย่างชัดเจน แล้วก็ชัดเจนเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง นี่มันทำให้เย่ซือเฉินมีความสุขมาก!
“ถ้ายังงั้น……ฉันอยากจะไปเจอไป๋ยี่รุ่ยหน่อย อยากให้เขาไปต่อสู้เพื่อขอลดโทษให้ตัวเอง”เวินลั่วฉิงก็ไม่อ้อมค้อม เธอเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆ เลย
เย่ซือเฉินก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาพยักหน้าอย่างฝืนใจ เวินลั่วฉิงตะลึงไปเลย! นี่เป็นครั้งแรกที่การพูดคุยเรื่องผู้ชายคนอื่นมันเป็นไปได้อย่างราบรื่นขนาดนี้! เมื่อก่อนถ้าเธอจะไปเจอผู้ชายคนอื่น มีครั้งไหนที่ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมเขาก่อนกัน? หรือไม่ก็ถูกจัดหนักหลังจากกลับมา! วันนี้เธอแค่พูดประโยคเดียว เขาก็เห็นด้วยทันทีเลยงั้นเหรอ? ตอนแรกเวินลั่วฉิงได้เตรียมคำพูดมากมายเพื่อมาเกลี้ยกล่อมเย่ซือเฉิน แต่ว่าตอนนี้ดูท่าทางน่าจะไม่ต้องใช้แล้ว เวินลั่วฉิงคิด หรือว่ามันคือผลกระทบจากสิ่งที่พึ่งพูดไปเมื่อกี้นี้เหรอ? นี่มันจะเร็วเกินไปแล้วไหม! นี่มันฉับพลันทันด่วนมากเลยนะ!
“เดี๋ยวตอนเช้าฉันพักผ่อนต่ออีกหน่อย ตอนบ่ายค่อยไป เดี๋ยวตอนเย็นจะรีบกลับมาแน่นอน”ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะตกลงอย่างง่ายดาย แต่เวินลั่วฉิงก็พูดอย่างตั้งอกตั้งใจ อาศัยตอนที่สถานการณ์ยังดีอยู่ เธอก็ต้องสร้างความไว้วางใจไว้ จะใช้ความไว้วางใจที่เย่ซือเฉินพึ่งมอบให้เมื่อกี้อย่างสิ้นเปลืองไม่ได้! เธอคิดอยู่ภายในใจว่า ถ้าเกิดว่าเย่ซือเฉินสามารถเกลี้ยกล่อมได้ง่ายแบบนี้ตลอดก็คงจะดี!
“โอเค!”เย่ซือเฉินตาเป็นประกายในทันที! เมื่อก่อนต้องเป็นเขาที่คอยเตือนให้เวินลั่วฉิงกลับมา แต่ว่าครั้งนี้เธอเป็นคนพูดออกมาเองเลย ความแตกต่างมันมากจริงๆ! เย่ซือเฉินย้อนคิด หรือว่าเมื่อก่อนตัวเขาเองขี้หึงเกินไปจริงๆ ถึงได้เป็นการผลักเวินลั่วฉิงให้ไกลออกไปเรื่อยๆ? ตอนนี้เขาแค่มอบอิสรภาพให้เธอเพียงเล็กน้อย เธอก็น่ารักขนาดนี้แล้วเหรอ? ที่แท้ฉิงฉิงก็ชอบให้ใช้ไม้อ่อนนี่เอง เย่ซือเฉินสรุปอยู๋คนเดียว ถ้าเกิดว่าเวินลั่วฉิงรู้ คงจะโมโหมากแน่เลย!ความคิดของคนคนนี้เป็นแบบนี้เองเหรอ!แล้วแผนการที่จะสร้างความไว้วางใจของเธอล่ะ!
“กินเสร็จแล้ว”น่าจะเพราะว่าการเจรจาค่อนข้างจะเป็นไปอย่างราบรื่น เวินลั่วฉิงก็เลยมีความสุขเป็นพิเศษ เย่ซือเฉินถือจานชามลงไปข้างล่าง เวินลั่วฉิงก็อยากจะนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงอีกสักพัก เธอคิดว่าเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยมีเบาะแสอะไรบางอย่าง เดี๋ยวเย็นหน่อยจะไปหาหลิวหยิง ตอนนี้เธอเริ่มคิดถึงลูกน้อยทั้งสองคนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง
เวินลั่วฉิงคิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็โทรไปหาถังจื่อซี แป๊บเดียวก็มีคนรับสาย
“หม่ามี๊~”เสียงหวานๆ ของถังจื่อซีดังลอดผ่านหน้าจอมา อารมณ์ของเวินลั่วฉิงก็ดีขึ้นมาในทันที
“จื่อซี ลูกคุ้นชินกับที่นั่นรึยัง? พี่ชายล่ะ? ” เวินลั่วฉิงถาม ดูท่าทางจื่อซีจะสบายดีมาก และมีความสุขมากเหมือนกัน เธอโบกมือให้หน้าจอ
“ฝั่งทางหนูสบายดีมากเลยค่ะ คุณปู่ดีกับหนูและพี่ชายมาก ตามใจพวกเราทุกอย่างเลย!”ถังจื่อซีโอ้อวด ตอนแรกๆ พี่ชายค่อนข้างจะมีอคติต่อคุณปู่ แต่หลังจากอยู่ด้วยกันสองวัน พวกเขาก็ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันแล้ว แถมยังสนิทกันมากขึ้นอีกต่างหาก จนทำให้จื่อซีรู้สึกอิจฉานิดหน่อยด้วย!ถังจื่อซีคิดอยู่ภายในใจ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดออกมา แล้วก็เอียงหัวให้เวินลั่วฉิง “หม่ามี๊ พวกเราจะออกไปเล่นข้างนอกแล้วนะคะ~คุณปู่จะพาพี่ชายกับหนูไปที่สนามเด็กเล่น!”
“เอ๊ะ? ”เวินลั่วฉิงตามไม่ค่อยทัน สนามเด็กเล่นงั้นเหรอ? จื่อซีชอบ แต่ว่าจื่อโม่ เขาไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้มาก่อน แล้วจะตามไปด้วยงั้นเหรอ? เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่อยากจะถามลูกชายของตัวเอง ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาไปในที่ที่เขาไม่สนใจมาโดยตลอด!
“จื่อโม่อยู่ไหนเหรอ? ” เวินลั่วฉิงเอ่ยถาม เธอรู้สึกสงสัยมากจริงๆ จื่อโม่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆ หรอก ต้องมีเหตุผลพิเศษอะไรอย่างแน่นอน
ถังจื่อซีหันกล้องไปถ่ายถังจื่อโม่แทน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว กำลังเล่นรูบิคอยู่ ดูท่าทางผ่อนคลายมาก รอบข้างไม่มีคนอยู่ บอกว่าคุณปู่จะไปด้วยไม่ใช่เหรอ? เวินลั่วฉิงถามด้วยความสงสัย
“คุณปู่ไปซื้อของกินให้จื่อซีกับพี่ชายค่ะ พวกเรารอเขาอยู่ที่นี่”ไม่รอให้เวินลั่วฉิงถาม ถังจื่อซีก็พูดออกมาเองเลย คำพูดของเธอดูโม้เกินไปอย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ดูท่าทางจื่อซีจะชอบคุณปู่คนนี้มากเลย……แต่ว่า…… “พวกหนูไปหาคุณลุงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีคุณปู่โผล่มาได้? ”
“คุณลุงคนนั้นก็คือคุณปู่ไงคะ”ถังจื่อซีหันกล้องกลับมา แล้วก็อธิบายให้เวินลั่วฉิงฟังช้าๆ “คุณลุงที่หนูพูดถึง เขาอายุ50กว่าแล้ว ลูกสาวเขาอายุพอๆ กับแม่เลย พวกเราก็เลยเรียกเขาว่าคุณปู่!”
เวินลั่วฉิงอยากจะเคาะหัวถังจื่อซีจริงๆ เลย เธอดูคนไม่แม่นจริงๆ เลย เห็นคนแก่เป็นวัยรุ่น! แต่ว่าดูท่าทางของถังจื่อซีแล้ว เธอไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเลย เหมือนกันว่าเป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้นเอง ก็ไม่มีทางเลือก เธอเลยพูดอย่างจำใจว่า “ถ้ายังงั้นอยู่ที่นั่นพวกลูกต้องเชื่อฟังนะ เดี๋ยวอีกสองสามวันหม่ามี๊จะไปรับ”
ถังจื่อซีฟังแล้วก็หน้าคว่ำทันที “พวกเราอยู่นานกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ? พี่ชายก็อยากอยู่ที่นี่เหมือนกัน”เธอขอร้อง แล้วก็พาถังจื่อโม่มาด้วย ในใจของเธอคิดว่า เรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้ก็ให้พี่ชายเป็นคนจัดการ ถ้าเกิดว่าเธอคนเดียวไม่สามารถเกลี้ยกล่อมแม่ได้ ก็ให้พี่ชายมาด้วย ต้องได้อย่างแน่นอน!
ต้องยอมรับว่า เวลาเด็กน้อยทำอะไร ความจริงแล้วพวกเขาก็มีบรรทัดฐานของตัวเอง ตอนนี้ถังจื่อซีจ้องไปที่หน้าจอ มองเวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงมองดูสีหน้าของถังจื่อซี แล้วก็รู้สึกไม่เต็มใจ แล้วก็ลำบากใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่อยากจะตกลง แต่ว่าเด็กทั้งสองคน ไปอยู่บ้านคนอื่นนานๆ มันจะเหมาะสมที่ไหนกัน? เธอได้แต่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร…