ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1615 ให้พวกเราอยู่ต่อเถอะครับ
ถังจื่อโม่อยากจะตอบตกลง ก็เลยรับโทรศัพท์มา……
“พี่”ไม่รู้ว่าฝาแฝดมีจิตผูกพันกันรึเปล่า จู่ๆ ถังจื่อซีก็รู้สึกได้ว่าพี่ชายจะยอมกลับไป ก็รีบพูดออกมาก่อน พร้อมกับมองเขาด้วยแววตาที่ขอร้อง ถ้าเกิดว่าพี่พูดออกไปเมื่อไหร่ เรื่องนี้ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แต่ว่าเธอไม่อยากจะกลับไปจริงๆ
ถังจื่อโม่ชะงักไป สีหน้าของน้องสาวเขามันชัดเจนเกินไปแล้ว เธอจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่น่าสงสาร แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอไม่อยากกลับ ถังจื่อโม่ลังเลใจ แล้วก็มองไปที่ซ่างกวนหงที่ยืนอยู่ไกลๆ เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับว่าบรรยากาศรอบๆ ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้เลย หรือจะบอกว่า เขากำลังจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งอื่นรอบตัว มองจากมุมของถังจื่อโม่ เขาสามารถรู้สึกได้อย่างง่ายดายถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยวของซ่างกวนหง เหมือนกับว่าในโลกใบนี้เหลือเขาอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้ และไม่มีใครที่จะแบ่งปันด้วยได้ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อน เรื่องทุกอย่างต้องเก็บไว้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ความรู้สึกนั้น มันช่างเศร้าสลดมากเลย จู่ๆ ถังจื่อโม่ก็รู้สึกปวดใจ……เขาทนให้คนนี้ทุกข์ใจไม่ได้!
น่าแปลกจริงๆ ถังจื่อโม่คิดอยู่ภายในใจ ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กัน? การที่น้องสาวของเขาจะใจอ่อนนั้นเป็นเรื่องปกติมาก แต่ทำไมถึงได้รู้สึกทุกข์ใจเพราะคนที่พึ่งจะรู้จักกันล่ะ? ถึงขั้นคิดเพื่อเขาด้วยซ้ำ? ถังจื่อโม่ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย มันไม่สามารถควบคุมได้เลย เขายังเด็ก เลยยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ควบคุมยากที่สุดบนโลกใบนี้ก็คืออารมณ์ความรู้สึกนั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลแค่ไหน แต่ว่าเรื่องความรู้สึกมันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง คุณสามารถควบคุมตัวเองโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้คนอื่นเห็นได้ แต่ว่าเมื่ออยู่คนเดียวแล้วก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้หรอก ความรู้สึก คือยาพิษที่พิเศษที่สุดบนโลกใบนี้ นอกจากคนในใจแล้ว ก็ไม่มียาถอนพิษอย่างอื่นอีก
“จื่อโม่? ”เวินลั่วฉิงไม่ได้ยินคำตอบของถังจื่อโม่ แต่ก็เห็นว่าโทรศัพท์อยู่ในมือของถังจื่อโม่แล้ว ถึงแม้ว่าจะถ่ายเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้น แต่ว่าเวินลั่วฉิงก็สังเกตเห็นถึงการต่อสู้ดิ้นรน เวินลั่วฉิงคิดว่าไม่ยังงั้นก็ให้พวกเขาอยู่ต่ออีกสักหน่อยดีไหม? แต่ว่าเธอก็ไม่พูดออกไปก่อน เพราะว่าถังจื่อโม่ก็มีความคิดของเขาเอง ไม่ต้องรีบร้อนอะไร
“หม่ามี๊ ผมก็ชอบที่นี่มากเหมือนกัน ให้ผมกับน้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยเถอะครับ พวกเราชอบคุณปู่คนนี้มาเลย อยู่กับเขาได้เรียนรู้อะไรเยอะเลยด้วย”ถังจื่อโม่ตอบด้วยความสงบ เขาตัดสินใจจะอยู่ต่อ ครึ่งหนึ่งก็เพราะว่าถังจื่อซี ส่วนที่เหลือ ก็เพราะว่าซ่างกวนหงกับตัวของเขาเอง ปกติเวลาเขาจะทำอะไรอย่างมีเหตุมีผลโดยตลอด จะไม่เอาความรู้สึกของตัวเองมาทำให้เรื่องนั้นเสียเวลา แต่ว่าครั้งนี้ เขารู้สึกว่าอยู่ต่อมันก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี เพื่อที่จะไม่ให้เวินลั่วฉิงเป็นห่วง เขาก็จงใจพูดว่า “หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณปู่ดีกับพวกเรามากเลย ต่อไป เดี๋ยวผมจะโทรหาทุกวัน ตอนที่ผมกับน้องจะกลับไป จะบอกหม่ามี๊ก่อน”
เวินลั่วฉิงหัวเราะเบาๆ เด็กคนนี้ สามารถจัดการเรื่องราวได้ในแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นเองเหรอ? เธอยังไม่ทันตกลงเลย! ฟังจากที่เขาพูดนี้ ไม่ใช่แค่ยังไม่กลับมา แต่จะอยู่ต่ออีกนานเท่าไหร่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจงั้นสิ? จะกลับมาเมื่อไหร่แล้วจะบอก……เวินลั่วฉิงถอนหายใจ ดูท่าทางคนที่เจอในครั้งนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของถังจื่อโม่และถังจื่อซีจริงๆ เลย เธอก็อยากจะรู้จักสักหน่อยแล้ว! แต่พอคิดว่าตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้คงยังไม่ได้เจอ เวินลั่วฉิงก็ไม่รีบ คิดว่าไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีโอกาสอยู่ดี แล้วอีกอย่างถังจื่อโม่กับถังจื่อซีก็อยู่ในที่ที่ปลอดภัยมาก ดังนั้นเธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
“งั้นก็ได้ งั้นพวกลูกอยู่เล่นที่นั่นไปก่อน ถ้าสร้างเรื่องให้คุณปู่เข้าล่ะ เดี๋ยวหม่ามี๊จัดการธุระเสร็จเมื่อไหร่จะไปรับพวกลูก”เวินลั่วฉิงพูดอย่างไม่มีทางเลือก เธอมองไปที่ใบหน้าที่เรียบเฉยของลูกชายตัวเอง แล้วก็อยากจะหยอกล้อเขา “ลูกก็ชอบคุณปู่คนนั้นมากเหมือนกันใช่ไหม? หรือจะบอกว่า มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดลูก? ”
“ผมชอบคุณปู่คนนี้มากเลยครับ” ใบหน้าเล็กๆ ของถังจื่อโม่มืดลง หม่ามี๊นี่จริงๆ เลย!จงใจหยอกล้อเขา! “ที่นี่มีของให้เล่นเยอะแยะเลย ผมได้ฝึกยิงปืนเมื่อสองวันก่อน ไม่แน่ว่าอีกสองสามวันคุณปู่อาจจะพาผมไปขี่ม้าก็ได้” น้ำเสียงของถังจื่อโม่ดูตื่นเต้นและรอคอย เวินลั่วฉิงฟังออกในทันที เธอเริ่มสงสัยว่าปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้อยู่กับถังจื่อโม่รึเปล่า ทำไมเธอถึงได้เคยสัมผัสได้ว่าลูกชายของเธอสนใจหลายสิ่งหลายอย่างขนาดนั้น แต่ว่าแบบนี้ก็ค่อยเหมือนเด็กเล็กหน่อย เวินลั่วฉิงก็ยังคงรู้สึกพึงพอใจมาก ใครจะอยากให้ลูกของตัวเองไม่ยิ้มแย้มตลอดทั้งวันกันล่ะ?
“โอเค~”เวินลั่วฉิงยิ้ม “ถ้ายังงั้นพวกลูกก็อยู่ที่นั่นไปชั่วคราวแล้วกัน ระวังๆ ด้วยล่ะ”
“ขอบคุณค่ะหม่ามี๊!”ถังจื่อซีดีใจมาก วิ่งมาตรงหน้ากล้องแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม ถ้าพี่ชายออกตัว เรื่องราวก็สามารถจัดการได้จริงๆ ด้วย!ถังจื่อซีรู้สึกถึงพอใจเงียบๆ อยู่ในใจ เธอก็ดีอยู่แล้ว ว่าถ้าเกิดว่าเธอออดอ้อน พี่ชายต้องตามเธออย่างแน่นอน ปกติหม่ามี๊ไม่มีทางปฏิเสธคำพูดของพี่!ถังจื่อซียิ้มจนตาหยี แล้วก็คิดอย่างพึงพอใจ โชคดีที่เธอมีไหวพริบ!
ถังจื่อโม่ได้แต่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ฟังคำพูดของเวินลั่วฉิง “พวกลูกไปบอกคุณปู่หน่อย ว่าขอบคุณมากที่เขาดูแลพวกหนู เดี๋ยวหม่ามี๊จัดการธุระเสร็จแล้วจะไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง”
“เข้าใจแล้วครับหม่ามี๊”ถังจื่อโม่ตอบรับ
“ถ้ายังงั้นหม่ามี๊วางก่อนนะ พวกลูกเล่นกันไปให้สนุกเถอะ”พอเวินลั่วฉิงเห็นว่าทั้งสองคนนั้นไม่เป็นอะไรก็วางใจแล้ว ก็เลยไม่ได้พูดอะไรมากมาย
ถังจื่อโม่พยักหน้าแล้วก็วางสาย พร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนให้ถังจื่อซี ถังจื่อซีพุ่งเข้าไปกอดถังจื่อโม่ในทันที พร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะพี่! หนูรู้อยู่แล้วว่าพี่ของหนูดีที่สุดเลย!”
ยังไม่ทันรอให้ถังจื่อโม่ได้กอดกลับหรือว่าผลักออก ถังจื่อซีก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข แล้วก็วิ่งไปแย่งความดีความชอบตรงหน้าซ่างกวนหง “คุณปู่คะ คุณปู่!”
ระยะทางเพียงสั่นๆ แต่ถังจื่อซีรีบวิ่งเกินไปจนหายใจไม่ออก “คุณปู่คะ!หนูเกลี้ยกล่อมหม่ามี๊ได้แล้ว!เธอยอมให้พวกเราได้อยู่ต่ออีกหน่อย แล้วครั้งนี้ พวกเราโทรไปหาหม่ามี๊เมื่อไหร่เธอถึงจะมารับเรากลับค่ะ”
ถังจื่อซีเล่าข่าวคราวนี้ให้ซ่างกวนหงฟังอย่างใจร้อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เธอที่เป็นคนเกลี้ยกล่อมหม่ามี๊ แต่ว่าเธอเป็นคนคิดวิธีที่จะทำให้พี่ชายตัดสินใจจะอยู่ต่อ หลังจากนั้นก็ออกปากพูดกับหม่ามี๊ให้ ถ้าลองปัดเศษส่วนดูแล้วก็คือการที่เธอเกลี้ยกล่อมได้นั่นแหละ!ถังจื่อซีไม่รู้สึกขาดความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรอคอยคำชมอย่างมีความสุข
ซ่างกวนหงมองดูถังจื่อซีที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจสุดขีดอยู่ด้านหน้าของเขา หัวใจที่เงียบสงบของเขาก็เต้นในทันที และเศร้าเมื่อกี้นี้ก็สลายหายไปแล้ว “ดีจังเลย! ปู่เองก็ไม่อยากแยกจากจื่อซีเลย!จื่อซีจะได้อยู่ต่ออีกหลายวัน ปู่ดีใจมากเลยนะ”
“หนูรู้ค่ะ!” ถังจื่อซีไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเงยหน้าขึ้น “ความรู้สึกที่คุณปู่มีต่อจื่อซี ต้องเหมือนกับที่จื่อซีรู้สึกต่อคุณปู่อย่างแน่นอน!เหมือนกับญาติที่สนิทกันมากที่สุด!คุณปู่ไม่อยากจากจื่อซี จื่อซีก็ทนไม่ได้ที่จะต้องจากคุณปู่เหมือนกัน! มีคุณปู่อยู่ด้วยแล้วจื่อซีมีความสุขมาก และจื่อซีก็จะทำให้คุณปู่มีความสุขเหมือนกัน! ให้คุณปู่มีความสุขอยู่ทุกวัน ไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน”
คำพูดที่เรียบง่ายและใจดีของเด็กน้อยทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งได้ง่าย ถึงแม้ว่าซ่างกวนหงจะไม่ได้ยิ้มมานานหลายปีแล้ว แต่ว่าตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของถังจื่อซี เขาก็ไม่เคยเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองเลย และความสุขของเขาในตอนนี้ก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“ถ้ายังงั้น……พี่ชายของหนูล่ะ? ”จู่ๆ ซ่างกวนหงก็นึกถึงได้ เมื่อกี้ถังฉิ้นเอ๋อกับถังจื่อโม่คุยกัน แล้วพวกเขาคุยอะไรกันอีก? อารมณ์ที่อยากจะอยู่ต่อของจื่อโม่นั้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก หรือว่าเขาจะกลับแล้ว?
“พี่ชายก็จะอยู่ต่อด้วยค่ะ”ถังจื่อซีตอบในทันที “พี่ชายจะอยู่กับจื่อซีตลอด!”ภายใต้การตระหนักรู้ของเธอ เหมือนกับว่าถังจื่อโม่กับถังจื่อซีไม่เคยแยกจากกันมาก่อนเลย ตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งสองคนทะเลาะกัน แต่ก็รักกันดี ถังจื่อซีไม่เคยคิดจะแยกจากถังจื่อโม่เลย
“ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวปู่จะพาพวกหนูทั้งสองคนไปเที่ยวเล่นอีก”ซ่างกวนหงรู้สึกว่าตอนนี้เขาคือคนแก่ที่มีความสุขที่สุด ลูกหลานให้ความสุข ช่างเป็นที่น่าชื่นชอบจริงๆ เลย! สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ เด็กทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ดวงตาของซ่างกวนหงนั้นมืดมน แต่ว่าก็สว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมันสำคัญยังไงล่ะ? ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าต่างคนต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน และความรู้สึกที่มีให้ต่อกันก็ใสซื่อบริสุทธิ์ ก็เพียงพอแล้ว
“ถ้ายังงั้นตอนนี้จื่อซีจะพักผ่อนก่อนและกินอะไรก่อน หรือว่าจะไปเล่นต่อไปเลย? ” ซ่างกวนหงมองดูกองของในมือ แล้วก็ถามอย่างไม่มีทางเลี่ยง ถังจื่อซีเห็นว่ามันคือสิ่งของที่เธอสั่ง ก็รู้สึกอยากจะกิน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เธอเองก็ไม่หิว ไม่ใช่ว่าไม่อยากกิน แต่ว่าเธออยากเล่นกับคุณปู่ก่อน แต่ว่าคุณปู่พาจื่อซีมาเล่นนานแล้ว น่าจะเหนื่อยแล้ว ต้องพักผ่อนหน่อย จะทำยังไงถึงจะดีนะ?
เอ้ะ? มีสิ~”คุณปู่ พวกเราไปพักผ่อนตรงที่พี่ชายอยู่สักหน่อย แล้วก็กินข้าวกัน ละเดี๋ยวค่อยไปเล่นกันดีกว่าค่ะ”ถังจื่อซีแกล้งพูด สนามเด็กเล่นใหญ่เกินไป เล่นวันเดียวก็เล่นไม่ครบหรอก น่าเสียดายจริงๆ! แล้วอีกอย่างการที่ปู่พามาเที่ยวเล่นแบบนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหม ถังจื่อซีคิดด้วยความเศร้า
“โอเค ถ้ายังงั้นพวกเราไปหาจื่อโม่กันก่อนดีกว่า” ซ่างกวนหงจูงมือถังจื่อซี แล้วก็เดินไปหาถังจื่อโม่ที่อยู่ไม่ไกล ถังจื่อโม่ขยับเก้าอี้ไปด้านข้าง ทั้งสามคนก็นั่งพักผ่อนอยู่ด้วยกัน แล้วก็พูดคุยกันไปด้วย แล้วก็กินของกินไปด้วย มีความสุขจังเลย~