ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1619 อิจฉา
วิธีที่ไป๋ยี่รุ่ยจัดการ จะพูดว่าผิดก็ไม่ได้ มันสามารถแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเขา
ตำรวจเหมือนจะสามารถมองเห็นความโล่งใจจากสายตาที่เย็นชาของไป๋ยี่รุ่ย เรื่องนี้ กลัวว่ามันจะค้างอยู่ในใจ ไม่นาน แต่มันก็เพียงพอที่จะสลักอยู่ในหัวใจไม่ลืม พอคิดอยู่นาน ตำรวจก็เข้าใจได้ในทันที ว่าตอนที่ไป๋ยี่รุ่ยพึ่งมานั้น ทำไมเขาถึงไม่ให้เหตุผลอะไรเลย ได้แต่รอคำตัดสินอยู่แบบนั้น บางทีในใจของเขา ได้พิพากษาประหารชีวิตตัวเองแล้ว——เขาไม่รู้ว่าควรจะยอมรับเรื่องที่น่าอายและผิดบาปแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ถ้ายังงั้น……เรื่องนี้ คุณรับได้ไหมถ้าเกิดว่าคนอื่นจะรับรู้เรื่องนี้? ”ตำรวจเองก็รู้เรื่องบนอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็ยังมองดูมันอย่างใจเย็น แต่ว่าหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายจากไป๋ยี่รุ่ยแล้ว ก็รู้สึกผิดบาป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกได้ว่าผิดหรือถูก เรื่องทุอย่างมีต่างมีเหตุผลของตัวมันเอง และ……เดินไปหาทางที่ผิด
ดวงตาของไป๋ยี่รุ่ยเป็นประกาย แล้วก็พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ได้ครับ ยานั้น ถูกใส่ลงไปในอาหาร ในห้องนั้นน่าจะยังมีหลักฐานอื่นอยู่ พวกคุณก็น่าจะหาเจอนะครับ”
“คุณจะยอมพาพวกเราไปตรวจสอบดูไหมครับ? ”ตำรวจอยากจะให้ไป๋ยี่รุ่ยทำเรื่องอะไรบางอย่าง จะได้ใช้ในตอนตัดสิน ไป๋ยี่รุ่ยปฏิเสธโดยที่ไม่คิดด้วยซ้ำ “ผมถูกขังอยู่ที่นั่นมานานมากแล้ว ไม่อยากไปอีกแล้ว ตอนที่ไป๋หยิงทำเรื่องพวกนั้น เธอไม่ได้คิดจะปกปิดเลย น่าจะสามารถหาหลักฐานเจอได้ง่าย ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะปิดบังอีกแล้ว ถ้าเกิดว่าพวกคุณหาหลักฐานเจอก็โพสต์ลงอินเตอร์เน็ตได้เลย ขอโทษด้วยครับ เรื่องนี้ต้องทำให้พวกคุณลำบากแล้ว”ไป๋ยี่รุ่ยกลับมามีสีหน้าเหมือนเดิม แต่ว่าแรงโจมตีพวกนั้นยังคงมีอยู่ ดังนั้นไป๋ยี่รุ่ยในตอนนี้เนี่ยดูไม่มีชีวิตชีวาแต่ก็เสื่อมโทรม
ตำรวจพยักหน้า “วางใจเถอะ ถ้าเกิดว่าเคยมี พวกเราก็ต้องหาหลักฐานเจออย่างแน่นอน ตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวพวกเราจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องอินเทอร์เน็ต”
ไป๋ยี่รุ่ยพยักหน้า แล้วก็เห็นตำรวจทั้งสองคนเดินออกไปพร้อมกัน คนหนึ่งถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า แล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่คนที่ประสบความสำเร็จ กลับมาถูกทำลายแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ เลย”
อีกคนไม่ได้พูดอะไร และเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นไปเรื่อยๆ เหลือไป๋ยี่รุ่ยไว้เพียงแค่คนเดียว นั่งพิงผนังอยู่ เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรง เหนื่อยล้า เรื่องในตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง แต่ว่าเขากลับไม่รู้อะไรเลย ได้แต่ถูกบีบให้รอผลอยู่แบบนี้ ขั้นตอนนี้มันช่างยาวนานและน่ากลัว โชคดีที่เวินลั่วฉิงยังคงอยู่ และเธอกำลังให้กำลังใจตัวเอง
………………
หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกมาแล้วก็ไปหาหลิวหยิง เรื่องนี้ เธออยากจะบอกหลิวหยิงมากที่สุดเลย ว่าตั้งแต่ตอนที่หลิวหยิงชอบไป๋ยี่รุ่ย ความรู้สึกที่เธอมีต่อทั้งสองคนนั้นก็ค่อนข้างเบาบางลง คิดว่าถ้าเกิดหลิวหยิงไม่สามารถยอมรับซือถูมู่หรงได้จริงๆ และไม่สามารถลืมความรักเก่าอย่างไป๋ยี่รุ่ยได้ล่ะก็ ทั้งสองคนจะมีโอกาสได้คบกันไหม? สัญชาตญาณของเวินลั่วฉิงบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าท่าทางของหลิวหยิง กลับทำให้เธอรู้สึกว่าหลิวหยิงกับซือถูมู่หรงมันยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่เลย เวินลั่วฉิงคิดอยู่ในใจ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะเป็นกลางแค่ไหน ก็ไม่สามารถตัดสินข้อพิพาทภายในบ้านของคนอื่นได้หรอก ก็ปล่อยให้เธอเลือกไปนั่นแหละ ถึงไม่ว่ามันจะเป็นยังไง เธอก็จะสนับสนุนหลิวหยิงอยู่ดี
เวินลั่วฉิงไปยังโรงแรมที่หลิวหยิงพักอยู่ แล้วก็เห็นซือถูมู่หรงนั่งอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องของหลิวหยิง พร้อมกับเคาะประตู
“ทำไมนายยังไม่ไปไหนอีก? ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง!”เสียงที่รำคาญของหลิวหยิงดังออกมาจากในห้อง และดูเหมือนว่ามีความรังเกียจอยู่ในน้ำเสียงของเธออีกด้วย แล้วเวินลั่วฉิงก็คาดเดาได้ในทันทีว่าเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมซือถูมู่หรงถึงไปอยู่ที่ล็อบบี้ เธอรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้อีกงั้นเหรอ? แล้วเธอก็เคาะประตูอย่างอดทนอีกครั้ง พร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยนว่า “หลิวหยิง ฉันเอง เวินลั่วฉิง”
หลิวหยิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันที และรีบเดินมาเปิดประตู พอเปิดประตูได้ก็รีบพูดว่า “ฉิงฉิง ในที่สุดเธอก็มาแล้ว”
เวินลั่วฉิงหน้าตึง ทำไมการที่เธอมาที่นี่ถึงได้ทำให้หลิวหยิงตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ? เมื่อวานก็พึ่งจะเจอกันไปเอง หรือว่าเป็นเพราะซือถูมู่หรง? เวินลั่วฉิงครุ่นคิด แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
“ฉิงฉิง หรือว่าเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยมีความคืบหน้าแล้วงั้นเหรอ? ”หลิวหยิงไม่อยากจะพูดถึงซือถูมู่หรงเลยแม้แต่นิดเดียว เธอนั่งลงบนโซฟาด้วยความโมโห แล้วก็ถามเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงหัวเราะคิกคักเพราะการกระทำของหลิวหยิง หลิวหยิงที่ขี้ใจร้อนแบบนี้ เธอไม่ได้เห็นมาตั้งนานแล้ว เหมือนกับว่าหลังจากที่หลิวหยิงไปอยู่กับซือถูมู่หรงแล้ว เธอก็เก็บความใจร้อนของตัวเองเอาไว้ กลายเป็นอ่อนน้อมและเชื่อฟัง เธออยู่ข้างๆ ซือถูมู่หรงเงียบๆ ตอนนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า หลิวหยิงในตอนนั้น เหมือนกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เธอไม่ได้ต้องทำอะไร แค่อยู่แบบนั้นก็พอแล้ว เวินลั่วฉิงไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยผ่านมา เธอไม่มีสิทธิอะไรไปแสดงความคิดเห็น แค่หวังว่าในอนาคตหลิวหยิงจะได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ
“เรื่องราวมัน ยุ่งยากมากเลยเหรอ? ”หลิวหยิงเห็นว่าเวินลั่วฉิงเอาแต่เงียบ ก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หรือว่าแม้แต่ฉิงฉิงก็ไม่มีวิธีเหรอ? หรือว่าเมื่อคืนเธอไม่ควรจะไปปฏิเสธซือถูมู่หรงเลย ถ้าเกิดว่ามีความช่วยเหลือจากซือถูมู่หรง เรื่องราวมันก็น่าจะง่ายขึ้นเยอะเลย เธอ……ชั่วขณะนั้นหลิวหยิงคิดอะไรเยอะแยะมากมาย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะว่าความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ถึงได้ทำให้ไป๋ยี่รุ่ยต้องติดคุก ถึงขั้นเสียชีวิตด้วยซ้ำ!หลิวหยิงยิ่งคิดยิ่งทุกข์ใจ……
“ไม่ใช่ เรื่องราวมันราบรื่นมากเลย”เวินลั่วฉิงตอบสนอง แล้วก็รีบพูดกับหลิวหยิงในทันที ตอนนี้หลิวหยิงอ่อนไหวง่ายมาก ความสะเทือนใจในเมื่อก่อนยังไม่ลดลง แค่สิ่งที่เกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นการตอบสนองของเธอได้ ตอนนี้ จะไปกระตุ้นหลิวหยิงไม่ได้เด็กขาด เธอพยายามพูดอย่างราบเรียบที่สุด “วางใจได้เลย วันนี้ฉันไปเจอไป๋ยี่รุ่ยมาแล้ว เขาตัดสินใจจะต่อสู้เพื่อขอลดโทษแล้ว และจะไม่เอาแต่ปิดปากเงียบเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยยอมมอบตัวเอง ตอนนี้ก็ยอมอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุ แล้วก็สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว พฤติกรรมค่อนข้างดี บทลงโทษก็อาจจะเบาลงหน่อย”
เวินลั่วฉิงรู้ว่า ตอนที่คนเราชอบใครสักคนหนึ่ง หลายความรู้สึกมันไม่ทำตามหัวใจของตัวเองหรอก ยิ่งรักมากก็ยิ่งเกลียดมาก ระหว่างหลิวหยิงกับไป๋ยี่รุ่ย คบกับมาแบบเพื่อนโดยตลอด แอบรักมาตั้งหลายปี หลิวหยิงก็ซ่อนไว้ในหัวใจอยู่ตลอดมา หลิวหยิงได้วางความรู้สึกที่มีต่อเขาลงแล้ว แต่ว่าความเป็นห่วงที่เธอมีให้ไป๋ยี่รุ่ย มันไม่สามารถละทิ้งได้ง่ายขนาดนั้นหรอก เธอเข้าใจอะไรพวกนี้ดี ก็เลยจะไม่บีบบังคับ แม้แต่คิดแทนหลิวหยิงด้วยซ้ำ
“ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว”หลิวหยิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สมกับเป็นฉิงฉิงจริงๆ เรื่องที่คิดจะทำ ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ทำไม่ได้มาก่อนเลย แล้วอีกอย่าง ไป๋ยี่รุ่ยก็ชอบฉิงฉิงมาโดยตลอด ถ้าฉิงฉิงออกหน้า มันต้องได้ผลทวีคูณอย่างแน่นอน! หลิวหยิงมองดูใบหน้าที่สบายๆ ของเวินลั่วฉิง ก็รู้สึกอิจฉานิดหน่อย เมื่อไหร่กัน ตัวเองถึงจะได้มีสีหน้าแบบนี้บ้าง เมื่อไหร่กันที่ตัวเองจะสามารถเป็นเจ้านายของตัวเองได้? ไม่ต้องถูกคนอื่นควบคุมอีกต่อไป? อย่างน้อย ก็แค่สามารถปฏิเสธ และวิ่งหนีจากใครบางคนได้?
“ตอนที่ฉันพึ่งเข้ามา ก็เห็นซือถูมู่หรง ระหว่างเธอกับเขาเกิดอะไรขึ้นอีกอย่างนั้นเหรอ? ”เวินลั่วฉิงเห็นหลิวหยิงใจลอย ก็ถามอย่างไม่เข้าใจ ความจริงหลายปีมานี้ เธอรู้สึกว่าซือถูมู่หรงนั้นจริงใจ แต่ว่าหลิวหยิงกลับเหมือนไม่เอาซือถูมู่หรงมาใส่ใจด้วยซ้ำ ก็จริง ในสายตาของหลิวหยิงแล้ว ซือถูมู่หรงก็เป็นแค่เจ้าหนี้ แล้วเธอจะยอมใจเต้นง่ายขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ?
หลิวหยิงเงียบไป แล้วเธอก็ปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานในทันที พร้อมกับหัวเราะเยาะว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาว่าเขาน่าจะว่ามาก ก็เลยมาหาฉันตั้งแต่เช้า ไม่ไปบริษัท ไม่ไปจัดการธุระอะไร ไม่ทำอะไรสักอย่าง ได้แต่มาขวางฉันอยู่แบบนี้!ทำให้ฉันโมโหจนเช้านี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย!”น้ำเสียงของหลิวหยิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วก็ปนไปด้วยความโมโห
เอ้ะ……นี่ไม่ได้หมายความว่าซือถูมู่หรงจริงจังอย่างนั้นเหรอ? ในสายตาของเขา หลิวหยิงต่างหากที่เป็นคนที่สำคัญที่สุด? เวินลั่วฉิงคิด แล้วก็ลองถามว่า “ถ้ายังงั้นซือถูมู่หรงได้พูดอะไรไหม? ”
“เขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? ก็แค่คำพูดโกหกเท่านั้นแหละ!”หลิวหยิงโมโหมาก คนคนนี้จะโกหกยังไม่เตรียมสคริปต์มาก่อนเลย คำพูดของเขา มันจะเชื่อได้ที่ไหนกัน!
“เช่น? ” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า ซือถูมู่หรงจริงใจกับหลิวหยิงจริงๆ ก่อนหน้านั้น สถานการณ์ที่หลิวหยิงมองว่าเป็นการติดตามที่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ มันเป็นแค่การจับชู้……แล้วอีกอย่างซือถูมู่หรงก็อดทนมาก เห็นหลิวหยิงก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ นี่มันทำให้เวินลั่วฉิงแทบไม่อยากจะเชื่อเลย! เวินลั่วฉิงรู้ว่าตัวเองไม่ได้รู้จักซือถูมู่หรงดีขนาดนั้น แต่ว่าซือถูมู่หรงก็มีความคล้ายคลึงกับเย่ซือเฉิน ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอกับเย่ซือเฉิน……เวินลั่วฉิงแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าจะกลายเป็นแบบไหน เย่ซือเฉินโกรธยังถือว่าน้อย ทั้งสองคนต่างจะทรมานกันน่ะสิคือเรื่องจริง!แล้วอีกอย่างซือถูมู่หรงก็ไม่ได้ไปไลตามอะไร ได้แต่ปล่อยให้เรื่องมันลอยผ่านไปแบบนั้น ซือถูมู่หรงก็ทำเรื่องที่ผิดเหมือนกัน ก็เลยไม่กล้าไปซักถาม ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เขาจะสงบขนาดนี้ได้ยังไงกัน? หลิวหยิงได้แต่ทำเรื่องของตัวเองเงียบๆ ซือถูมู่หรงก็ได้แต่มองจากไกลๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่ไปรบกวน……