ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1632 ร้านเยว่จือซิงซิง
ทันใดนั้นหลินฉือนึกถึงไข่มุกเซตนึงของก่อนหน้านี้ ที่ออกแบบมาในคอลเลคชั่นดอกทานทะวัน เธอได้พามู่เฉิงกับถังจื่อซีเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่อยู่ข้างๆ
นั่นเป็นเครื่องประดับทั้งชุด ดูออกว่าเป็นคอลเลคชั่นดอกทานตะวัน สร้อยคอ ต่างหู แหวน กำไล อีกอันนึงพิเศษที่สุด คือเครื่องประดับหน้าผาก เครื่องประดับนี้แทบจะไม่มีคนออกแบบเลย
การออกแบบที่เน้นดอกทานตะวันเป็นคอลเลคชั่นพบได้บ่อยมาก แต่แพรวพราวแบบนี้มีไม่เยอะ ดูเรียบหรู แต่ก็ผสมผสานด้วยสไตล์ชนเผ่า
มู่เฉิงเอียงศีรษะมองหลินฉือ: คุณเป็นคนออกแบบ?
หลินฉือตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย: ไม่ใช่ค่ะ
เธอเดินไปหยิบชุดที่มีสไตล์ชนเผ่าลงมาที่ข้างๆ แล้วยื่นให้กับถังจื่อซี
ถังจื่อซีไปเปลี่ยนชุดอย่างเชื่อฟัง สีของเสื้อผ้าชุดนี้เน้นสีฟ้าครามเป็นหลัก ไม่ได้สวยสะดุดตามาก แขนยาวกระโปรงยาว นอกจากพู่ที่ประปราย แล้วไม่มีเครื่องประดับที่มากกว่า
เดิมทีมู่เฉิงรู้สึกเรียบเกินไป แต่พอใส่เครื่องประดับทานตะวันเซตนั้นแล้วดูเปลี่ยนไปในทันที ดูสวยสะดุดตาขึ้นมาทันที
มู่เฉิงอยากให้ถังจื่อซีใส่เสื้อผ้าชุดนี้เดินช้อปปิ้งต่อทันทีเลย
ถังจื่อซีก็พึงพอใจกับเสื้อผ้าชุดนี้และเครื่องประดับชุดนี้มาก สวยงามปราณีต แต่สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องคำนึงเป็นพิเศษว่าเหมาะกับการใส่ในสถานที่แบบไหน
เอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปใส่ถุงก่อนเลยครับ มู่เฉิงหอบเสื้อผ้าไปหาเย่ยุ่น
ส่วนหลินฉือได้พาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ไปที่ทางด้านซ้าย
มองชุดที่หลินฉือแมทช์ให้กับถังจื่อซี เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะให้หลินฉือแมทช์เสื้อผ้าให้กับเขา ถึงแม้ตัวเขาเองก็สายตาดีมาก……แต่ถ้าตัดปัญหาทิ้งได้ ใครบ้างที่ไม่อยากตัดปัญหาทิ้ง?
หลินฉือไม่ได้รีบร้อนเลือกเสื้อผ้าให้กับถังจื่อโม่ เธอก้มหน้ามองถังจื่อโม่ เด็กที่เย็นชาอย่างนี้ จะแต่งตัวยังไงดีล่ะ?
เพราะถังจื่อซีสามารถใส่เสื้อผ้าออกมาได้ผลลัพธ์ที่เพอร์เฟค กับถังจื่อโม่เธอเองก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
หลินฉือมองเสื้อผ้าที่อยู่บนราวแขวนเสื้อ ได้เลือกเสื้อเชิ้ตมินิสีน้ำเงินอมเทาให้กับถังจื่อโม่ ด้านนอกแมทช์ด้วยแจ็กเกตสีน้ำตาลและกางเกงฮาเร็ม
ต่างกับเสื้อผ้าที่เอาให้ถังจื่อซี เสื้อผ้าที่หลินฉือเอาให้ถังจื่อโม่คือเป็นแบบชุดเซต ไม่ใช่เลือกมาหลายตัวแล้วให้เขาเอาเข้าไปลองโดยตรง ไม่ว่าถังจื่อโม่จะแคร์หรือไม่ เสื้อผ้าของเด็กผู้ชายมักจะยุ่งยากกว่าของเด็กผู้หญิงเสมอ
หลินฉือยื่นเสื้อผ้าให้กับถังจื่อโม่ ให้เขาไปลองชุด ในมือได้หยิบเสื้อคาร์ดิแกนแบบเซตสองชิ้นสีม่วงอ่อนออกมาอีก เสื้อคลุมเป็นสีส้ม สองสีนี้แมทช์กันยากมาก แถมสีอย่างนี้ก็คนใส่กันน้อยมาก แต่หลินฉือรู้สึกว่าถังจื่อโม่สามารถใส่ออกมาได้ดูดี
ตอนที่ถังจื่อโม่ออกมา มองตัวเองที่หล่อเหลาและเท่ห์เอาการผ่านกระจก เขาได้โพสต์ท่าโดยที่ไม่รู้ตัว ถังจื่อซีไม่อาจทนดูสีหน้าท่าทางที่หลงตัวเองของถังจื่อโม่ ที่จริงพี่ชายเธอหลงตัวเองมาก!แค่ไม่ได้แสดงออกมาเฉยๆ
หลินฉือพึงพอใจมาก ได้ถือโอกาสถ่ายรูปด้วย เด็กที่น่ารักขนาดนี้ ราวกับได้ทำให้เสื้อผ้าตัวนี้ดรอปลงไปหมดเลย
ถังจื่อโม่ได้ไปลองชุดที่สองอีก ตอนที่ออกมาและมองตัวเองผ่านในกระจกแล้วได้เม้มปาก
หลินฉือเข้าใจแล้ว การแมทช์กันของเสื้อผ้าสองชุดนี้ ชุดนึงเท่ห์ ชุดนึงทันสมัย เห็นได้ชัดว่าถังจื่อโม่ชอบชุดแรกมากกว่า
มู่เฉิงเข้ามาเห็นถังจื่อโม่แล้วได้ผิวปากทีนึง การแต่งตัวแบบนี้ ออกไปคงต้องดึงดูดคนจำนวนไม่น้อยเลย
ทันใดนั้นมู่เฉิงเองก็ได้เกิดความสนใจ——เขาไม่ค่อยถนัดเสื้อผ้าของผู้หญิง แต่ถนัดกับเสื้อผ้าของผู้ชายมาก เขาเองก็เกิดอย่างแต่งตัวให้ถังจื่อโม่มาก
มู่เฉิงได้เลือกการแต่งตัวที่เรียบง่ายที่สุดให้กับถังจื่อโม่ เสื้อเชิ้ตแขนกุดสีดำบวกกับกางเกงยีนส์ ภาพบนเสื้อเชิ้ตแขนกุดคือภูตผีปีศาจสีขาว เผยแขนขาวเนียนสองข้างออกมา ดูแล้วไม่เคยผ่านแดดผ่านลม ผิวเนียนละเอียด ผิวที่ขาวเนียนนี้กับภาพสีดำเป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจน แตกต่างกันมากเกินไป
ได้เลือกเสื้อสเวตเตอร์มาอีกตัวนึง กางเกงสีขาวดูสะอาดตา ถังจื่อโม่ค่อนข้างพึงพอใจมาก
หลินฉือมองถังจื่อโม่ รู้สึกเด็กคนนี้เหมาะกับหล่อกระชากใจ ได้หยิบเสื้อโค้ทสีดำตัวนึง เลือกกางเกงขาสั้นสีดำตัวนึง แล้วเลือกรองเท้าบูทมาแมทช์ให้กับเขาคู่นึง ตอนที่ถังจื่อโม่เดินออกมา มู่เฉิงรู้สึกเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยมชัดๆ ฆ่าทุกอย่างในวินาทีเดียว
หลินฉือชื่นชม หน้าตาดีใส่อะไรก็ได้จริงๆด้วย น่าโมโหจังเลย
ครั้งแรกที่แต่งตัวดูดีดูเท่ห์ขนาดนี้ แม้แต่อารมณ์ก็ดีมาก ไม่เพียงถังจื่อซีที่อารมณ์เบิกบาน ถังจื่อโม่ก็อดยกมุมปากขึ้นไม่ได้เหมือนกัน
ถ้าพวกคุณชอบเครื่องประดับจิวเวลรี่ ลองไปดูที่ฝั่งตรงข้ามได้ค่ะ ฝั่งนี้หลักๆคือเสื้อผ้า
หลินฉือดูนาฬิกาแวบนึง เธอต้องไปแล้ว ได้พูดเตือนมู่เฉิง
จะพูดยังไงดีล่ะ คนสวยควรคู่กับเครื่องประดับที่สวยงามปราณีต ถึงแม้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยังเด็กอยู่ แต่ความสวยไม่ได้จำกัดที่อายุ
มู่เฉิงพยักหน้า มองหลินฉือพูดเสียงเบากับ叶韵ไปหลายคำก็ได้ไปจากที่นี่
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่มองเสื้อผ้าบนตัว และพวกเสื้อผ้าที่เคยลองใส่พร้อมใส่ถุงเรียบร้อย รู้สึกเพียงพอแล้ว จึงไม่ได้เดินช้อปปิ้งต่อ
มู่เฉิงรู้ว่าเสื้อผ้าของที่นี่แพงมาก คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากลดราคาไป50%แล้วก็ยังจ่ายไปแสนกว่าหยวนอีก เครื่องประดับคอลเลคชั่นทานตะวันที่แพงที่สุดชุดนั้นยังไม่ได้เสียตังค์ด้วยนะ หลินฉือเป็นคนมอบให้ถังจื่อซี
ถังจื่อซีไม่มีนิสัยที่ชอบรับของขวัญจากคนอื่นฟรีๆ เธอมองหน้ามู่เฉิงอยากให้เขาจ่ายตังค์
叶韵ได้ยื่นกระดาษไปใบนึงโดยตรง แล้วพูดกับถังจื่อซีว่า: คุณผู้หญิงคนเมื่อกี๊บอกว่า ถ้าเป็นไปได้ หวังว่าจะสามารถเพิ่มช่องทางการติดต่อหน่อย เธอชอบคุณมาก เครื่องประดับชุดนี้ถือเป็นของขวัญเจอหน้ากันค่ะ
ถังจื่อซีรับกระดาษมา บนกระดาษได้เขียนตัวเลขทั้งแถวไว้ เป็นเบอร์โทรศัพท์ เธอพยักหน้าและรับของขวัญนี้ไว้
เราไปดูที่ฝั่งตรงข้ามกันเถอะ มู่เฉิงได้พาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ไปที่ร้านตรงข้าม ชื่อร้านคือ ฉุน เป็นชื่อที่มีความพิเศษมาก
มู่เฉิงมองไปแวบนึง เครื่องประดับพวกนี้ล้วนไม่มียี่ห้อเลย แต่มีความรู้สึกในการออกแบบมาก เจ้าของร้านเป็นผู้ชายที่ไว้หนวดเครา ดูแล้วสง่าผ่าเผยมาก เขาเห็นหลินฉือกับมู่เฉิง ถังจื่อซีและถังจื่อโม่ทยอยกันออกมาจากฝั่งตรงข้าม ถามมู่เฉิงว่า ได้เห็นผู้หญิงคนก่อนหน้านี้หรือเปล่า
มู่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้มว่าหลินฉือได้ช่วยพวกเขาเลือกเสื้อผ้าไปไม่น้อยเลย ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมา ได้บอกพวกเขาโดยตรงว่าจะลดให้พวกเขา20%
วันนี้โชคดีขนาดนี้เลยเหรอ?มู่เฉิงรู้สึกวันนี้ตัวเองออกจากบ้านได้ดูปฏิทินอยู่ แต่ละคนลดราคาให้ตัวเองกันหมด
ถังจื่อซีได้ถูกใจสร้อยข้อมือใบโคลเวอร์สี่แฉกแบบนึง เธอแค่ชอบความหมายแอบแฝงของใบโคลเวอร์สี่แฉกอย่างเดียว ใบไม้ทุกแฉกล้วนมีความหมายเฉฑาะของมัน——ความหวัง ความเชื่อมั่น ความรักความโชคดี
สร้อยข้อมือใบโคลเวอร์สี่แฉกอันนี้เรียบง่ายมาก สีทองสองอัน สีขาวสองอัน ยังมีอีกอันคือสีเทา อบอุ่นและสดใส
เจ้าของร้านเอาสร้อยข้อมือออกมาให้ถังจื่อซีลองใส่ แต่ข้อมือของถังจื่อซีเรียวเล็กเกินไป พอใส่ก็ตกเลย เธอได้วางกลับไปด้วยความผิดหวัง มู่เฉิงได้ให้คนใส่กล่องโดยตรง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า: เก็บไว้ใส่วันหลัง
ถังจื่อโม่แขวะอยู่ในใจ นี่ก็โอ๋เกินไปแล้ว โอ๋เป็นลูกสาวเหรอ ?แต่เหมือนผู้หญิงต่างก็ชอบของพวกนี้ทั้งนั้น ถังจื่อโม่นึกถึงเครื่องประดับของแม่เขาเพียงพอให้เปิดนิทรรศการจิวเวลรี่ครึ่งนิทรรศการแล้ว เลยได้คอยติดตามด้วย
ถังจื่อซีรู้สึกด้านในไม่มีอะไรที่เธอสามารถใส่ได้ และเด็กก็ไม่ต้องการของพวกนี้จริงๆ จึงไม่ได้ดูอีก มู่เฉิงเดินดูรอบนึง ได้หยิบสร้อยคอทับทิมมาเส้นนึง เป็นสร้อยรูปทรงผีเสื้อ ยังได้หยิบเข็มกลัดอีกสองอัน อันนึงคือรูปทรงแมลงปอ ได้ฝังด้วยเพอริดอทสีมรกตและเพชรสีเหลืองกับหยกน้ำงาม อีกอันนึงค่อนข้างคลาสสิก เป็นงานฝีมือขนนกกระเต็น ตอนนี้มีน้อยมาก
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับเงินมากเท่าไหร่ แต่ดูบนป้ายราคามีเลขศูนย์อยู่หกตัวก็ค่อนข้างตกตะลึงเหมือนกัน คุณอารวยขนาดนี้เลยเหรอ?ถ้าแดดดี๊รู้ว่าพวกเขาออกมาเที่ยวนึงใช้เงินไปเยอะขนาดนี้จะอัดพวกเขาให้น่วมหรือเปล่า?ใช้เงินของคนอื่นนี่รู้สึกกระวนกระวายใจจริงๆ!
มู่เฉิงเช็คบิลอย่างไม่กะพริบตาเลย ของที่เขาชอบ ทุ่มเงินเท่าไหร่ก็คุ้มค่า ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังต้องเอาใจถังจื่อซีกับถังจื่อโม่นะ?
ถังจื่อโม่ชักจะสงสัยแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ตัวเองไม่รู้จักสถานที่พวกนี้เลย ร้านแบรนด์เนมที่พวกเขาไปในก่อนหน้านั้น ทำไมบางที่ราคายังไม่แพงเท่าที่นี่เลย?สงสัยมาตลอดทาง ตอนที่นั่งอยู่บนรถเขาก็เลยได้ถามมู่เฉิง
มู่เฉิงหัวเราะดังลั่น ที่นี่น่ะเหรอ ที่จริงแทบจะไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามา ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่ล้วนป็นดีไซน์เนอร์ของแต่ละธุรกิจที่สื่อสารกันและกัน หรือพวกคนที่ออกจากวงการแต่ออกแบบเป็นบางครั้ง พวกเขาจะเอาผลงานออกแบบของตัวเองมาวางขายที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่แค่มีเงินก็จะรู้นะ คนที่รู้ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักดีไซน์เนอร์ตัวท๊อปคนนึง
มู่เฉิงไม่ได้โกหก คนที่เจอในนี้ล้วนมีความเป็นไปได้ว่าเป็นดีไซน์เนอร์ตัวท๊อปคนไหนสักคน
อย่างเช่นหลินฉือ มู่เฉิงคิดว่าเธออาจจะเป็นดีไซน์เนอร์เสื้อผ้า หรือว่าดีไซน์เนอร์จิวเวอร์รี่ ความสัมพันธ์กับเจ้าของร้านร้านเยว่จือซิงซิงจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เขาไม่ค่อยรู้จักคนของที่นี่ และไม่จำเป็นต้องรู้จัก ดังนั้นก็เลยรู้แค่สถานที่แห่งนี้ สำหรับร้านเยว่จือซิงซิง เขารู้แค่ว่าร้านนี้ขายเฉพาะเสื้อผ้าเด็ก ว่ากันว่าดีไซน์เนอร์ตัวท๊อปท่านนึงได้แท้งตอนที่ยังตั้งครรภ์อ่อนๆ แม้แต่เพศของลูกก็ไม่แน่ใจ เธอรู้สึกละอายใจต่อลูก เลยเอาความคิดถึงของตนเองฝากฝังไว้ที่นี่หมด
ร้านเยว่จือซิงซิง ขายแค่เสื้อผ้าเด็กเท่านั้น ไม่ได้ขายอย่างอื่น