ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1633 “ชู้”ถูกเปิดเผย
เวินลั่วฉิงได้รับข่าวของถังจื่อโม่แล้ว รู้สึกว่าปัญญาชักจะยิ่งหนักขึ้นแล้ว ถังไป๋เชียนคนนี้นี่อยู่ทุกที่จริงๆ ทำให้คนยากที่จะป้องกัน
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าถังไป๋เชียนกำลังลบล้างความรู้สึกและความสำคัญที่เขาอยู่ในใจตัวเองทีละนิด จากพันธมิตรมาถึงเพื่อน จนต่อมาแยกทางกัน ถังไป๋เชียนเหมือนไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดเลยบางทีถังไป๋เชียนอาจจะชื่นชมความพึ่งตัวเองของเธอ แต่ในด้านความรัก เขาหวังแค่ว่าตัวเองสามารถทำตามอย่างที่เขาคิด และคอยเชื่อฟังแต่ดีๆ
นี่เป็นสิ่งที่เวินลั่วฉิงทนไม่ได้ที่สุด ความรักที่เธอต้องการคือกันและกัน ไม่ใช่แค่ได้ครอบครองด้วยความเห็นแก่ตัว
ความแตกต่างของถังไป๋เชียนกับเย่ซือเฉินคือ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เย่ซือเฉินจะไม่ทำร้ายตัวเองจริงๆ ถึงจะทำร้ายแค่เล็กน้อย ก็จะเสียใจมากๆ จะโทษตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แต่ถังไป๋เชียนไม่ใช่ เขาเป็นคนประเภทที่ว่าถ้าไม่ได้ก็จะทำลายทิ้ง เขาไม่ยอมให้เรื่องใดๆหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา เวินลั่วฉิงไม่สงสัยเลยว่าถ้าต่อมาเขาพบว่าควบคุมตัวเองไม่ได้อีก ก็จะทำลายล้างทุกอย่างๆไม่เสียดาย
เดิมที เวินลั่วฉิงคืออยากรอให้ถังไป๋เชียนลงมือเอง เธอจะคอยจ้องเล่นงานเขาอยู่ข้างหลัง ตอนนี้ เวินลั่วฉิงไม่อยากเล่นกับเขาต่อแล้ว เธอได้แจ้งข่าวให้เย่ซือเฉิน ให้เขาส่งคนไปเฝ้าจับตาดูถังไป๋เชียนเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เวินลั่วฉิง ลดพื้นที่เคลื่อนไหวของตัวเอง ส่วนใหญ่แทบจะเคลื่อนไหวอยู่แค่ที่บ้านและบริษัทของเย่ซือเฉิน
ตอนนั้น แผนการของถังไป๋เชียนคืออยากลักพาตัวเธอจากไปโดยสิ้นเชิง รายละเอียดในนั้นเวินลั่วฉิงไม่อยากพูดถึงอีก แผนการของเขาสมบูรณ์แบบ
แต่เวินลั่วฉิงรู้ ขอแค่มีเย่ซือเฉินอยู่ ไม่ว่าแผนการของถังไป๋เชียนจะรอบคอบมากแค่ไหน เย่ซือเฉินก็ไม่ให้เขาพาเธอจากไปหรอก ยิ่งไปกว่านั้น เธอยิ่งไม่ใช่คนที่ยอมรับความบากโดยที่ไม่ขัดขืนและเป็นฝ่ายถูกกระทำให้ยอมรับ ถึงถังไป๋เชียนจะพาเธอจากไปจริงๆ เธอก็จะคิดหาทุกวิถีทางกลับมา เวินลั่วฉิงไม่เกรงกลัวเลยสักนิด แต่ตอนนี้ เธอไม่อยากเล่นกับถังไป๋เชียนแล้ว อยากจบโดยตรง
เวินลั่วฉิงไม่กังวลเรื่องนี้เลย สิ่งเดียวที่กังวลคือคนอย่างถังไป๋เชียนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถังไป๋เชียนไม่มีทางถูกจับได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
เย่ซือเฉินได้รับข่าวแล้วไม่แปลกใจเลย เขาไม่ประทับใจถังไป๋เชียนเลย เพียงเพราะตอนนั้นเวินลั่วฉิงได้ถูกเขาดูแล ที่ผ่านมาถึงไม่ได้หาเรื่อง
ถ้าพูดจากใจจริง ในใจเขาเคียดแค้นถังไป๋เชียนมาโดยตลอด ไม่มีใครชอบขี้หน้า ศัตรูหัวใจ ของตัวเองหรอก!
เวินลั่วฉิงจัดเก็บข้าวของ เธออยากออกไปเที่ยวนึง แต่มีสายเรียกเข้าของมู่เฉิง เดิมทีคืออยากตัดสายทิ้งโดยตรง แต่คิดๆแล้วก็ได้รับสายด้วยเสียงเย็นชา: หัวหน้าน้อย เรื่องที่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเจอหน้ากันหน่อย ฉันตอบตกลงค่ะ แต่จะต้องรออีกหน่อยนะ มากสุดสองวันค่ะ
มู่เฉิงคิดไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะตอบตกลงกะทันหัน เขาเงียบไปครู่นึง ที่จริงเขาโทรมาไม่ใช่เพราะจะนัดเธอเลย สาเหตุที่แท้จริงคือถังจื่อโม่สนใจองค์กรโกสต์ซิตี้ อยากไปดูที่นั่นหน่อย แต่เรื่องนี้ ถึงถังจื่อโม่มีความคิดที่อยากจะไปมากแค่ไหน มีความพึ่งพาตัวเองมากแค่ไหน ก็จำเป็นต้องให้เวินลั่วฉิงหรือว่าเย่ซือเฉินเห็นด้วยก่อน
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้โทรหาเวินลั่วฉิง อีกอย่างถังจื่อโม่กับถังจื่อซีอยู่ข้างกาย มือถือเปิดลำโพงเอาไว้ คำพูดของเวินลั่วฉิงจึงได้ทะลุเข้าไปในหูของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อย่างไม่ตกหล่นสักคำ พวกเขามองมู่เฉิงด้วยความตกตะลึง
มู่เฉิงรู้สึกไม่ว่าว่าตัวเองจะแก้ต่างยังไงก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว ตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ ทำไมสายตาที่เด็กทั้งสองมองเขาต่างก็แปลกประหลาดขึ้นมาล่ะ?ราวกับว่าเขาได้เลื่อยขาเก้าอี้ของแดดดี๊พวกเขา ที่จริงเปล่าเลย อย่าว่าเขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้เลย ถึงมีความกล้าแบบนี้จริงๆ ถังฉิ้นเอ๋อเป็นลูกสาวของพ่อบุญธรรม เขาไม่กล้าลงมือหรอก ที่จริง ตอนนั้นเขาก็แค่ชวนถังฉิ้นเอ๋อกินข้าวและแกล้งพูดจาให้กุ๊กกิ๊กนิดหน่อยเฉยๆ ก็แค่นั้นเอง!มู่เฉิงหงุดหงิด เขาอธิบายได้มั้ย?สามารถอธิบายให้ชัดเจนมั้ย?รู้สึกไม่มีทางเลยสักนิด
หัวหน้าน้อย? เวินลั่วฉิงไม่ได้ยินเขาตอบ จึงได้ถามด้วยความสงสัยคำนึง พูดตามหลักแล้วเขาเป็นคนโทรมา ไม่มีทางที่ไม่ได้ยินนี่หน่า
ถังจื่อโม่กับถังจื่อซีปิดปากเงียบอย่างเข้าใจกันโยปริยาย จ้องมองมู่เฉิงเอาไว้ มู่เฉิงรู้สึกตัวเองเหมือนคุกกี้สอดไส้เลย ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เขามองถังจื่อโม่แวบนึง ถังจื่อโม่จ้องกลับโดยที่ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
จากนั้นมู่เฉิงก็ได้มองไปที่ถังจื่อซีอีก ถังจื่อซีหันหน้าไปอีกทางอย่างเย่อหยิ่ง รอมู่เฉิงเป็นคนตอบเอง แต่หูกลับตั้งขึ้นมาและคอยฟังดีๆ
มู่เฉิงหมดหนทาง จึงได้แต่ลุยเอง เขาสูดหายใจลึกๆ ต้องพูดยังไงถึงจะสามารถทำให้คนไม่เข้าใจผิดนะ?ตอนนี้มู่เฉิงอยากกลับไปให้คำตักเตือนกับตัวเองในตอนนั้น ว่าอย่าพูดจากุ๊กกิ๊กไปมั่ว ขืนชดเชยไม่ได้ก็จบเห่แล้ว!
คุณถัง ผมเองครับ มู่เฉิง มู่เฉิงพูดอย่างมาดนิ่ง เขาไม่มีรอยยิ้มและคำพูดตลกของก่อนหน้านี้อีก ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ข้างกาย ถ้าให้พวกเขารู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่สงสัยก็แปลกแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มู่เฉิงยังรอถังจื่อซีกับซ่างกวนหงทำการตรวจDNA จะเกิดปัญหาไม่ได้เด็ดขาด
น้ำเสียงที่ไม่แยแสนี้ทำให้เวินลั่วฉิงสบายใจมาก คำพูดของมู่เฉิงในก่อนหน้านี้มักจะรู้สึกว่ามีความกุ๊กกิ๊กอยู่ในนั้น แต่มู่เฉิงดันไม่มีความหมายว่าแอ๊วเธอเลย ทำให้เธออึดอัดไปทั้งตัว ตอนนี้มู่เฉิงพูดจาจริงจัง เสียงไพเราะเสนาะหู การพูดการจามีกาลเทศะ แทบจะเป็นความเพลิดเพลินย่างนึง
ที่หัวหน้าน้อยโทรมาวันนี้คือเพราะเรื่องนัดเจอกันของก่อนหน้านี้เหรอคะ?ฉันตั้งใจมาคิดๆดูแล้ว เจอหน้ากันดีกว่าจริงด้วยค่ะ ตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่มีรู้สึกอะไรกับเรื่องของเจิ้งฉงแล้ว เรื่องของไป๋ยี่รุ่ยไม่เกี่ยวข้องกับเจิ้งฉง เธอก็ไม่ได้ติดค้างน้ำใจอะไรมู่เฉิง เธอก็ยังค่อนข้างถือสาเรื่องของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้อยู่
เธอฟังออก ที่ผ่านมามู่เฉิงคิดว่าเธอก็คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่เคยละทิ้งความคิดนี้สักที ตอนนี้เธอรับปากว่าเจอหน้ามู่เฉิง ก็คือจะพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ หวังว่ามู่เฉิงอย่ามุ่งเป้าหมายมาที่ตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังมีเรื่องของถังไป๋เชียน ถ้าถังไป๋เชียนหยิบยืมอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้มาใช้ ถึงเวลาก็แย่แล้ว
เวินลั่วฉิงเป็นคนที่เตรียมการไว้ล่วงหน้า เธอไม่อยากเกิดเรื่องแล้วค่อยมาชดเชยทีหลัง ไม่อาจชดเชยได้เป็นเรื่องนึง แรงใจที่ทุ่มเทไปเป็นอีกเรื่องนึง
ตอนนี้มู่เฉิงอยากวางสายทิ้งโดยตรงจังเลย!
ทำไมเรื่องนี้ถึงผ่านไปไม่ได้สักทีนะ?ตอนนั้นตัวเองนัดถังฉิ้นเอ๋อมันยากมากแค่ไหน ถังฉิ้นเอ๋อตอบตกลงปุ๊บ พูดติดต่อกันหลายคำขนาดนี้ เกรงว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่คงเข้าใจผิดแล้ว เขายังสามารถกอบกู้กลับคืนมาได้หรือเปล่า?มู่เฉิงมองถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ด้วยหน้าตาน่าสงสาร แล้วเปิดปากอย่างไร้เสียง: ไม่ใช่อย่างที่พวกหนูคิดนะ
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เข้าใจแล้ว ต่างก็ส่งเสียงฮื้อทีนึงโดยที่ไม่ได้นัดหมายกัน คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉิงจะรู้จักหม่ามี๊ แถมยังอยากนัดหม่ามี๊ออกมาด้วย เห็นแดดดี๊เขาเป็นคนตายรึไง?อีกอย่างตามนิสัยของหม่ามี๊แล้ว ส่วนใหญ่คนที่ไม่สนิทมานัดล้วนจะปฏิเสธโดยตรง ตอนนี้หม่ามี๊เห็นด้วยแล้ว มู่เฉิงไม่ได้พูดแค่ครั้งเดียวแน่นอน คุณอาคิดอะไรแผลงๆอยู่!
ถังจื่อโม่กับถังจื่อซีไม่ได้คิดไปทางด้านอื่น พวกเขาเชื่อความสัมพันธ์ของเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีลูกรักอย่างพวกเขาสองคนแล้ว ยิ่งไม่มีทางแยกจากกัน แค่รู้สึกไม่สบายใจเฉยๆ รู้สึกมีคนหมายปองหม่ามี๊ตัวเองอยู่เรื่อยเลย ไม่อยากรับรู้ความรู้สึกเศร้าใจแบบนี้เลยสักนิด
ถังจื่อซียิ่งกว่า เธอรู้ว่ามู่เฉิงรู้จักเวินลั่วฉิง ก็คิดได้แล้วว่าก่อนหน้านี้มู่เฉิงคงเคยหาเวินลั่วฉิงให้ตรวจDNAแล้ว แต่คงจะถูกปฏิเสธไป ในใจลึกๆของเธอรู้สึกสงสารซ่างกวนหงมากยิ่งขึ้น ยิ่งหวังให้เขานั่นแหละเป็นปู่ของตัวเองเลย!
มู่เฉิงไม่มีทางคิดได้ว่าโทรศัพท์สายนี้ได้เพิ่มความเชื่อมั่นในการตรวจDNAให้ถังจื่อซีทางอ้อม จึงทำให้เธอกลับไปก็เป็นฝ่ายไปหาซ่างกวนหงและเป็นคนเอ่ยปากออกมาเองว่าจะตรวจDNA
มู่เฉิงในนาทีนี้ มือถือโทรศัพท์และเปิดลำโพงเอาไว้ คอยคิดอย่ในใจว่าจะกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ตัวเองอยู่ในใจถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับมายังไง
ตอนที่เขาบังคับให้เวินลั่วฉิงเจอหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองก็มีวันที่ถูกบังคับให้เจอหน้าเหมือนกัน ที่สำคัญกว่าคือตอบรับการนัดหมายคือผิด ปฏิเสธยิ่งผิด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยังมองดูความเฮฮากันอยู่ มู่เฉิงไม่สงสัยเลยสักนิดว่าถ้าตัวเองตอบไม่เหมาะสม เด็กสองคนก็จะรวมหัวกันมารับมือเขา แม้กระทั่งอาจจะกลับไปฟ้องก็เป็นได้!ถ้าซ่างกวนหงรู้ว่าตัวเองได้นัดถังฉิ้นเอ๋อเป็นการส่วนตัว อาจจะไม่มีอะไร แต่ถ้าผลตรวจDNAออกมา ซ่างกวนหงรู้ว่าถังฉิ้นเอ๋อก็คือลูกสาวของเขา ซ่างกวนหงหันมาคิดบัญชีภายหลังไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะ!มู่เฉิงไม่กล้าคิดเลยว่าวันข้างหน้าถ้าซ่างกวนหงรู้……จะเป็นยังไง จะซ้อมตัวเองหรือเปล่า?
มู่เฉิงคิดอยู่ในใจว่าตัวเองก็โตป่านนี้แล้ว ขืนถูกซ้อมอีกยกนึง คงขายหน้าแย่เลย
อีกอย่าง ซ้อมยกนึงถือว่าเบาแล้ว ถ้าลงโทษด้วยวิธีอื่น……มู่เฉิงไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่ายังไงก็คงต้องให้ซ่างกวนหงได้ระบายความแค้นนี้ ดังนั้นลงโทษยังไงก็ไม่สามารถปฏิเสธเลย
มู่เฉิงเสียใจสุดขีด ทำไมตอนนั้นตัวเองต้องบังคับให้ถังฉิ้นเอ๋อเจอหน้าด้วย พูดจากันดีๆไม่ได้หรือไง?ดันจะต้องแส่หาเรื่องให้ได้!ตอนนี้ดีแล้วนี่ ต้องเอาตัวเองทุ่มเข้าไปด้วย!