ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1634 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง
มู่เฉิงเสียใจสุดขีดทำไมตอนนั้นตัวเองต้องบีบให้ถังฉิ้นเอ๋อเจอหน้าด้วย พูดจากันดีๆไม่ได้รึไง?ดันจะต้องแส่หาเรื่องให้ได้!ตอนนี้ดีแล้วนี่ ต้องเอาตัวเองทุ่มเข้าไปด้วย!ที่สำคัญคือเรื่องนี้ยังถูกลูกสาวและลูกชายของถังฉิ้นเอ๋อพบเห็นและจับได้คาหนังคาเขาจนไม่สามารถหลีกหนีอีก
ตอนนี้มู่เฉิงเสียใจมาก ทำไมตัวเองต้องโทรสายนี้ด้วย ให้ถังจื่อซีหรือว่าถังจื่อโม่โทรไม่ดีหรือไง?ตัวเองแค่คอยพูดเสริมอยู่ข้างๆก็พอ แสดงให้เห็นว่าจะปกป้องพวกเขาดีๆก็พอแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรเลย กลับกันสิทธิ์ยังควบคุมอยู่ในมือตัวเอง นัดเจอหน้ากันก็สมเหตุสมผล ตอนนี้ดีแล้วนี่ เหมือนตัวเองทำเรื่องผิดมโนธรรมแล้วถูกพบเห็น ที่จริงตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย แถมก่อนหน้านั้นนัดเจอถังฉิ้นเอ๋อยังถูกปฏิเสธด้วย เขาเป็นคนถูกปฏิเสธ เป็นคนที่เศร้าใจสุดขีด ตอนนี้กชับกลายเป็นตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว
แต่ถังฉิ้นเอ๋อดันยังพูดเสริมต่อ: มะรืนหรืออีกสามวันข้างหน้าฉันล้วนมีเวลาอยู่ หัวหน้าน้อยดูหน่อยว่าว่างวันไหน เรานัดเจอหน้ากันหน่อย สถานที่คุณกำหนดเลยค่ะ
ตอนนี้มู่เฉิงไม่ใช่แค่อยากวางสายทิ้งเท่านั้น แต่อยากเขวี้ยงมือถือทิ้งไปเลย!เขาแกล้งทำเป็นมือสั่นเขวี้ยงมือถือทิ้งทันมั้ย?มู่เฉิงคิดแผนการอยู่ ถังจื่อโม่เหมือนอ่านความคิดของมู่เฉิงออก ได้มองเขาอย่างเย็นชาแวบนึง แววตาแฝงด้วยความดูหมิ่น
มู่เฉิงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกยั่วยุ เขาได้จ้องมองกลับไป ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แถมตอนนี้คือช่วยถังจื่อซีกับถังจื่อโม่โทรศัพท์ ทำไมต้องทำหน้ากินปูนร้อนท้องด้วย!ถึงพวกเขาถามก็ถามไม่ได้ความอะไรหรอก ยิ่งไปกว่านั้นถังฉิ้นเอ๋ออยู่ ตอนที่แย่ที่สุดให้เธออธิบายก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
พอมู่เฉิงคิดได้ก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เขาเปิดปากพูดว่า: ไม่รีบครับ ผมยังนึกว่าคุณถังปฏิเสธไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางพลิกเปลี่ยนแล้วเสียอีก เขาไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะถูกจูงจมูกเดิน
ถังจื่อซีมองมู่เฉิงด้วยสายตาดูถูกแวบนึง เป็นคนที่ถูกหม่ามี๊ปฏิเสธอีกคน ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสารจริงๆ!
มู่เฉิงรู้สึกถูกโค่นล้ม ความคิดของเด็กมีการพัฒนาขนาดนี้เลยเหรอ?ในหัวมัวแต่คิดอะไรกันอยู่?หรือนี่ก็คือความลำเอียง?พวกเขาชอบถังฉิ้นเอ๋อ คิดเผื่อเธอทุกอย่าง ตัวเองก็คือแพะรับบาปที่คนอื่นเขาว่ากัน?
จำเป็นต้องบอกความจริงกับมู่เฉิงว่าคนที่ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่สนิทชิดเชื้อมากที่สุดก็คือเวินลั่วฉิง ถึงแม้ตอนนี้ข้างกายพวกเขามีญาติพี่น้องมากมาย แต่ในจิตใต้สำนึก พวกเขาสนิทชิดเชื้อและคุ้นเคยกับเวินลั่วฉิงมากที่สุด พอเวินลั่วฉิงกับใครเกิดความขัดแย้งปุ๊บ จิตใต้สำนึกของพวกเขาล้วนจะยืนอยู่ข้างเวินลั่วฉิง ต้นฉบับของการช่วยญาติโดยที่ไม่ดูว่ามีเหตุผลหรือเปล่า
มู่เฉิงแอบสงสารตัวเองที่เป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดายจริงๆ ไม่มีคนคอยปกป้องก็แล้วไป แถมยังถูกคนหัวเราะเยาะอีก!เขาเจอสาวสวยอยู่ถมเถไป!คอยดู!อีกไม่กี่วันเขาจะพากลับไปสักสี่ห้าคน!ให้เธอดูว่าตัวเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน!มู่เฉิงพูดจางอน
งั้นก็ดูวันว่างของหัวหน้าน้อยเลยค่ะ เวินลั่วฉิงไม่ได้ฝืนใจเขา ช่วงนี้เธอว่างมาก แค่เฝ้าจับตาดูถังไป๋เชียนก็พอแล้ว อีกอย่างเจอหน้ากับหัวหน้าน้อย คนขององค์กรโกสต์ซิตี้จะต้องคอยคุ้มกันอยู่รอบด้านแน่นอน ความปลอดภัยของเธอก็ได้รับการคุ้มกันทางอ้อม เวินลั่วฉิงไม่เป็นห่วงในจุดนี้เลย
มู่เฉิงรู้สึกเหมือนเอาหมัดชกไปที่บนก้อนสำลีนิ่มๆ ไม่มีที่ให้ใช้กำลัง เวินลั่วฉิงเหมือนไม่แคร์เลย ที่บอกว่าเจอหน้ากันก็แค่แล้วแต่ จะเจอหน้ากันก็ได้ ไม่เจอก็ได้ มู่เฉิงมีความรู้สึกแปลกๆที่ว่าเหมือนตัวเองกำลังอ้อนวอนเธอให้มาเจอหน้ากันอย่างอธิบายสาเหตุไม่ได้
ที่จริงผมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเวลาหรอก แค่ช่วงนี้คอยพาเด็กสองคนไปเที่ยว เด็กสองคนนี้ค่อนข้างติดผม ก็เลยไม่ได้กำหนดเวลาครับ มู่เฉิงแค่เปิดปากพูดก็เอาเหตุผลอ้างไปที่บนตัวถังจื่อซีกับถังจื่อโม่หมด พวกเขาสองคนต่างก็มองไปที่มู่เฉิงโดยที่ไม่ได้นัดหมายกัน ทำไมก่อนหน้านี้ถึงตระหนักไม่ได้เลยว่าคนๆนี้ใจดำขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าจะเอาพวกเขาเป็นเกราะกำบัง นี่จะให้หม่ามี๊ตอบยังไง?
เด็กสองคน?เวินลั่วฉิงชักจะสงสัยแล้ว คำพูดของหัวหน้าน้อยหมายความว่ายังไง?แสดงว่าเขาไม่มีเวลาเหรอ?เธอไม่แคร์หนิ จะวันไหนก็ได้ หรือว่าเพราะเด็กสองคนนี้ เขาเลยไม่มีเวลา คือปฏิเสธทางอ้อม?เวินลั่วฉิงคิดๆแล้วได้เปิดปากพูดว่า: เพราะฉะนั้น ความหมายของหัวหน้าน้อยคือ ไม่มีเวลาเจอหน้ากันเหรอคะ?
มู่เฉิงกระอักเลือด เด็กสองคนนี้หนิ!
ถังฉิ้นเอ๋อไม่ได้ตระหนักถึงอะไรเลยเหรอ?อีกอย่าง ทำไมเธอถึงตอบโดยตรงแบบนี้?ไม่มีเวลานัดเจอหน้ากัน……เขาหมายความว่าแบบนี้เหรอ?เห็นๆอยู่ว่าเขาอยากให้เวินลั่วฉิงเป็นคนกำหนดเวลาเอง!อีกอย่าง เสียงที่ไม่โกรธกริ้วเลยสักนิดนี้ เหมือนกำลังบรรยายความจริงอยู่ มู่เฉิงรู้สึกว่าคำพูดที่ตัวเองพูดไปในก่อนหน้านี้ล้วนพูดไปอย่างเปล่าประโยชน์
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ส่งเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นได้รีบความคุมตัวเองเอาไว้ เผยพิรุธออกมาไม่ได้นะ จะเผยพิรุธออกมาไม่ได้เด็ดขาด หม่ามี๊ยังคงเป็นคนเด็ดขาดขนาดนี้อีกแช่นเคย ฟังความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดไม่ออกเลย แต่อันนี้ไม่โทษหม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยู่กับมู่เฉิง จะเดาได้ยังไงล่ะ?
มู่เฉิงฟังเสียงหัวเราะของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่แล้วไร้เรี่ยวแรงแขวะ เขาได้แต่ย้ำเตือนอย่างคลุมเครือว่า: เด็กสองคนนี้เพิ่งมาได้ไม่กี่วันเอง เป็นแฝดชายหญิง เพิ่งจะห้าขวบ พี่ชายกับน้องสาวต่างก็น่ารักมาก มู่เฉิงรู้สึกไม่ชัดเจนพอ ยังไดพูดต่ออีก: ตัวพี่ชายเป็นเด็กแก่แดดคนนึง หน้าบึ้งตลอดเวลา ไม่ชอบยิ้ม น้องสาวค่อนข้างน่ารักกว่า ปากหวานโคตรๆ ก็ไม่รู้ว่าลูกเต้าเหล่าใคร น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ มู่เฉิงรู้สึกว่าตัวเองบรรยายได้เหมาสมมาก
เด็กแก่แดด?การเรียกนี้ไม่เลวเลย เหมาะกับถังจื่อโม่มาก เขาพยักหน้า ต่อไปก็มีคำพูดล้อเขาแล้ว
ถังจื่อโม่ขมวดคิ้วไว้ พร้อมมองมู่เฉิงอย่างเย็นชา อย่าคิดว่าเขาฟังไม่ออกนะ เด็กแก่แดด ที่มู่เฉิงพูดก็คือหมายถึงเขา!เขาเหมือนเด็กแก่แดดที่ไหนกัน?ดันจะต้องหัวเราะอยู่นั่นแหละ?อีกอย่าง เขาไม่รู้สึกว่าอยู่ดีไม่ว่าดีหัวเราะแล้วมันดูโง่มากเลยเหรอ?ถังจื่อโม่จ้องมู่เฉิงด้วยความโกรธ เกินไปแล้วจริงๆ!แต่ตอนนี้ดันยังเปิดปากพูดไม่ได้ด้วย!
เวินลั่วฉิงฟังแล้วได้หน้าห้อยลงมา เด็กสองคนนี้ ทำไมถึงได้เหมือนจื่อซีกับจื่อโม่มากขนาดนี้?
ไม่ใช่สิ!เวินลั่วฉิงดึงสติกลับมาได้ทันที นี่คือจื่อซีกับจื่อโม่ชัดๆ ความหมายของหัวหน้าน้อยคือลูกทั้งสองอยู่ในมือของเขา นี่คือกำลังบีบให้เธอเจอหน้างั้นเหรอ?
มิน่าล่ะ ถึงว่าหลายวันนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย วันนี้กลับโทรมากะทันหัน ที่แท้คือมีแผนการนี่เอง
ในสายไม่ได้ส่งเสียงใดๆมา ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ถูกลักพาตัวเหรอเนี่ย?เวินลั่วฉิงเป็นห่วงสุดๆ จื่อซีกับจื่อโม่ไปหาคุณปู่คนนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมจู่ๆถึงไปตกอยู่ในมือหัวหน้าน้อยได้?เวินลั่วฉิงเสียใจสุดๆ ทำไมตัวเองไม่ถามหลายคำหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น คุณปู่คนนั้นเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง จะนำมาเปรียบเทียบกับองค์กรโกสต์ซิตี้ได้อย่างไร?ตัวเองไว้ใจขนาดนี้ได้อย่างไร?เวินลั่วฉิงโกรธกริ้ว ถ้าพวกเขาลักพาตัวจื่อซีกับจื่อโม่ไป เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ตัวเองชัดๆ!
เบ้าตาเวินลั่วฉิงแดงก่ำ ลูกสองคนนี้เป็นเชือกฟางเส้นสุดท้ายของเธอ ใครก็ห้ามแตะ
เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงที่ตัวเองกัดฟันกร่อน: คุณก็แค่อยากเจอหน้ากันไม่ใช่เหรอ?เจอกันตอนนี้ได้เลย!ห้ามแตะต้องจื่อซีกับจื่อโม่!
เสียงเคียดแค้นที่แฝงด้วยอารมณ์นี้ได้ทะลุเข้าไปในหูของมู่เฉิง เขาเข้าใจในพริบตาว่าถังฉิ้นเอ๋อเข้าใจไปผิดแล้ว เมื่อครู่ ตัวเองไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลย แต่เขาก็เข้าใจได้ในพริบตาว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป ถังฉิ้นเอ๋อไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกับถังจื่อซีและถังจื่อโม่อยู่ด้วยกัน ยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองชอบพวกเขาสอบคนมาก เขาตั้งใจพาพวกเขาออกมาเที่ยวโดยเฉพาะ อยู่ในมุมของถังฉิ้นเอ๋อ เธอเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องปกติ
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ก็อึ้งไปในพริบตา น้ำเสียงของหม่ามี๊ผิดปกติมากๆ เหมือนจะสู้สุดชีวิตกับคุณอา พวกเขาเข้าใจในพริบตา ทันใดนั้นก็ไม่กล้าเสแสร้งอีก คิดแค่ว่าจะกอบกู้กลับคืนมายังไงดี
คุณถังอย่าเพิ่งใจร้อนครับ มู่เฉิงรีบพูดว่า จื่อซีกับจื่อโม่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ผมยิ่งไม่ได้ลักพาตัวพวกเขาครับ มู่เฉิงรู้สึกตัวเองถูกปรักปรำเกินไป จากโชคดีกลายมาเป็นโชคร้ายจริงด้วยเหรอเนี่ย?ก่อนหน้านี้ยังดีใจอยู่เลยที่ซื้อของแล้วได้ลดราคา ตอนนี้ถูกตบหน้ากลางสี่แยกทันที แถมยังยากที่จะอธิบายอีก
เวินลั่วฉิงไม่เชื่อเลย อารมณ์ของเธอร้อนสุดขีด: ถ้าจื่อซีกับจื่อโม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด
มู่เฉิงรู้สึกงานเข้าแล้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ แค่เข้าใจความโกรธและความกังวลของเธออย่างเลือนลาง
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ก็ไม่กล้าอยู่เงียบๆอีก พวกเขาคอยตะโกนอยู่ข้างๆอย่างขี้ขลาด: หม่ามี๊ พวกเราไม่เป็นไรครับ
เวินลั่วฉิงอึ้งอยู่กับที่ทันที เสียงนี้?
เป็นเสียงของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่จริงๆ เวินลั่วฉิงรู้สึกเสียงค่อนข้างสั่น เธอถามอย่างอ่อนโยนสุดขีด: ลูกสองคนยังโอเคอยู่มั้ย?ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เปิดปากพูดพร้อมเพรียงกัน: เปล่าค่ะหม่ามี๊ พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ และไม่ได้ถูกลักพาตัวด้วย คุณอามู่เฉิงเป็นคนพาพวกเราออกมาเที่ยวค่ะ
เวินลั่วฉิงเหลือเชื่อ แต่เสียงของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ใจเย็นเกินไป ไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด และยิ่งจริงใจกว่า ไม่ม่ความรู้สึกที่ปิดบังเลยสักนิด
เวินลั่วฉิงสบายใจขึ้นไม่น้อย เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่กล้าเชื่อง่ายดายขนาดนั้นแล้ว เธอพูดอย่างใจเย็นว่า: จื่อซี จื่อโม่ ลูกสองคนวางสายทิ้ง เราวิดีโอคอลคุยกัน