ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1638 สอนให้เขารู้หน่อย
ถังจื่อโม่พยักหน้า
ถังจื่อซีรู้ว่าตอนนี้เรื่องไม่มีทางพลิกผันแล้ว เธอก็พูดกับเวินลั่วฉิงเช่นกันว่า: หม่ามี๊วางใจได้ค่ะ พรุ่งนี้หนูกับพี่จื่อโม่จะเก็บของให้เรียบร้อย แล้วรอหม่ามี๊มารับพวกเราค่ะ
ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไข ถังจื่อซีก็ได้แต่ยอมรับ เธอรู้ว่าผลลัพธ์ของตอนนี้คือสิ่งที่พวกเขาก่อขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นก็ไม่บ่น ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ในใจเธอ เวินลั่วฉิงเป็นแม่ที่เปิดใจและอ่อนโยนมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอไม่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เต็มใจ แค่เศร้าหมองเล็กน้อยเฉยๆ
ในใจถังจื่อซีคิดว่าซ่างกวนหงอาจจะเป็นปู่ของตัวเอง ยังดีที่หม่ามี๊ให้เวลาหนึ่งวัน พรุ่งนี้ตัวเองสามารถไปตรวจDNAกับคุณปู่ ในใจถังจื่อซีสับสนสุดขีด แต่ก็ยืนกรานทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำ
ถังจื่อซีไม่ใช่ว่าไม่ผิดหวัง แต่ตอนนี้ถูกความหวังปกคลุมหมด เธอเชื่อมั่นว่าซ่างกวนหงก็คือคุณปู่ของเธอ พ่อของหม่ามี๊ เพราะฉะนั้น การจากไปของตอนนี้ แค่เพื่อการเจอกันใหม่ของวันข้างหน้า และการเจอกันอีกครั้ง ก็คือความสัมพันธ์ใหม่แล้ว!ถังจื่อซีเฝ้ารอการมาเยือนของวันนี้ ก่อนวันนั้น เรื่องทั้งหมดเธอล้วนยอมรับได้หมด แถมยอมรับอย่างมีความสุข
มู่เฉิงพูดต่อจากเวินลั่วฉิงว่า: คุณถังวางใจได้ ขอแค่มีผมอยู่ จื่อซีกับจื่อโม่จะไม่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน นี่เป็นการรับประกัน ยิ่งเป็นการทำให้ถังฉิ้นเอ๋อสบายใจ
เวินลั่วฉิงพยักหน้า กำลังอยากจะวางสายวิดีโอคอลลง กลับพบว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าไปทั้งตัว เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อครู่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย
เธอถามอย่างคิดทบทวนแล้ว: เสื้อผ้าที่ลูกสองคนใส่อยู่?เพิ่งซื้อเหรอครับ?
สวยมาก ดูดีมาก!
ตอนนี้ถังจื่อซีเหมือนเด็กสาวม้งคนนึง เครื่องประดับหน้าผากดอกทานตะวันเสริมให้รอยยิ้มของเธอดูสดใสมากเป็นพิเศษ ราวกับถังจื่อซีก็คือพระอาทิตย์ดวงน้อยๆ นำพาความอบอุ่นมาให้แก่ทุกคน
ส่วนเสื้อผ้าบนตัวถังจื่อโม่จะค่อนข้างเท่ห์กว่าหน่อยนึง แค่โพสต์ท่าไปมั่วก็เสน่ห์ล้นหลามแล้ว
ทรงผมของถังจื่อซีเป็นทรงผมที่ตอนอยู่บ้านไม่เคยลองมาก่อนเลย นี่ทำให้เวินลั่วฉิงตะลึงมาก เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ถังจื่อซีในก่อนหน้านี้ร่าเริงแจ่มใส แต่ไม่มีความรู้สึกที่งดงามขนาดนี้ ถังจื่อซีในตอนนี้เดินอยู่ท่ามกลางหมู่คน เกรงว่าเหมือนจะเปล่งออกมา แน่นอนว่าครึ่งนึงเป็นเพราะเครื่องประดับ ครึ่งนึงเพราะความงดงามของถังจื่อซี
ของถังจื่อโม่พอใช้ได้ เพราะเขาหน้าบึ้งไว้ตลอด ความหล่อถูกดรอปลงไปไม่น้อยเลย รู้สึก……ก็ยังเย็นชามากอยู่ดี
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจทันที พวกเขาพยักหน้า คุณอาเป็นคนซื้อให้พวกเราค่ะ เครื่องประดับที่หนูใส่อยู่พวกนี้ พี่คนสวยคนนึงคนให้มาค่ะ ถังจื่อซีแกว่งกำไลที่ใส่อยู่บนข้อมือไปมา เหมือนกำลังโอ้อวด
เวินลั่วฉิงจนปัญญา พวกเขากลายเป็นคนที่รับของของคนอื่นง่ายดายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ของที่มู่เฉิงซื้อให้พวกเขา ราคาจะต้องไม่เบาแน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแสน บวกกับเครื่องประดับชุดนี้……
เวินลั่วฉิงดูคร่าวๆ เครื่องประดับชุดนี้คาดว่าน่าจะต้องเป็นล้านเลย งดงามมาก!
แต่ถังจื่อซีเหมาะสมจนน่าแปลกใจ……เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ว่าจะเตรียมเงินเอาไว้หรือเปล่า มะรืนจะได้คืนให้มู่เฉิงโดยตรง เธอได้ละเลยสิ่งที่ถังจื่อซีพูดด้วยจิตใต้สำนึก เครื่องประดับชุดนี้คนอื่นเป็นคนมอบให้ เธอได้เอาพี่สาวที่ถังจื่อซีพูดถึงมาจับใส่กับมู่เฉิง เห็นพวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน ได้คิดบัญชีมามู่เฉิงโดยตรง เท่าที่เธอดู คนที่ไม่รู้จัก ใครจะมาใจป้ำขนาดนี้?
มู่เฉิงยิ้มอ่อนโยนอยู่ข้างๆ เสื้อผ้าของเด็กสองคนนี้เอามาน้อยเกินไป วันนี้ตอนที่พาพวกเขาออกไปเที่ยว เลยแวะซื้อให้พวกเขาหน่อย เดี๋ยวคุณมาลองดูได้ เหมาะกับพวกเขาทุกชุดเลย มู่เฉิงแฝงด้วยความโอ้อวด เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ก็หมายถึงทุกอย่าง!
เขาจะให้ถังฉิ้นเอ๋อเห็นความจริงใจที่เขามีต่อจื่อซีกับจื่อโม่
เวินลั่วฉิงดูออกว่ามู่เฉิงมาทวงคุณงามความดี ถ้าเป็นเธอจะปฏิเสธโดยตรง แต่ตอนนี้ลูกทั้งสองได้รับของขวัญไปเรียบร้อยแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว เธอพูดโดยตรงว่า: งั้นก็ขอบคุณหัวหน้าน้อยแล้วค่ะ! นี่เป็นแค่น้ำใจที่มู่เฉิงมีต่อเด็กสองคน ถ้าเธอให้เงินโดยตรง เกรงว่าจะทำให้มู่เฉิงไม่ชอบใจ เด็กทั้งสองก็จะกดดันด้วย แต่เครื่องประดับชุดนี้……เวินลั่วฉิงค่อนข้างลังเล ถ้าเธอรู้ว่ามู่เฉิงยังมอบสร้อยข้อมือ สร้อยคอและเข็มกลัดให้เธออีก เกรงว่าในใจคงจะต้องบ้าคลั่งแน่
เวินลั่วฉิงคิดอยู่ในใจว่าผู้ชายจะชอบอะไร ขาดอะไร เครื่องประดับชุดนี้จะเปลี่ยนวิธีคืนกลับไปยังไง
หม่ามี๊ เสื้อผ้าชุดนี้ของหนูสวยมั้ยคะ? ถังจื่อซีเดินไปหมุนตัวที่ไกลๆ แล้วรอคำชมอย่างเชื่อฟัง
เวินลั่วฉิงก็ไม่ประหยัดคำชมเลย เธอพยักหน้าแล้วพูดกับถังจื่อซีว่า: เสื้อผ้าชุดนี้สวยมากค่ะ สวยเหมือนนางฟ้าเลย!หม่ามี๊ไม่เคยเห็นจื่อซีที่สวยขนาดนี้มาก่อน!หม่ามี๊ว่าจื่อซีในตอนนี้จะต้องสวยที่สุดแน่เลย!
แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงก็ไม่ลืมที่จะชมถังจื่อโม่ เธอพูดด้วยรอยยิ้ม จื่อโม่ก็หล่อและเท่ห์มากครับ!
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ถูกเอาใจในพริบตา ถังจื่อซีพูดอย่างมีความสุขว่า: หม่ามี๊ เดี๋ยวหนูกลับไปใส่ให้หม่ามี๊ดูนะคะ ยังมีชุดสวยๆอีกเยอะเลย!
เวินลั่วฉิงพยักหน้า เธอไม่คิดอะไรแล้ว เพราะไหนๆมู่เฉิงก็รวยมากอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องแคร์
แต่ลูกรักสองคนเนี่ยสิคิดยังไง สนิทกันจนถึงขั้นรับของขวัญของพวกเขาแล้วเหรอ?
ถ้าเวินลั่วฉิงรู้ว่าในใจลึกๆของถังจื่อซี นอกจากรับของขวัญพวกนี้เอาไว้เพราะสนิทสนมกับซ่างกวนหงและมู่เฉิงเลยแล้ว ในใจยังมีอีกความคิดนึง นั่นก็คือ ถ้าจะคืนจริงๆ แดดดี๊กับหม่ามี๊จะต้องคืนอย่างไม่ลังเลแน่นอน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่รู้ว่าหลังจากเวินลั่วฉิงรู้แล้วจะมีความรู้สึกยังไง
พวกเขาคุยไปอีกไม่กี่คำก็ได้วางสายทิ้งไปแล้ว
เวินลั่วฉิงถือโทรศัพท์ไว้ยังค่อนข้างล่องลอย ทำไมไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน ลูกทั้งสองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ตีสนิทกับคนอื่นอย่างง่ายดาย แถมออกไปกับพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด นี่เป็นลูกที่ตัวเองอบรมสั่งสอนออกมาเหรอ?เรื่องนี้ก็กระทบกระเทือนจิตใจเธออยู่เหมือนกัน ตอนนี้ตัวเองต้องการสงบสติอารมณ์ลงมาหน่อย คิดพิจารณาเรื่องต่อจากนี้
หลังจากวางสาย ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ได้มองหน้ามู่เฉิง ทั้งสองไม่ได้พูดจาอย่างเข้าใจกันโดยปริยาย สุดท้ายความตื่นเต้นที่พูดคุยเรื่องเสื้อผ้ากับหม่ามี๊ผ่านไป พวกเขาก็ได้ใจเย็นลง เรื่องของวันนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาก็คิดไม่ถึง เหมือนดีใจสุดขีดจนเกิดความเศร้า ไม่ให้เวลาคนได้ไหวตัวเลย ผลของตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้วยังพอได้ ถือว่าพึงพอใจอยู่ แต่แค่……ต่างก็เจ็บใจเล็กน้อยเท่านั้น
มู่เฉิงถอนหายใจทีนึง เด็กทั้งสองก็คงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน พวกเขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เรื่องมากมายล้วนชำนาญเหมือนและง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่อยู่ตรงหน้าคนที่สนิทชิดเชื้อที่สุด ยังไงก็เป็นเด็ก เมื่อครู่หน้าตาเคร่งขรึมของถังฉิ้นเอ๋อเขายังคงจำได้อยู่เช่น สีหน้าแววตาที่ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่รู้สึกละอายใจเขาก็เห็นแล้วเหมือนกัน แต่แค่……นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของถังฉิ้นเอ๋อ เขาแทรกแซงเกี่ยวเกินไปไม่ได้ ให้เด็กสองคนอยู่ต่ออีกสองวันถังฉิ้นเอ๋อถือว่ายอมอ่อนข้อให้ที่สุดแล้ว
มู่เฉิงลูบศีรษะของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่: ไปกันเถอะ เอา‘ผลเก็บเกี่ยวที่ได้รับ’ของวันนี้กลับไป มู่เฉิงแกล้งทำเป็นชิวๆ เขารู้ว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่จะปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่จำเป็นต้องถามให้มากความเพราะฉะนั้นก็ไม่ให้ความอึดอัดกับพวกเขาเลย
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่พยักหน้า มู่เฉิงจูงมือพวกเขาขึ้นรถ
อยู่บนรถ ถังจื่อโม่มองหน้ามู่เฉิงแล้วพูดเสียงต่ำคำนึงว่า: ขอโทษครับ
มู่เฉิงค่อนข้างมึนงง ทำไมจู่ๆถึงขอโทษ?
ถังจื่อโม่เม้มปาก: เมื่อกี๊ ถ้าไม่ใช่ผมกับน้องปิดปากเงียบตลอด แถมยังมองคุณอาด้วยความเย้ยหยัน คุณอาก็ไม่พูดจาแบบนั้นกับหม่ามี๊ผม เรื่องมันก็จะไม่กลายเป็นแบบนี้แล้ว
มู่เฉิงหัวเราะเบาๆ ที่จริงเขาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจสักเท่าไหร่ ก็แค่กลับไปล่วงหน้า มีหรือที่ซ่างกวนหงหรือว่าตัวเองอาลัยอาวรณ์ เด็กทั้งสองก็จะไม่กลับไป?ไม่มีทาง เป็นแค่เรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
สักวันถังฉิ้นเอ๋อก็ต้องรู้สถานะของซ่างกวนหง รู้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับซ่างกวนหง นี่ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
เรื่องของวันนี้ ถังจื่อโม่ก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ใครก็ไม่ได้ทำผิด แค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
ยังไงซะถังจื่อโม่ก็เป็นแค่เด็กคนนึง ในใจเขารับเรื่องใหญ่โตเกินไปไม่ไหว ถังฉิ้นเอ๋อเป็นแม่ของเขา ตอนนี้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับถังจื่อโม่ก็ถือว่าไม่เลว เขาคิดว่าการโต้แย้งของตัวเองกับถังฉิ้นเอ๋อเป็นเพราะเขา เลยรู้สึกไม่สบายใจ
มู่เฉิงมีใจอยากจะปลอบโยน เขาพูดกับถังจื่อโม่อย่างจริงจัง: เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาย นายไม่จำเป็นต้องขอโทษ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นายสามารถยุ่งได้ อากับหม่ามี๊ของนายรู้จักกันตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เธอไม่เชื่อใจอาก็ไม่ใช่เพราะนาย นายไม่ต้องโทษตัวเอง
ถังจื่อโม่ไม่เข้าใจ เขามองหน้ามู่เฉิง มู่เฉิงก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา ได้ถอนหายใจแล้วถามถังจื่อโม่ว่า: นายคิดว่าเพราะนาย อากับหม่ามี๊นายถึงได้มีความขัดแย้งกัน หม่ามี๊นายถึงรีบร้อนที่จะรับพวกนายกลับไปใช่มั้ย?